ตอนที่ 33-1 กลับ!
หลี่เว่ยหยางยื่นจดหมายออกมาหนึ่งฉบับและในนั้นเขียนเอาไว้ว่า:
‘มีบางอย่างที่สำคัญต้องการที่จะหารือด้วย และมันเป็นความลับจงรีบมาหาทันที’
มันเป็นกระดาษแผ่นเดิมที่เว่ยหยาง ได้รับจากมือของจื่อหยานในตอนนั้น
แต่มีการเขียนชื่อผู้ส่งเพิ่มในตอนท้ายของจดหมายว่า เซียนฮุ่ย
หลี่เว่ยหยางยิ้มจาง ๆ และกล่าวว่า:
“สิ่งนี้เราค้นพบบนร่างของคุณชายเกาจิน ส่วนเซียนฮุ่ย…“
หลังจากเห็นเช่นนั้นแล้ว สีหน้าของท่านอำมาตย์ก็เปลี่ยนไปทันที
เซียนฮุ่ย นั่นคือชื่อเล่นของคุณหนูใหญ่ ซึ่งท่านอำมาตย์หลี่ตั้งให้บุตรสาวสุดที่รักของเขาเพื่อใช้เรียกนาง
เมื่อฮูหยินเกาเว่ย และเกาหมินได้ เห็นสิ่งนี้ จึงเริ่มเกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที
เพราะฮูหยินเกาคิดมาตลอดว่า บุตรชายของนางได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของเว่ยหยาง
แต่นางมิเคยคิดว่า จะมีจดหมายฉบับนี้ปรากฏขึ้น
นางมิใช่ผู้ที่โง่เขลา จึงสามารถเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที
หลี่จางเล่อและมารดาของนางคงต้องการที่จะกำจัดบุตรสาวของหยินเหนียงด้วยมือของพวกนางเอง?
ถึงอย่างนั้น แม่ลูกคู่นี้ก็มิควรนำเอาชีวิตบุตรชายของนางเข้ามาเสี่ยงด้วย!
สีหน้าของเกาเว่ยเคร่งเครียดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นได้มองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเย็นชา
เมื่อหลักฐานชิ้นสำคัญปรากฎแก่สายตาของทุกคน สายตาหลายคู่จึงจับจ้องไปยังฮูหยินใหญ่
ขณะนี้นางกำลังหน้าซีด และมีอาการปากสั่นร่วมด้วย ขณะที่กล่าวออกมาด้วยความประหม่าว่า:
“ต้องมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น!”
การแสดงออกของหลี่เว่ยหยางยังคงเหมือนเช่นเดิม และกล่าวว่า:
“ท่านแม่ ทุกคนที่นี่และท่านแม่ต่างก็เห็นหลักฐานแล้ว
และพวกเขาทั้งหมดเห็นสิ่งนี้ด้วยตาของพวกเขาเองว่า จดหมายฉบับนี้ถูกค้นเจอจากร่างของคุณชายเกาจิน”
จากนั้นดวงตาของฮูหยินใหญ่ได้กวาดมองทุกคนอย่างเคร่งเครียด:
“พวกเจ้าคนใดที่เห็นสิ่งนี้!”
เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาข่มขู่คู่นั้น จึงมิมีผู้ใดกล้าที่จะเปล่งเสียงออกมา
ฮูหยินใหญ่ใช้นิ้วชี้ไปที่แม่นมแบบสุ่ม และเอ่ยถามอย่างเย็นชา:
“เจ้าเห็นหรือ!”
เมื่อแววตาแห่งความสับสนของแม่นมผู้นั้นได้ฉายผ่านออกมาปะทะกับดวงตาที่จ้องเขม็งของฮูหยินใหญ่
จึงมีความหวาดกลัวเกิดขึ้น และได้กล่าวอย่างหดหู่ว่า:
“ตอนนั้นสถานการณ์วุ่นวายมาก บ่าว…บ่าวก็จำมิได้เช่นกัน…….”
