ตอนที่ 151 มอบความสบายใจอันสงบให้เธอ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 151 มอบความสบายใจอันสงบให้เธอ

เดิมทีฟางจั๋วหรานต้องการอยู่กับหลินม่าย แต่มีคนไข้คนหนึ่งอาการไม่ดีนักพยาบาลจึงเรียกเขาไปตรวจ เขาเลยต้องผละจากไป

หลินม่ายยืนพิงกระจกหน้าต่างห้องไอซียูแล้วมองเข้าไปด้านใน เมื่อเห็นพยาบาลหลายคนสอดท่อและอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ให้โต้วโต้วอย่างกระฉับกระเฉง เธอก็อดไม่ได้ที่จะปาดน้ำตา

โต้วโต้วตัวเล็กขนาดนั้น นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลเหมือนไม่ได้เป็นอะไร กลับมีท่อและอุปกรณ์มากมายระโยงระยาง คิดแล้วก็เจ็บปวด

โจวฉายอวิ๋นกระซิบอยู่ข้างหูเพื่อปลอบเธอ

โต้วโต้วสลบไปและหลินม่ายพาไปส่งที่โรงพยาบาลจนตอนนี้ยังไม่กลับมา พนักงานทุกคนของเปาห่าวชือเสี่ยวชือเตี้ยนรู้เรื่องนี้

เวลาเก้าโมงครึ่ง ทันทีที่ร้านปิดลง ทุกคนไปที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมโต้วโต้วด้วยกัน

หลังจากค้นหาทั่วห้องแผนกอายุรกรรม ห้องให้น้ำเกลือ และห้องฉุกเฉินแล้ว ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของสองแม่ลูกหลินม่ายและโจวฉายอวิ๋นเลย

พนักงานเริ่มวิเคราะห์ “เป็นไปได้ไหมว่าเถ้าแก่เนี้ยอาจจะไม่ได้พาโต้วโต้วมาโรงพยาบาลผู่จี้แล้วไปโรงพยาบาลอื่น?”

พนักงานอีกคนส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้หรอก ศาสตราจารย์ฟางทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลผู่จี้ เถ้าแก่เนี้ยจะไม่มาโรงพยาบาลผู่จี้ได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้นอาการของโต้วโต้วในตอนนั้นก็แย่มาก เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไปไกล ๆ”

วังเสี่ยวลี่สะบัดมือไปมา “ทุกคนหยุดเดาก่อน ฉันจะถามพนักงานต้อนรับ”

พนักงานต้อนรับจำโต้วโต้วได้แม่น “เด็กที่หัวใจวายที่พวกคุณพูดถึงถูกส่งตัวไปห้องผ่าตัดเพื่อรักษาฉุกเฉิน ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าพ้นขีดอันตรายแล้วหรือยังน่ะค่ะ”

ทุกคนตกตะลึง

หล่อนแค่โดนเจ้าเด็กหยางหยางผลักล้มลง จะหัวใจวายได้ยังไง

กลุ่มคนพากันเฮโลไปที่ห้องผ่าตัด แต่พยาบาลบอกว่าโต้วโต้วผ่าตัดเสร็จแล้วและถูกส่งไปที่ห้องไอซียู

ทุกคนวิ่งไปที่ห้องไอซียูอีกรอบ สุดท้ายก็พบโจวฉายอวิ๋นและหลินม่าย

ทุกคนแย่งกันถาม “โต้วโต้วเป็นยังไงบ้าง?”

ครั้งนี้หลินม่ายอารมณ์คงที่ขึ้นมากแล้ว “ศาตราจารย์ฟางผ่าตัดให้แล้ว การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”

เพียงเท่านั้นทุกคนถึงสบายใจแล้วพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก “ก็ดีแล้ว ก็ดีแล้ว”

เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว หลินม่ายจึงบอกให้ทุกคนกลับไปพัก

ทุกคนปลอบใจเธอแล้วจากไป

หลินม่ายพบว่าโจวฉายอวิ๋นและหลี่หมิงเฉิงยังอยู่ จึงบอกพวกเขา “พวกเธอกลับไปเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้ามาเปิดร้านอีก”

โจวฉายอวิ๋นหันไปหาหลี่หมิงเฉิงแล้วพูด “นายกลับไปเถอะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนม่ายจื่อ”

หลี่หมิงเฉิงยังคงนั่งนิ่ง “เธอกลับไปเถอะ ฉันจะอยู่เอง”

จากนั้นเขาก็บอกข้อดีของตัวเอง “ฉันเป็นผู้ชายร่างกายแข็งแรง อดนอนแค่คืนเดียวไม่เป็นไร แต่เธอทนไม่ได้หรอก”

โจวฉายอวิ๋นกลอกตาใส่เขา “ผู้ชายยังไม่แต่งงานอายุสิบเก้าน่ะเหรอ? ขนขึ้นครบแล้วหรือ?”

มุมปากหลี่หมิงเฉิงกระตุก รู้สึกกระดากอายเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าหลินม่ายมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีจึงบอกเธอ “เธอกับพี่ฉายอวิ๋นกลับไปพักเถอะ ฉันจะอยู่เอง”

แม้โต้วโต้วจะอยู่ในห้องไอซียูแล้ว เธอก็ไม่ต้องการให้พวกเขาเป็นห่วงแม้แต่น้อย

แต่ถ้ามีคนอยู่ข้างนอก โต้วโต้วจะได้เห็นคนคุ้นเคยผ่านกระจกหน้าต่าง ถ้าตื่นขึ้นแล้วจะได้ไม่กลัว

หลินม่ายส่ายหน้า “ฉันไม่เหนื่อย แล้วก็ไม่ต้องการให้ใครอยู่เป็นเพื่อน พวกเธอกลับไปให้หมดเถอะ”

โต้วโต้วยังไม่ฟื้น เธอผู้เป็นแม่จะสามารถทิ้งไปอย่างวางใจได้อย่างไร!

หลี่หมิงเฉิงและโจวฉายอวิ๋นเห็นว่าหลินม่ายยืนกรานจะไม่กลับบ้าน ทั้งสองคนไม่มีทางเลือกได้แต่กลับไป

หลังฟางจั๋วหรานดูแลคนไข้แล้ว สุดท้ายเขาก็พอมีเวลาว่าง จึงรีบไปหาโต้วโต้วที่ห้องไอซียูทันที

เขาเห็นหลินม่ายยืนนิ่งอยู่นอกหน้าต่างห้องไอซียูของโต้วโต้ว ไม่รู้ว่าเธอยืนอยู่ที่นั่นนานแค่ไหนแล้ว

จึงเดินไปเข้าไปหาแล้วช่วยประคองเธอให้นั่งบนเก้าอี้ด้านนอกห้องไอซียู

เดิมทีหลินม่ายหยุดร้องไห้แล้ว แต่เมื่อเขาเข้ามาช่วย เธอกลับรู้สึกอ่อนแอขึ้นมาทันที

เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่ไม่มีเสียง ไหล่ของเธอสั่นอย่างรุนแรงจนทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

ในตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแค่ต้องการให้ผู้หญิงที่เขารักรู้สึกอบอุ่นขึ้นแม้เพียงเล็ก จึงดึงเธอเข้ามากอดในอ้อมแขนตน

หลินม่ายไม่ขัดขืนราวกับต้องการอ้อมกอดเป็นที่พึ่งพิง ได้แต่โทษตัวเอง “ทั้งหมดเป็นความผิดฉัน ฉันยุ่งอยู่แต่กับกิจการของตัวเอง โต้วโต้วไม่สบายฉันพาแกไปหาหมอ ได้แค่ฉีดยาแล้วก็กลับมาพร้อมกับยากิน ถ้าใส่ใจแกมากกว่านี้สักหน่อยคงเจอว่าแกเป็นอะไรเร็วกว่านี้ แกอาจจะไม่ต้องผ่าตัดแล้วทุกข์ทรมานขนาดนี้”

ฟางจั๋วหรานตบหลังเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยน “โต้วโต้วเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ยิ่งผ่าตัดเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี คุณไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก”

ยิ่งเขาอ่อนโยนมากเท่าไร หลินม่ายยิ่งเปราะบางและร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้น

หลังผ่านไปสักพัก หลินม่ายควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้ว เธอปาดน้ำตาด้วยหลังมือ เธอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแล้วพูด “คุณไปพักผ่อนเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว”

ฟางจั๋วหรานมองหน้าเธออย่างเจ็บปวด ผู้หญิงคนนี้ได้รับความทุกข์ใจมากมาย ทั้งแข็งแกร่งและไม่พึ่งพิงใครจนคนอื่นรู้สึกเจ็บปวด

“ไม่ ผมจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณ”

เขาไม่สามารถหาหัวข้อไหนมาพูดคุยกับเธอได้จึงแค่อยู่ข้าง ๆ เธอ ปลอบใจเธออย่างเงียบๆ

สุดท้ายเป็นหลินม่ายที่พูดขึ้น “ศาสตราจารย์ฟาง ตอนนี้ฉันขัดสนเล็กน้อย อาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือน ฉันถึงจะสามารถคืนค่าผ่าตัดโต้วโต้วให้คุณได้”

ฟางจั๋วหรานยิ้ม “ผมไม่ได้รีบร้อนใช้เงิน คุณจ่ายคืนเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าจริงจังนักเลย เรื่องค่ารักษาพยาบาลโต้วโต้ว ผมจะออกให้ก่อน ทั้งหมดนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง”

เมื่อคิดว่าหลินม่ายต้องเก็บเงินไว้ซื้อบ้าน แต่ตอนนี้โต้วโต้วต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเจ็บป่วยอย่างกระทันหัน หลินม่ายต้องดูแลโต้วโต้วไม่สามารถค้าขายผลิตผลทางการเกษตรได้ ทำให้ยิ่งยากขึ้นไปอีกถ้าจะเก็บเงินซื้อบ้านสักหลัง

เขาจึงพูดอีกครั้ง “ถ้าหากภายในสามเดือนคุณเก็บเงินซื้อบ้านไม่พอ คุณต้องบอกผมนะ ผมจะให้คุณยืมก่อนแล้วคุณค่อย ๆ จ่ายคืนผมทีหลัง”

หลินม่ายมองเขาด้วยความไม่เชื่อ “ศัลยแพทย์อย่างพวกคุณรวยขนาดนั้นเลยเหรอ?”

แม้เธอจะรู้ว่าศัลยแพทย์ได้เงินเยอะมากแค่ไหน ศาสตราจารย์ศัลยแพทย์ยิ่งได้มากกว่านั้น

แต่ฟางจั๋วหรานสามารถให้เธอยืมเงินถึงหมื่นหยวนได้อย่างง่ายดาย ทำให้เธอประหลาดใจ

ฟางจั๋วหรานยิ้มแล้วพยักหน้า “ใช่”

เขาแกล้งเย้ากึ่งจริงกึ่งเท็จ “ศัลยแพทย์เงินดีนะ ดังนั้นคุณพิจารณาที่จะหาศัลยแพทย์สักคนมาแต่งงานด้วยแล้วหรือยัง?”

เขารู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกหลังจากพูดออกไป

หลินม่ายยิ้มขมขื่น

เธอคิดอยู่ภายในใจ นี่เป็นสิ่งที่เธอมีคุณสมบัติพอจะพิจารณาหรือ?

อันดับแรก ไม่มีศัลยแพทย์คนไหนยินดีแต่งงานกับสาวบ้านนอกอย่างเธอ ทั้งยังเป็นสาวผิวดำ

แต่เธอไม่อย่างให้ฟางจั๋วหรานรู้ถึงความน้อยเนื้อต่ำใจในใจเธอ จึงพูดอย่างไม่แยแส “ฉันไม่อยากแต่งงานหรอกค่ะ ฉันต้องการแค่เลี้ยงดูโต้วโต้ว”

ฟางจั๋วหรานนิ่งค้าง

ดึกดื่นกลางราตรี ฝนที่ลังเลเป็นเวลาเนิ่นนานสุดท้ายเทลงมาอย่างหนัก บรรยากาศทั้งอบอ้าวและร้อนจัด

หลินม่ายเป็นห่วงโต้วโต้วจึงเดินไปที่หน้าต่างพลางมองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยแล้วถามฟางจั๋วหรานอย่างเป็นกังวล “อากาศร้อนอบอ้าวขนาดนี้ โต้วโต้วจะรู้สึกไม่สบายตัวหรือเปล่าคะ?”

ฟางจั๋วหรานส่ายหัว “ไม่หรอก สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องไอซียูดีมาก”

หลินม่ายจึงวางใจลงเล็กน้อย เธอยังคงมองไปยังเด็กน้อยแสนรัก

จนถึงตอนนี้ในท้องของเธอก็ส่งเสียงประท้วงอยู่หลายครั้ง ยิ่งกลางดึกอันเงียบสงัดก็ยิ่งได้ยินชัดเป็นพิเศษ

ฟางจั๋วหรานเหลือบมองท้องของเธอแล้วเดินไปอย่างเงียบเชียบ

ตอนกลับมา ในมือเขาถือเนื้อย่างเสียบไม้และยำถั่วแระ ทุกอย่างอุ่นร้อนแล้ว

เขายื่นอาหารในมือในหลินม่าย “คุณกินอะไรสักหน่อยสิ”

หลินม่ายส่ายหน้า “ฉันไม่หิวค่ะ”

เธอถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย “อาหารพวกนี้เก็บไว้นานแล้วไม่เสียเหรอ?”

“ไม่เสีย ผมเก็บไว้ในตู้เย็นของนักศึกษาต่างชาติน่ะ”

ฟางจั๋วหรานพูดขึ้นอีกครั้ง “เมื่อกี้ท้องคุณร้องเพราะความหิว แล้วคุณยังจะบอกว่าคุณไม่หิวอีก!”

ความคิดของหลินม่ายจดจ่ออยู่กับโต้วโต้ว เธอไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าเมื่อสักครู่ท้องเธอร้อง ยังคงส่ายหน้า “ฉันไม่หิวจริง ๆ”

เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่หิว แต่แม่สาวน้อยเพียงไม่มีความอยากอาหาร

ฟางจั๋วหรานวางของว่างเหล่านั้นลงบนเก้าอี้แล้วรินน้ำอุ่นให้หลินม่าย “ถ้าคุณไม่หิว คุณอาจจะกระหาย ดื่มน้ำหน่อยเถอะ”

ครั้งนี้หลินม่ายไม่ปฏิเสธ

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่หมอออร่าพระเอกจับมาก ทำคะแนนนำโด่งเลยนะคะ เรืออื่นสู้ไหวไหมเนี่ย

ไหหม่า(海馬)