ขณะที่ผมยืนอยู่ตรงนั้นอย่างประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เอลด้าก็ดูเหมือนจะรู้สึกตัวได้อีกครั้งเมื่อปีกที่อยู่ข้างหลังเธอจางหายไป เธอลืมตาขึ้นก่อนจะโฟกัสไปยังประตูมิติที่ยังเปิดอยู่ เธอยังคงมองไปที่ประตูมิติในขณะที่พูดกับผม และดูเหมือนว่าเธอจะไม่สังเกตเห็นเวโรนิก้าที่อยู่บนหัวของผมอีกด้วย
“ตอนนี้กี่โมงแล้วคะพี่ เวโรนิก้าต้องใช้เวลาพอสมควรในกา-”
ขณะที่เธอกำลังพูดและหันหน้ามาทางผม ดวงตาของเธอก็ต้องเบิกกว้างพร้อมกับสิ่งที่เธออยากจะพูดที่หายไป
ในไม่ช้าความเงียบก็ปกคลุมห้อง ซึ่งเวโรนิก้าเป็นคนแรกที่พูดด้วยเสียงแหลม
“ไงเอลด้า! เธอพูดถูก เวโรนิก้าชอบพี่ชายของเธอ!”
ดูเหมือนว่าเวลาจะดำเนินต่อไปหลังจากที่เธอพูด ขณะที่เอลด้ายังคงมองมาที่ผมด้วยสีหน้าตกใจ ผมจะไม่โทษเธอสำหรับเรื่องนั้นหรอกนะ
ผมหมายถึงว่าผมมีวิธีที่ใช้เพื่อให้ชินกับการรับมือกับเรื่องที่น่าตกใจมากมายอยู่แล้ว ซึ่งพอถึงจุดๆ หนึ่งเดี๋ยวพวกเขาก็ชินชาเหมือนกับผมเอง แต่สำหรับเอลด้านั้นไม่เหมือนกัน
เหตุผลที่ทำให้เธอมีปฏิกิริยารุนแรงก็เพราะนางฟ้ารับมือกับผู้ชายไม่เก่ง ไม่ใช่ว่าพวกเธอเกลียดผู้ชาย เพียงแต่ว่าพวกเธอดูเหมือนจะลำบากในการเข้าใกล้พวกเขา และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยมีการรายงานว่าชายคนใดสามารถอยู่ใกล้ชิดกับนางฟ้าได้มาก่อนและบัดนี้การได้เห็นหนึ่งในนางฟ้านั่งอยู่บนหัวของผมอย่างมีความสุขนั้นคงจะทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นแน่
“ด-ได้ยังไงกันคะ?”
สำหรับคำถามของเอลด้า ผมทำได้เพียงยิ้มอย่างบิดเบี้ยวพร้อมกับส่ายหัว ทำให้นางฟ้าบนหัวของผมกระเด้งไปด้วย
เมื่อพูดถึงเธอแล้ว มันน่ารำคาญจริงๆ กับการที่เธอนั่งอยู่บนหัวของผม ผมหมายความว่าคุณจะรู้สึกยังไงที่มีใครบางคนมานั่งอยู่บนหัวคุณและเล่นกับมันหล่ะ?
สำหรับผู้ชายแล้ว ทรงผมที่มีสไตล์ของเขาคือชีวิต! และใครก็ตามที่ยุ่งกับเส้นผมของเผู้ชายถือเป็นศัตรูตัวฉกาจ ยกเว้นแม่ของพวกเขา! แต่ไม่ว่าผมจะต้องการเท่าไหร่ ผมก็ตีเธอออกจากหัวไม่ได้ ก็ถ้าไม่ใช่ว่าผมอยากทุกกระทีบจนหน้ามืดและเป็นศัตรูกับเทพธิดาแห่งชีวิตหล่ะก็นะ
ผมมีเทพธิดาที่สติไม่ดีอยู่บนหลังของตัวเองอยู่แล้วและผมก็ไม่สนใจที่จะอยากมีเพิ่มอีกด้วย
“เห้อออ…เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกันได้”
นั่นคือทั้งหมดที่ผมสามารถพูดกับเอลด้าที่ตะลึงงันอยู่ก่อนจะได้สติในที่สุด
เธอก็ถอนหายใจและยิ้มก่อนจะพูดขึ้นมา
“เห้อออ…หนูโล่งใจค่ะ”
“ทำไมหล่ะ?”
“ก็หนูกลัวว่าพวกพี่จะไม่สบายใจกันหน่ะค่ะ”
“งี้นี่เอง…”
เมื่อได้ยินคำตอบของเอลด้า ผมก็พยักหน้าให้เธอ
ผมจะไม่โกหกโดยการบอกว่าไม่กังวลหรอกนะ แต่ดูเหมือนมันจะเป็นปัญหาเอาหน่ะสิ ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนเอลด้าจะไม่รู้สึกว่าตอนนี้ทั้งผมและเวโรนิก้าทำสัญญากันแล้วด้วย ซึ่งนั่นก็ดีเพราะผมไม่อยากทำลายความมั่นใจของเอลด้า และโชคดีที่ตอนนี้เวโรนิก้าลอยออกจากหัวของผมก่อนที่เธอจะบินไปหาเอลด้า
เธอเอื้อมมือไปหาเอลด้าและโอบร่างของเธอไว้เล็กน้อย ซึ่งนั่นทำให้เอลด้ายิ้มกว้าง
ผมเห็นได้ว่าทั้งคู่ดูมีความห่วงใยกัน ในขณะเดียวกันผมก็รีบเอามือไปจัดทรงผมของตัวเอง
“เวโรนิก้า ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่ของฉันเป็นคนพิเศษ?”
