บทที่ 137 หมั้นหมายกับเฉินจื่ออัน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 137 หมั้นหมายกับเฉินจื่ออัน
บทที่ 137 หมั้นหมายกับเฉินจื่ออัน

เดิมทีเฉินจื่ออันวางแผนจะจัดการกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ซูหม่านซิ่วยืนยันว่านี่เป็นสงครามระหว่างผู้หญิง

เธอไม่สามารถพึ่งพาคนอื่นไปได้ตลอดชีวิต จึงต้องยืนขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิ์และฐานะของตัวเอง

ถึงชายหนุ่มจะกังวลว่าภรรยายังอยู่ไฟไม่เต็มเดือนดี แต่สิ่งที่เธอพูดนั้นสมเหตุสมผลมาก

บุคลิกของซูหม่านซิ่วค่อนข้างนุ่มนวล ที่ยืนหยัดขึ้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี

หลังจากที่แน่ใจว่าภรรยาห่อตัวแน่นหนาแล้ว ก็ปล่อยให้เธอไปต่อสู้ด้วยตัวเอง

“แกพูดไร้สาระอะไร…” เซี่ยงหงพูดได้ไม่กี่คำเท่านั้น

ไม่รู้ว่าทำไม เซี่ยงหงในตอนนั้นจึงรู้สึกขี้ขลาด

ใบหน้าของซูหม่านซิ่วงดงามและผิวพรรณขาวผ่อง ไม่เหมือนสาวบ้านนอกที่เคยเป็น

ผิวมีเลือดฝาดราวกับดอกท้อ งดงามยิ่งนัก ทำให้เซี่ยงหงรู้สึกละอายใจ!

ผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้ว ทั้งยังอายุสามสิบกว่าจะสวยขนาดนี้ได้อย่างไร?

เซี่ยงหงขบฟันแน่น

แสงอาทิตย์ยามเย็นสีเหลืองนวลตกกระทบใบหน้าของหม่านซิ่ว ทำให้เธอดูมีสง่าราศีมากราวกับนางฟ้าบนสรวงสวรรค์ ทำคนไม่กล้ามองเลย

เซี่ยงหงรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจเมื่อเผชิญหน้ากับคนผู้นี้ที่มีรัศมีอันแกร่งกล้า

เธอพูดไม่ออกเลยสักประโยคเดียว

“ฉันพูดอะไรสาระอะไร? ต้องให้ฉันบอกเวลากับเนื้อหาชัด ๆ ไหม? เซี่ยงหง เธอนี่มันไร้ยางอายนัก คิดว่าทุกคนจะไร้ยางอายเหมือนตัวเองหรืออย่างไรกัน?”

ซูหม่านซิ่วยิ้มเย็นเยือก ดวงตางดงามที่มองไปยังเด็กคนนั้นไร้ซึ่งความอบอุ่น มันหนาวเหน็บจนหวาดผวา

เธอมีเหตุผลที่จะเชื่อว่า เซี่ยงหงที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ผู้หญิงคนสุดท้ายที่เข้ามายั่วโมโหถึงบ้าน

แต่เฉินจื่ออันเดิมทีเป็นผู้ชายที่โดดเด่นมาก เป็นคนหล่อเหลาและมีฐานะทางสังคม จึงมีผู้หญิงไม่น้อยที่มาทอดสะพานให้

แต่ถ้าเธอไม่ข่มขู่ให้ผู้หญิงตรงหน้าหวาดกลัว ชีวิตนับจากนี้คงไม่ง่าย

พวกผู้หญิงที่มาปรากฏตัวทีละคนอาจจะมาข่มเหงเธอก็ได้

ส่วนเซี่ยงหงรู้สึกละอายใจ

แต่ในไม่ช้าก็ตระหนักว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่

เธอไม่สามารถนั่งรอเฉย ๆ แบบนี้ได้ ถ้าทิ้งชื่อเสียงของสามีคนอื่นที่เธอโลภอยากได้ ชีวิตเธอคงจบสิ้นแล้ว!

ตระกูลเซี่ยงของเธอมีหน้ามีตาในอำเภอ ถ้าชื่อเสียงที่แพร่ออกไปและเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยง พวกผู้อาวุโสในบ้านคงไม่ปล่อยเธอไว้แน่

“ซูหม่านซิ่ว เดิมทีหัวหน้าเฉินใกล้จะมาหมั้นหมายกับฉัน แต่เป็นเพราะแกหน้าด้านมายั่วยวนเขา พวกเราเลยไม่ได้หมั้นกัน!”

เพราะความเล่นลิ้นของเซี่ยงหงที่ขาดความอบอุ่น ผลจากการใช้แรงมากเกินไปเสียงเลยแหบแห้ง

“เป็นแบบนี้หรือ? ถ้าเธอเป็นคู่หมั้นเฉินจื่ออันจริงเขาก็น่าจะรับผิดชอบสิ แต่ถึงต่อให้รับผิดชอบ เธออยากเผชิญหน้ากับเขาจริง ๆ หรือ?”

ผู้หญิงคนนี้ไม่เห็นฮวงโหแท้ ๆ ใจที่ไม่ตายก็ยังอุตส่าห์มาถึงจุดนี้ได้ ทั้งยังเถียงหัวชนฝาอยู่ที่นี่

เซี่ยงหงกลัวแล้ว เธอจะกล้าเผชิญหน้าเฉินจื่ออันได้อย่างไร?

เธอชอบเฉินจื่ออันอยู่ฝ่ายเดียว นั่นคือความจริงทั้งหมด

เฉินจื่ออันพยายามหลีกเลี่ยงหล่อนตลอด แล้วจะมาหมั้นหมายกันได้อย่างไร?

ที่ว่าหมั้นหมาย ก็สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกลวงซูหม่านซิ่ว

แล้วใครใช้ให้เฉินจื่ออันไม่อยู่บ้านล่ะ?

ผู้หญิงบ้านนอกคนเดียว เกลี้ยกล่อมไม่กี่คำไม่ได้ทำให้หล่อนกลัวหรอก

“แน่นอนว่าจริงสิ เดิมทีฉันกำลังจะหมั้นหมายกับเฉินจื่ออัน หากแกไม่เข้ามาแทรกแซง เฉินจื่ออันกับฉันก็คงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้ว!”

“ทั้งหมดมันเป็นเพราะแก นังปัศาจจิ้งจอก! เป็นแกที่ยั่วยวนเขาก่อน เป็นแกที่เป็นฝ่ายเริ่ม เขาเลยอดใจไม่ไหวเลยมีความสัมพันธ์ด้วย แล้วก็หลับนอนด้วยกัน เขาต้องจำยอมแต่งงานกับแกใช่ไหม?”

“แกบอกมาสิว่าใช่ไหม? ฉันพูดถูกใช่ไหม?” เซี่ยงหงคำรามอย่างบ้าคลั่ง

ราวกับว่าถ้าตะโกนเสียงดัง เรื่องนี้จะกลายเป็นจริง

“แล้วเธอตัดสินใจเผชิญหน้ากับเฉินจื่ออันแล้วหรือยัง?” ซูหม่านซิ่วพูดแค่ประโยคเดียว

แตกต่างจากเซี่ยงหงที่ขาดความอบอุ่น ซูหม่านซิ่วพูดอย่างใจเย็นมาก

“เรื่องแบบนี้ยังต้องเผชิญหน้าอีกหรือ? ในเมื่อมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว”

เพราะเน้นย้ำอยู่หลายครั้ง แม้กระทั่งเซี่ยงหงเองยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ต้องพูดถึงซูเสี่ยวฉินกับเพื่อนบ้านที่อยู่โดยรอบเลย

ที่ด้านนอกประตู มีคนเริ่มกระซิบกระซาบแล้วว่าเฉินจื่ออันมีคู่หมั้นจริง ๆ หรือเปล่า

ซูเสี่ยวฉินยิ่งโน้มน้าวใจ “เดิมทีมันเป็นการแต่งงานของพี่เซี่ยงหง การที่เธอทำแบบนี้มันไร้ศีลธรรมเกินไป”

ซูหม่านซิ่วไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าคือหลานสาวของเธอเอง เลยประหลาดใจที่เจ้าตัวพูดแบบนั้น

“การแต่งงานอะไรกัน? ถ้ามีการหมั้นหมายจริง ๆ ก็แสดงหลักฐานสิ!” ซูหม่านซิ่วพูดตรง ๆ

หลังจากที่เซี่ยงหงเตรียมใจแล้วก็พูดอีกครั้ง

“ซูหม่านซิ่ว ถ้าแกยังมียางอายอยู่ก็ปล่อยเฉินจื่ออันไปเสีย แกไม่คู่ควรกับผู้ชายคนนั้นหรอก อย่ามาโลภในสิ่งที่ไม่ใช่ของแก!”

ซูเสี่ยวเถียนสับสน มันเกิดอะไรขึ้น?

เซี่ยงหงคนนี้คิดว่าตัวเองถูกต้องอยู่ตลอดเวลาหรือ?

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหมั้นหมายเลย ต่อให้มี อีกฝ่ายก็มีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

เธอพูดคำพูดจาไร้ยางอายแบบนี้ได้อย่างไร?

“ฉันไม่คู่ควร แล้วเธอคู่ควรหรือ?”

ซูหม่านซิ่วถามกลับ และหลังจากที่พูดจบก็ไม่รอให้เซี่ยงหงอ้าปาก จึงขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ฮึ ๆ ต่อให้ฉันคู่ควรกับผู้ชายคนนี้หรือไม่ ฉันก็ขอเตือนเธอว่า ผู้ชายคนนี้เป็นสามีของฉัน!”

คำพูดของซูหม่านซิ่ว ทำให้เซี่ยงหงปั่นป่วนอีกครั้ง

“แน่นอนสิ ถ้าเธออยากแสดงหลักฐานการหมั้นหมายกับเฉินจื่ออัน ฉันจะไปทันทีเลย ไม่รอช้าเลยด้วย ตัวฉันคือซูหม่านซิ่ว ไม่ใช่ผู้หญิงไร้ยางอายที่ชอบแย่งสามีของคนอื่น”

เซี่ยงหงบอกได้เลยว่าประโยคที่หม่านซิ่วพูดมีความหมายแฝงถึงเธอ แต่ตอนนี้เธอยอมรับไม่ได้!

เธอก็แค่อยากได้คนที่ชอบคืน ไม่ใช่อยากได้สามีของคนอื่น

เธอเป็นผู้หญิงที่ปรากฏตัวในชีวิตเฉินจื่ออันก่อน ตามหลักแล้วเฉินจื่ออันควรเป็นของเธอสิ

“เธอมีไหม?” ซูหม่านซิ่วถาม

“ฉัน…”

เซี่ยงหงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

“แน่นอนสิว่ามี” จู่ ๆ เธอก็จำอะไรบางอย่างได้และหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “แกเห็นนี่ไหม? ปากกาหมึกซึมด้ามนี้ หัวหน้าเฉินมอบให้ฉัน มันคือพยานของการหมั้นหมาย และความรู้สึกของพวกเรา!”

พอคนรอบ ๆ ที่แอบมองได้เห็นของน่าเชื่อถือที่เซี่ยงหงหยิบออกมา แล้วมองไปที่ซูหม่านซิ่วด้วยสายตาแปลกประหลาด

มีบางคนถึงกับพูดว่า “ก่อนหน้านี้คิดว่าหม่านซิ่วเป็นสะใภ้ที่อ่อนโยน ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้จริง ๆ”

“สาวน้อยคนนี้น่าสงสารมากเลย กำลังจะหมั้นหมายแท้ ๆ แต่กลับโดนแย่งว่าที่สามีไป”

“ฉันได้ยินมาว่าหม่านซิ่วเคยหย่าด้วย ใครจะไปรู้ว่าอาจจะคบกับเฉินจื่ออันก่อนเลิกกับสามีเก่าก็ได้นะ”

คุณย่าซูที่ฟังอยู่ด้านข้างโกรธจนตัวสั่น คนพวกนี้มันมีตาไว้ทำอะไรกัน?

เห็นชัด ๆ ว่าเด็กคนนี้มันหน้าด้าน แล้วลูกสาวของเธอกลายมาเป็นคนผิดได้อย่างไร?

ก่อนหน้านี้เฉินจื่ออันดูจะเป็นคนรู้ความนะ แล้วเหตุใดวันนี้ถึงเอาแต่ซ่อนตัวล่ะ?

เป็นไปได้ไหมว่าเด็กสาวที่ชื่อเซี่ยงหงคนนี้จะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติจริง ๆ?

ทำไมลูกสาวของเธอชีวิตขมขื่นนัก? ก่อนหน้านี้ก็ไอ้หมาหวังที่เป็นหมาจริง ๆ แล้วตอนนี้เหมือนจะดี ทำไมถึงกลายเป็นหมาไปอีกแล้ว