แสงแห่งความพึงพอใจฉายไปทั่วใบหน้าของฮูหยินใหญ่ทันที แต่แล้วก็ได้ยินไป๋จื่อกล่าวว่า:
“ฮูหยิน, บ่าวเห็นด้วยตาของบ่าวเอง”
เมื่อเสียงนั้นดังมาเข้าหู ฮูหยินใหญ่จึงจ้องมองนางอย่างเย็นชา:
“เจ้าเป็นสาวใช้ของเว่ยหยางดังนััน คำกล่าวของเจ้าจึงมิสามารถเชื่อถือได้”
หลังจากนั้นนางได้มองไปยังท่านอำมาตย์หลี่
“ท่านทราบหรือไม่ว่า จางเล่อเป็นคนประเภทใด นางจะทำเรื่องที่มิเหมาะสมเช่นนี้ได้อย่างไร!”
หลี่จางเล่อมิสามารถซ่อนความรู้สึกร้อนรนของตนเองได้ และร้องคร่ำครวญขอความเห็นใจจากบิดาของตนเอง
“ท่านพ่อ ท่านต้องเชื่อใจบุตรสาวของท่าน!”
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของคุณหนูบ้านตระกูลหลี่ถึงสองคน! ท่านย่าใหญ่จึงไอเบา ๆ เป็นการเตือน
เมื่อหลี่เสี่ยวหรันเห็นเช่นนั้น จึงตัดสินใจทันที และกล่าวอย่างรวบรัดว่า
“ทุกคนหยุดกล่าวได้แล้ว! วันนี้
จินเอ๋อก่อเหตุที่สวน และคนรับใช้เข้าใจผิดว่าเป็นขโมย เขาจึงถูกทุบตี
เด็กผู้นี้ทำผิด ข้าจะหาเวลาไปเยี่ยมเขาเป็นการส่วนตัว และต้องกล่าวคำขอโทษกับฮูหยินเกาเว่ยด้วย
พวกท่านทุกคนควรกลับไปก่อน เพื่อดูแลอาการบาดเจ็บของจินเอ๋อเพราะสิ่งนั้นสำคัญกว่ามาก”
ในการแยกแยะถูกหรือผิด เขามิสามารถให้ผู้อื่นเห็นเรื่องอื้อฉาวในครอบครัวของตนเอง
จึงมิสามารถสอบสวนต่อหน้าบุคคลภายนอกได้
เมื่อเห็นการแสดงออกของเขาแล้ว ทุกคนจึงทราบว่า นั่นคือคำตัดสินสุดท้ายหัวหน้าครอบครัว
เกาเว่ยมีความรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ขณะที่ยืนขึ้นและกล่าวว่า:
“กลับ!”
ฮูหยินใหญ่รีบกล่าวทันที:
“แม่นมหลิน, พาฮูหยินเกาไปที่ห้องของข้า เพื่อที่นางจะได้พักผ่อน”
“มิจำเป็น!”
ฮูหยินเกาเว่ยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ นางส่งสัญญาณให้คนรับใช้ของนางเข้ามาหามเปลของบุตรชาย และจากไปอย่างรีบร้อน
ฮูหยินใหญ่มิได้คิดที่จะวิ่งตามไป เพราะรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องทำในตอนนี้มิใช่การเอาใจน้องสาวของตนเอง
แต่ต้องช่วยบุตรสาวพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางก่อน
ดวงตาของท่านย่าใหญ่กวาดไปทั่วทุกคนและกล่าวว่า:
“แม่นมหลัวสั่งให้ทุกคนออกไป!”
“รับทราบฮูหยิน!”
แม่นมหลัวทำตามคำสั่งโดยการพาคนรับใช้ทั้งหมดที่มิมีส่วนเกี่ยวข้องออกไปทันที
จากนั้นหลี่เสี่ยวหรันจึงกล่าวอย่างจริงจังว่า
“คุกเข่าลง!”