และในขณะที่ผมกำลังจัดทรงผมอยู่นั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงอันภาคภูมิใจของเอลด้าที่พูดกับเวโรนิก้า
“เธอพูดถูก เวโรนิก้าคิดผิด พี่ชายเธอเป็นคนดีจริงจริงงงงงงงงง”
เวโรนิก้าพูดขณะที่ลอยอยู่ข้างๆ ในไม่ช้าสายตาของเธอก็จับจ้องมาที่ผมก่อนจะลอยมาที่ไหล่ของผมและในไม่ช้าเธอก็หลับไป
ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงหลับได้เร็วขนาดนี้ เมื่อมองไปที่เอลด้า ผมก็เห็นรอยยิ้มเบี้ยวๆ บนใบหน้าของเธอขณะที่พูดขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าเวโรนิก้าจะชอบพี่มากเลยนะคะ”
“อ่า…คงงั้น”
“เธอเป็นพวกเอาแต่ใจหน่ะค่ะ”
“เห็นด้วยเลยแหละ”
ผมผงกศีรษะอย่างฉุนเฉียวให้เอลด้าที่หัวเราะเบาๆ แต่ในไม่ช้าเสียงหัวเราะก็จบลงเมื่อมีใบหน้าที่จริงจังของเอลด้าปรากฎขึ้นมา ดูเหมือนเธอจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้วในตอนที่มองผม
เอลด้ามองมาที่ผมอย่างมีความหวังขณะที่พูด
“คืนนี้พี่มาหาหนูหน่อยได้ไหมคะ?”
“หือ…ทำไมเหรอ?”
“หนูอยากพาพี่ไปที่ๆ หนึ่งค่ะ”
เอลด้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วผมก็ผงกศีรษะให้เธอไป ในไม่ช้าเราก็ใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงในการคุยกัน หลังจากนั้นผมก็ออกจากห้องของเอลด้าไปเพื่อจัดการกับอะไรบางอย่าง โดยทิ้งนางฟ้าที่หลับใหลอย่างไม่เต็มใจไว้ในมือของเอลด้า ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันยากมากที่จะดึงเธอออกจากคอของผม
ในไม่ช้าผมก็มาถึงห้องทำงานของตัวเองก่อนจะนั่งดูเอกสารสำคัญบางอย่าง ในเวลานี้เองที่ประตูห้องของผมถูกเปิดออกก่อนจะมีผู้หญิง 2 คนเดินเข้ามา
ทั้งริกะและมิกะต่างส่งยิ้มขณะมองมาที่ผม
“ออสตินว่างรึเปล่า?”
ริกะถามขณะที่ผมหางม้าสีขาวของเธอสยายไปด้านหลัง มิกะเงียบขณะที่เธอยืนอยู่ข้างๆ ริกะที่มองมาที่ผม ทั้ง 2 คนมีสีหน้าจริงจัง เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็ถอนหายใจในใจ ผมวางเอกสารลงด้านข้างอย่างระมัดระวังก่อนจะยิ้มให้ทั้งสองคนขณะที่พูด
“สำหรับพวกเธอ ผมว่างเสมอ”
เมื่อได้ยินคำตอบของผม ทั้งคู่ก็ยิ้มออกมา แม้แต่มิกะที่ดูเย็นชาก็ยังมีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอ หางและหูของหมาป่าดูเหมือนจะสั่นด้วยความสุข ผมทำได้เพียงหัวเราะในใจเมื่อเห็นว่ามันง่ายสำหรับผมมากที่จะทำให้ทั้งคู่มีความสุข แต่นั่นก็เป็นเวลาสั้นๆ เท่านั้นก่อนที่มิกะและริกะจะแสดงสีหน้าจริงจังกลับมา เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็เก็บสีหน้าจริงจังไว้เช่นกันในตอนที่ถามออกไป
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
“ง่ายๆ….”
ทั้งมิกะและริกะพูดพร้อมกันโดยไม่ทำลายเสียงและความรู้สึกของพวกเธอ
“เราแค่อยากบอกนายว่าพวกเรารักนาย!”
และด้วยความเงียบที่ยังคงอยู่รอบข้างทำให้ผมประหลาดใจจริงๆ ในครั้งนี้
ผมไม่ได้คาดคิดเลยว่าพวกเธอจะมาสารภาพกับผมในตอนนี้ ความเงียบรอบข้างทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่ามิกะและริกะกำลังยืนมองผมอย่างคาดหวังด้วยท่าทางหวาดกลัวอยู่ เวลาผ่านไปก่อนที่สีหน้าประหลาดใจของผมจะจางหายไปในขณะที่ผมมองพวกเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
“ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?”
การได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของผมทำให้พวกเธอทั้งสองรู้สึกหวาดกลัว แต่พวกเธอก็ยืนหยัดได้ก่อนที่ทั้งคู่จะตอบออกมาพร้อมกัน
“หลายปีแล้ว…”
“งั้นเหรอ…”
ผมตอบก่อนที่สีหน้าเคร่งเครียดของผมจะจางหายไปกลายเป็นรอยยิ้มแห่งความรัก
ผมมองแฝดสาวสวยตรงหน้าก่อนจะพูดขึ้นมา
“ผมก็ด้วย…ผมเองก็ชอบเธอทั้งคู่มานานแล้ว…”
ผมไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้เมื่อร่าง 2 ร่างพุ่งเข้ามาหาก่อนผมจะจมอยู่ในอ้อมกอดของพวกเธอ
‘เห้อออ…ให้ตายเถอะ’
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต