บทที่ 138 พวกเราไม่สนิทกัน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 138 พวกเราไม่สนิทกัน

“เธอแน่ใจหรือว่าเฉินจื่อมอบสิ่งนี้ให้” ซูหม่านซิ่วไม่เชื่อ กับอีแค่ปากกาด้ามเดียวจะไปอธิบายอะไรได้?

เธอจะต้องเชื่อใจสามีตัวเองเอาไว้อันดับแรก และจะต้องไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูด้วย

“นะ… แน่นอนว่าจริงสิ ถ้าเธอไม่เชื่อก็ให้เฉินจื่ออันออกมาเผชิญหน้าเลย!” เซี่ยงหงพูดอย่างกล้าหาญ

เหตุผลที่กล้าพูดแบบนั้นเพราะรู้อยู่แล้วว่าเฉินจื่ออันไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ ตราบใดที่เฉินจื่ออันไม่ปรากฏตัว ซูหม่านซิ่วก็ต้องทนทุกข์ต่อไป

ตอนนี้เซี่ยงหงไม่สนใจแล้วว่าจะทำให้ชายหนุ่มขุ่นเคืองใจ แค่อยากทำลายชื่อเสียงสามีคนอื่นก็พอแล้ว

ซูหม่านซิ่วเงียบงัน

ไม่พูดอะไรสักคำอยู่พักหนึ่ง

ความเงียบทำให้หลายคนคิดว่า ซูหม่านซิ่วไม่กล้าปล่อยให้เฉินจื่ออันออกมาเผชิญหน้า

เสียงของการสนทนาข้างนอกดังขึ้นเรื่อย ๆ และบางคนถึงกับสนับสนุนเซี่ยงหงอย่างเปิดเผย

บางคนพูดตรง ๆ เลยว่า ผู้ชายสันดานหมาแบบนี้ไม่คู่ควรกับเซี่ยงหงหรอก

มีป้าคนหนึ่งถึงกับพูดว่า แกมีหลานชายอยู่ จะแนะนำให้รู้จัก

เซี่ยงหงที่ได้ฟัง ใบหน้าก็ยิ่งน่าเกลียดขึ้นเรื่อย ๆ

หลานชายตระกูลไหนงั้นหรือ? จะโดดเด่นเท่าเฉินจื่ออันได้อย่างไร?

เฉินจื่ออันเป็นผู้ชายที่โดดเด่นที่สุดในอำเภอ ไม่ว่าจะในแง่ของความสามารถ รูปร่างหน้าตาหรือสถานะ ผู้ชายคนอื่น ๆ นับสิบคนรวมกัน ไม่สามารถเทียบได้กับเจ้าตัวได้เพียงคนเดียว

ผู้ชายที่ไม่เก่งเท่าเฉินจื่ออันล้วนไร้ค่า คนแบบนี้เธอไม่ต้องการ!

พอรู้ว่าคนที่นึกถึงไม่ได้อยู่ที่นี่ เซี่ยงหงก็จ้องไปยังซูหม่านซิ่วอย่างยียวน

ที่พูดนั่นหมายความว่ามีความสามารถทำให้สามีออกมาเผชิญหน้าได้หรือ?

ปากกาด้ามเดียว ถ้าเฉินจื่ออันไม่ปรากฏตัวออกมา ต่อให้พูดว่าเป็นของสำคัญทางใจก็จะเป็นแบบนั้นจริง ๆ

“เฉินจื่ออัน ออกมานี่เลย!” ซูหม่านซิ่วกลอกตา แล้วตะโกนเข้าไปในบ้านด้วยความโมโห

เสียงตะคอกของเธอทำให้ทุกคนตกใจ

เพื่อนบ้านทุกคนรู้ว่าลูกสะใภ้ที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เป็นคนอ่อนโยน และไม่เคยส่งเสียงกระโชกโฮกฮากเลยแม้แต่น้อย

แต่ประโยคนี้เหมือนเสียงคำรามของสิงโตตัวเมียทางทิศตะวันออกของแม่น้ำ*[1] มันทำให้คนหวาดกลัวจริง ๆ

คุณย่าซูอ้างปากค้างหุบไม่ลงจริง ๆ

นี่คือลูกสาวของเธอหรือ? แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

แต่เป็นเรื่องดีมากเลย สง่างามเหมือนตอนเธอยังสาว!

ซูเสี่ยวเถียนยกนิ้วให้ซูหม่านซิ่วอย่างเงียบ ๆ

เซี่ยงหงที่เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง มองไปที่ซูหม่านซิ่วด้วยความงุนงง

ผู้หญิงคนนี้โง่หรือเปล่า? เรียกดังขนาดนั้นเฉินจื่ออันจะออกมาหรือไง?

อย่าฝันไปหน่อยเลย เธอก็รู้ชัดเจนแล้วนี่ว่าสามีไปทำงานข้างนอก เสียงดังแค่ไหนก็ส่งไปไม่ถึงที่นั่นหรอก

“ซูหม่านซิ่ว คุณรู้สึกผิดไหมที่ส่งเสียงดังแบบนี้น่ะ?”

“ไม่ว่าจะตะโกนดังแค่ไหน เฉินจื่ออันก็ไม่กล้าออกมาเผชิญหน้ากับฉันหรอก!”

ถึงรู้ว่าเจ้าตัวจะออกไปข้างนอก แต่เซี่ยงหงก็ยังคิดอย่างซื่อสัตย์ว่าเฉินจื่ออันไม่กล้าออกมาหรอก

และตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงแข็ง ๆ ของชายคนหนึ่งดังขึ้น

“ฉันไม่กล้าเผชิญหน้ากับเธอหรือ? ทำไมต้องไม่กล้าล่ะ?”

เป็นเฉินจื่ออัน

เพื่อนบ้านรอบ ๆ ต่างจำเสียงของชายคนนี้ได้ พวกเขาต่างประหลาดใจ เฉินจื่ออันดันออกมาเผชิญหน้ากันจริง ๆ? ตอนเจ้าตัวยังไม่ออกมาก็คิดไปว่าเขาคงไม่กล้าออกมา

แต่พอเห็นเขาปรากฏตัว กลับรู้สึกว่าเรื่องราวคงไม่ง่ายดายแล้ว

“คุณ…”

ใบหน้าของเซี่ยงหงซีดเผือดลง

ไม่สิ เฉินจื่ออันควรจะเดินทางไปทำธุรกิจไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ควรออกจากบ้านไปแล้วสิ?

เธอมองไปที่ซูเสี่ยวฉิน เป็นเพราะนังสารเลวเสี่ยวฉินที่บอกว่าเฉินจื่ออันไม่อยู่ที่นี่

โอ้ ทำไมถึงลืมไปนะว่าผู้หญิงคนนี้เป็นหลานสาวหม่านซิ่ว อาจเป็นมันที่คอยช่วยเหลืออยู่ก็ได้

เซี่ยงหงตบเด็กสาวอย่างอย่างโกรธเกรี้ยว

ถึงแม้ผิวกายเสี่ยวฉินจะคล้ำ แต่ก็ไม่ได้ขาวมาก รอยแดงจึงปรากกฏบนใบหน้าเธออย่างชัดเจน

เพียงแค่มองก็รู้ว่าโดนตบอย่างแรง

“เป็นเพราะแก แกพูดกับฉันว่าอย่างไรนะ?” เซี่ยงหงถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

ทุกคนตกตะลึงที่เซี่ยงหงตบหน้าซูเสี่ยวฉินอย่างกะทันหัน เกิดอะไรขึ้น?

ทำไมจู่ ๆ ถึงไปตบคนที่พามาด้วยเล่า? สาวน้อยคนนี้ไปทำอะไรให้ต้องโดนตบด้วย?

