เมฟิสโตตัดหนวดที่พันอยู่ออกและดึงรั้งสายจูงโจโคโบะขึ้นมา เขาตั้งใจที่จะอ้อมเส้นทางที่เต็มไปด้วยหนวดปลาหมึกยักษ์และเริ่มการพุ่งเข้าชนอีกครั้ง

เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มจู่โจมในครั้งนี้

บ่ายวันนี้ แบร์ดี้และสมุนโจรของเขาได้ออกไปสำรวจพื้นที่รอบ ๆ อย่างที่ทำเป็นประจำและได้หายตัวไป ไม่นานหลังจากที่พวกเขาตาย วิญญาณของพวกเขาก็ปรากฏขึ้นในตะเกียงวิญญาณที่เหล่าโจรภูเขาทุกคนได้เซ็นสัญญาไว้ นั่นบ่งบอกว่าพวกเขาตายแล้ว

เหล่าโจรภูเขาไม่คิดเลยว่า รอบ ๆ บริเวณนี้ยังมีคนที่กล้าพอจะยั่วยุกลุ่มของพวกเขา หัวหน้าโจรภูเขาโกรธมาก เขาส่งเมฟิสโตและกลุ่มของเขาไปโจมตีทันที เขาออกคำสั่งอย่างชัดเจนว่า ‘จงเผาทำลายหมู่บ้านให้สิ้นซาก แม้แต่ไก่กับหมาก็ห้ามเหลือรอดไปแม้แต่ตัวเดียว!’

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ…

“นี่มันอะไรกัน!”

ผู้วิเศษข้าง ๆ เมฟิสโตมองหนวดปลาหมึกที่ขยับไปมาและก่นด่าไปด้วย

“ท่านไม่รู้จักเวทมนตร์ชนิดนี้งั้นรึ” เมฟิสโต•ฟีเลสถามอย่างสุภาพ

แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของปฏิบัติการนี้ แต่เมฟิสโต•ฟีเลสก็รู้ว่าสถานะของกลุ่มผู้วิเศษเหล่านี้ในสายตาหัวหน้านั้นสูงกว่าเขามาก ถ้าเขาทำตัวหยาบคายต่อหน้าผู้วิเศษ เขาจะต้องถูกหัวหน้าลงโทษเมื่อพวกเขากลับไปถึงฐานแน่

“นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ มันไม่ใช่ศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ…มันเหมือนกับพิธีกรรมของพวกมนุษย์เงือก ปกติแล้วมนุษย์จะไม่ศรัทธาต่อเทพธิดาสมุทร…เป็นไปได้ไหมว่า ผู้วิเศษจากหอคอยมนต์ดำได้ค้นพบเวทมนตร์อัญเชิญรูปแบบใหม่?” ผู้วิเศษเริ่มตั้งข้อสงสัย

ดูเหมือนไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะช่วยเขาแก้ปัญหาได้ในเร็ว ๆ นี้

เมฟิสโตแอบถอนหายใจ แต่เขาก็ดีใจที่เด็กคนนั้นใช้เวทมนตร์นี้ออกมา เพราะเด็กดูเหมือนจะไม่สามารถควบคุมมันได้ดี แม้ว่าเวทมนตร์นี้จะแปลกมาก แต่ก็ไม่ได้ทรงพลัง

เมื่อโจโคโบะเริ่มเร่งความเร็ว หนวดปลาหมึกยักษ์ก็ไม่สามารถหยุดพวกมันได้!

แต่ในระหว่างที่พวกเขาสับสน เด็กที่ถือดาบอีกคนก็พุ่งเข้ามาในดงหนวด และตัดร่างของโจรที่โชคร้ายที่ไม่สามารถสลัดหลุดจากพันธนาการหนวดปลาหมึกได้ทันเวลา

ในการโจมตีพียงครั้งเดียว พวกเขาสูญเสียคนไปแล้วถึง 1 ใน 10 เมฟิสโตรู้ดีว่าเขาไม่สามารถประมาทเด็ก 2 คนนี้ได้

เขาเหวี่ยงแส้ในอากาศเป็นจังหวะเสียงดัง มันคือสัญญาณที่พวกเขาเตี๊ยมกันไว้แล้ว หลังจากสัญญาณถูกใช้ โจรที่เหลือก็ได้แยกออกเป็นสองกลุ่มทันที

พวกเขาวางแผนที่จะประกบเด็ก 2 คนนี้ไว้ตรงกลาง

โจรวัยผู้ใหญ่ 40 คนสู้กับเด็กตัวกระเปี๊ยก 2 คนวัย 12-13 ปี แต่พวกเขาต้องสู้อย่างเต็มกำลัง พวกเขาจะถูกหัวเราะเยาะแน่หากมีใครรู้เรื่องนี้เข้า

แต่เมฟิสโตรู้ดีว่า มีบางคนในโลกนี้ที่ไม่สามารถวัดได้ด้วยสามัญสำนึกปกติ…เขาเคยเห็นสัตว์ประหลาดแบบนี้ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่เขาจะกลายเป็นโจร

ดังนั้นหลังจากที่เขารู้ว่าเขาไม่ได้สู้อยู่กับมนุษย์ปกติ เมฟิสโตจึงไม่ตัดสินหนังสือจากหน้าปก เขาต้องใช้พลังทั้งหมดทำลายศัตรูให้สิ้นซากในครั้งเดียว

การตัดสินใจของเขาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง

เด็กทั้ง 2 มีพลังมาก เมฟิสโตรู้สึกว่าแม้แต่องครักษ์ของเมืองศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว แต่เด็กกำลังถูกประกบด้วยโจรบนหลังโจโคโบะทั้ง 2 ด้าน และการโจมตีนับไม่ถ้วนจากทุกทิศทาง พวกเขาเริ่มสูญเสียการควบคุมและเปิดช่องว่าง!

เด็กที่อัญเชิญสัตว์น้ำแปลก ๆ ได้ ดูเหมือนจะมีขีดจำกัดเรื่องจำนวนสัตว์น้ำที่เขาอัญเชิญได้ในแต่ครั้ง หลังจากยืนยันเรื่องนี้ได้แล้ว มันก็ไม่ยากเกินไปที่จะเอาชนะ

“อย่าฆ่าพวกมัน ข้าต้องการนำตัวพวกมันไปทดลองสร้างหุ่นเชิดวิญญาณของข้า!” ผู้วิเศษหลายคนออกคำสั่งเดียวกันนี้

ดังนั้นเมฟิสโตจึงต้องอดกลั้นความกระหายเลือดของเขา และปล่อยให้โจรคนอื่น ๆ โจมตีพวกเด็ก ๆ ต่อไป ส่วนเขาก็คอยมองหาช่องโจมตีที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายถึงตายสัก 2-3 ครั้ง ให้พวกเขาเสียเลือดมากจนไม่สามารถสู้กลับได้

แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจเลยคือเด็กสองคนนี้ยังยืนหยัดอยู่ได้ยังไง เห็นได้ชัดว่าเลือดของพวกเขาไหลชุ่มไปทั่วพื้น พวกเขาดูเหมือนจะล้มลงได้ทุกเมื่อ แต่พวกเขาก็ไม่ได้แสดงอาการเหนื่อยล้าให้เห็นเลยแม้แต่น้อย…อันที่จริง บาดแผลที่พวกเขาถูกฟันนั้นแปลกประหลาดมาก ยกเว้นการเสียเลือดในตอนแรก ที่บาดแผลนั้นเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนแผลหลอก ๆ ที่ป้ายสีแดงเลือดเอาไว้

เมฟิสโตไม่สามารถสั่งให้คนของเขาไปจับชาวบ้านที่หลบอยู่ด้านหลังเป็นตัวประกันได้ หากเขาแบ่งกำลังออกไป พวกเขาอาจถูกเด็ก 2 คนนี้ฆ่าทันที!

บางที เขาควรเกลี้ยกล่อมให้เด็กยอมจำนน…

ในขณะที่เมฟิสโตกำลังวางแผนอยู่ในใจ ทันใดนั้นเด็กที่ถือไม้กางเขนเปื้อนเลือดก็กระโจนเข้าหาผู้วิเศษโดยไม่สนใจบาดแผลที่ถูกแทงหลายที่บนร่างกาย เขาเหวี่ยงไม้กางเขนในมืออย่างแรงและร้องตะโกนว่า “หวดขึ้นฟ้า!”

ผู้วิเศษไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา ไม้กางเขนถูกเหวี่ยงฟาดเข้ามาในมุมแปลก ๆ มันส่งผู้วิเศษปลิวออกไปพร้อมกับโจโคโบะของเขา ก่อนที่เขาจะหล่นจากฟ้าตกลงมาอย่างแรงจนหิมะกระจาย

วินาทีต่อมา เด็กที่ถือดาบก็กระโดดข้ามหัวโจรหลายคนที่ตรึงเขาอยู่ ก่อนจะเหวี่ยงดาบยาวผ่าหัวผู้วิเศษคนนั้นตายทันที!

“เวร! ผิดคน หมอนี่ไม่ใช่หัวหน้าโจร!” หลังจากที่ทั้งสองเด็ดหัวผู้วิเศษได้ในไม่กี่วิ เด็กที่ถือไม้กางเขนก็มองไปที่กลุ่มโจรภูเขาที่ยังเหลือ และพูดอย่างหงุดหงิดว่า “บอสคือคนอื่น!”

‘พวกเขาต้องการสังหารผู้นำในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เพื่อให้โจรคนอื่น ๆ สับสนและพลิกสถานการณ์งั้นเหรอ’

‘ไม่ ก่อนหน้านี้พวกเขาจะสื่อสารและกำหนดกลยุทธ์นี้ได้ยังไงถ้าพวกเขาไม่ได้พูดคุยกัน จะเป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ?’

เมฟิสโตเริ่มกังวล

นี่ไม่ถูกต้อง แม้ว่าเขาจะทำให้ผู้วิเศษคนอื่นโกรธ แต่เด็กอันตราย 2 คนนี้ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ พวกเขาจะต้องถูกฆ่าโดยเร็วที่สุด!

ดังนั้นเขาจึงสะบัดแส้ออกคำสั่งอีกครั้ง

แต่คราวนี้ศัตรูของเขาดูเหมือนจะสังเกตเห็นการกระทำนี้

เด็กที่ถือไม้กางเขนมีไฟลุกโชนอยู่ในดวงตา เขาจ้องไปที่เมฟิสโตเหมือนหมาป่าจับจ้องเหยื่อ!

เมฟิสโตเริ่มปลอบใจตัวเองว่า ‘ไม่เป็นไร พวกมันกำลังบาดเจ็บสาหัส จะยืนก็แทบยืนไม่ไหวแล้ว ฝ่ายเรามีจำนวนมากกว่า เรามีโจร 40 คน บอกสิ ว่าข้าจะแพ้ได้ยังไง!’

“โจมตี! อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้!” ตั้งแต่ที่เด็กพบเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีกต่อไป เมฟิสโตตะโกนเสียงดังสั่งคนของเขา “เรามีจำนวนมากกว่า พวกมันมีกันแค่ 2 คน!”

แต่วินาทีต่อมา เสียงระเบิดก็ดังขึ้นมาในอากาศ

เมฟิสโตคิดว่าผู้วิเศษฝั่งเขาเริ่มโจมตี แต่แล้วเขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทำไมเสียงมันถึงดังมาจากด้านหลัง?

เมื่อเขาหันกลับไปมอง ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มีรถม้าปรากฏขึ้นในป่าใกล้ ๆ บนรถม้าเต็มไปด้วยผู้คน เพียงกวาดตามองคร่าว ๆ ก็นับได้ประมาณ 50-60 คนแล้ว

เพื่อให้รถม้าวิ่งเร็วขึ้น คนบนรถเหล่านั้นยังใช้พลังแปลก ๆ ทำลายสิ่งกีดขวางทั้งหมดที่ขวางหน้าและสร้างถนนตัดตรงออกจากป่า

“เจ้าว่าไงนะ” ผู้วิเศษหนุ่มผู้นำทีมพูดขณะที่เขากระโดดลงจากรถม้า เขามองไปที่เมฟิสโตแล้วยิ้ม “เจ้ามีจำนวนมากกว่าพวกเรางั้นรึ?”

——————————