“พี่เซี่ยงหง ฉัน…” ซูเสี่ยวฉินกุมใบหน้าที่โดนตบ แล้วมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ

ตั้งแต่มาถึงที่อำเภอ เซี่ยงหงใจดีกับเธอมากจริง ๆ ถึงจะดุเป็นบางครั้งบางคราว แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่โดนเธอตบหน้า

ทั้งหมดเป็นความผิดของซูเสี่ยวเถียนและซูหม่านซิ่ว เป็นความผิดของพวกมัน

ต้องบอกเลยว่าตรรกะของเสี่ยวฉินแปลกจริง ๆ เซี่ยงหงเป็นคนตบเธอด้วยซ้ำ แต่ดันไม่กล้าตำหนิ เลยเก็บความแค้นนี้ไว้มาลงกับเสี่ยวเถียนละหม่านซิ่วแทน

“แกจะทำไม จ้องฉันทำไม? ทำไมเขาถึงอยู่บ้าน” ดวงตาของเซี่ยงหงดูเหมือนจะกินซูเสี่ยวฉินทั้งตัวแล้ว

เด็กสาวคิดว่าตัวเองกลายเป็นแพะเสียแล้ว ที่เธอพูดคือ หมู่นี้เฉินจื่ออันเหมือนจะไม่อยู่บ้านนะ แต่เป็นเซี่ยงหงที่หลังจากไปถามคนอื่นมาก็บอกว่าอีกฝ่ายไปทำธุระ แล้วทำไมถึงมาโทษเธอล่ะ?

“พี่เซี่ยงหง ฉันไม่ได้…” เธอพูดอย่างอ่อนน้อม

“แกจะทำไมอีก มีอะไรต้องพูดอีก? เห็นชัด ๆ เลยว่าแกกับพวกมันเป็นพวกเดียวกัน พวกบ้านซู นี่มันรังงูรังหนู!”

“คุณกับเธอก็พวกรังงูรังหนูเหมือนกัน ฉันกับเธอเราไม่สนิทกันนะ!” จู่ ๆ ซูเสี่ยวเถียนก็พูดด้วยน้ำเสียงจีบปากจีบคอ

ถึงซูเสี่ยวฉินจะไม่อยากรู้จักกับคนบ้านซู แต่พอได้ยินเสี่ยวเถียนบอกว่าเราต่างไม่สนิทกัน เธอจึงดูประหลาดใจนัก

ยัยเด็กสมควรตายคนนี้มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

พวกเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะ โตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก จะไม่สนิทกันได้อย่างไร?

“ไม่สนิทหรือ? โกหกใครอยู่ล่ะ? คิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยจริ ๆ หรือไง?” เซี่ยงหงมองซูเสี่ยวเถียน ด้วยสายตาชั่วร้าย จากนั้นก็มองไปทางซูหม่านซิ่วอีกครั้ง

“เซี่ยงหง ฉันจะคุยกับพ่อเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ กล้ามาทำลายชื่อเสียงของฉันกับภรรยา ตระกูลเซี่ยงจะต้องให้คำอธิบายกับฉัน!” แม้น้ำเสียงของเฉินจื่ออันไม่ได้ดุดัน แต่ทำให้เซี่ยงหงที่ได้ยินกลับหวาดกลัวมาก!

เฉินจื่ออันเป็นคนแบบไหน คนในครอบครัวเคยบอกไว้เมื่อนานมาแล้ว และยังบอกอีกว่าอย่ายั่วโมโห ถ้าเจ้าตัวโกรธขึ้นมา ครอบครัวเราคงแบกรับไว้ไม่ไหวแน่

แต่วันนี้เธอหุนหันพลันแล่นมาที่นี่

ทำอย่างไรดี?

เซี่ยงหงกลัวแล้ว ทั่วทั้งร่างเริ่งสั่นเทา ไม่รู้ว่าเป็นความโกรธแบบไหนที่ต้องแบกรับไว้

หากพ่อของเธอรู้เรื่องนี้เข้า จะไม่ไว้ชีวิตเธออย่างแน่นอน!

“หัวหน้าเฉิน ที่จริงแล้วคือ…” เซี่ยงหงต้องการจะพูดหลอกล่อ แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเย็นชาของเฉินจื่ออันเสียก่อน

*[1] เปรียบว่าภรรยาที่โมโหหึงสามี