ตอนที่ 32-2 ดูนี่สิ

เมื่อกล่าวได้เพียงครึ่งหนึ่งของสิ่งที่ต้องการจะกล่าว ทันใดนั้นผู้อาวุโสหลี่ก็มาถึง

ทุกคนลุกขึ้นเพื่อแสดงความเคารพนางทันที แม้แต่ฮูหยินเกาเว่ยผู้หยิ่งผยองก็ปฏิบัติตามด้วยเช่นกัน

ท่าทีของท่านย่าใหญ่มีความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นางเดินไปนั่งด้านหลังของหลี่เว่ยหยางอย่างตั้งใจ

ทุกคนลุกขึ้นเพื่อแสดงความเคารพนางทันที แม้แต่ฮูหยินเกาเว่ยผู้หยิ่งผยองก็ทำตามด้วยเช่นกัน

ท่าทีของท่านย่าใหญ่มีความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นางเดินไปนั่งด้านหลังของหลี่เว่ยหยางอย่างตั้งใจ

เว่ยหยางใจชื้นขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าท่านย่าผู้นี้จะให้การสนับสนุนนางอย่างเต็มที่

เกาเว่ยหรี่ตามองอย่างหาเรื่อง:

“เมื่อท่านทั้งสองมาแล้ว ก็นับว่าเป็นการดี ข้าขอให้ผู้อาวุโสและท่านอำมาตย์หลี่ช่วยให้คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องบุตรชายของข้าด้วย!”

หลี่เสี่ยวหรันขมวดคิ้วขึ้นอย่างเคร่งเครียด:

“คำอธิบายอันใดหรือ?”

เดิมทีฮูหยินใหญ่ต้องการให้เกาเว่ยฆ่าหลี่เว่ยหยางโดยตรง

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า มันจะมิได้เป็นไปตามแผน

จากนั้นนางจึงต้องดำเนินการตามแผนที่สองต่อไป

เพื่อผลักไสหลี่เว่ยหยางออกจากบ้านตระกูลหลี่ไป! ฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างแข็งกร้าวว่า:

“ไอหยา, เว่ยหยาง, ตอนนี้ข้ามิสามารถช่วยเจ้าได้แล้ว, อ้าว!รีบเข้ามา,พาคุณชายเกาจินเข้ามาด้วย”

มินานนัก ร่างของเกาจินก็ถูกอุ้มเข้ามา ร่างนั้นมีบาดแผลหลายแห่ง และมีความบอบช้ำเป็นอย่างมาก

ใบหน้าบวม และปากของเขาก็มิสามารถอ้าเพื่อเปล่งเสียงได้

เนื่องจากฟันของเขาหลุดออกไปบางส่วน จึงมิสามารถกล่าวได้แม้แต่คำเดียว

หลังจากได้เห็นบุตรชายของตนเองเป็นเช่นนี้ เว่ยเกาจึงรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจของนางอย่างกะทันหันและกล่างอย่างมีพลังว่า:

“เซียวซี บอกพวกเรามาสิว่าเกิดอันใดขึ้น!”

คนรับใช้ที่ชื่อเซียวซีกล่าวในทันทีว่า:

“คุณชายไปพบกับคุณหนูสาม จากนั้นบ่าวได้ยินคุณหนูสามกล่าวกับคุณชายว่า นางจะแต่งงานกับเขาและจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่

คุณชายกล่าวว่า เขาต้องได้รับอนุญาตจากท่านพ่อท่านแม่ก่อน ดังนั้นเขาจึงมิเห็นด้วย

จากนั้นคุณหนูสามจึงโกรธมากและเรียกคนจากตำหนักหยวนซีมาทุบตีคุณชาย…”

หลังจากที่หลี่เสี่ยวหรันได้ยินเรื่องราวแล้ว สายตาของเขาก็จ้องมองลงไปยังหลี่เว่ยหยาง

เขาสังเกตเห็นว่า นางมีท่าทีสงบ และเยือกเย็นมาก เหมือนหยกเย็น ที่กำลังลอยอยู่ในสายน้ำที่ไร้คลื่น

ตอนนี้ความบริสุทธิ์ของนาง และชื่อเสียงของตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกำลังตกอยู่ในอันตราย

ฮูหยินใหญ่ถอนหายใจอย่างแรง และเริ่มแสดงความเห็นอกเห็นใจจอมปลอมออกมา:

“ตามที่เขากล่าว เดิมทีมันเป็นความหวานชื่นที่เรียบง่ายระหว่างชายและหญิง

แต่เพราะทั้งคู่ลืมสถานะของตนเอง พวกเขาจึงทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง เว่ยหยางเจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก”

เกาเว่ยยิ้มอย่างเย็นชา:

“นางสั่งให้คนมาทุบตีบุตรชายของข้า มีสายตามากมายที่เห็นภาพนั้น…

เว่ยหยาง ด้วยหลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้ มิมีอันใดที่เจ้าสามารถแก้ตัวได้

เหตุใดเจ้ายังมิยอมรับอีกว่า ตนเองมีความผิด……”

ผู้อาวุโสหลี่เกลียดพฤติกรรมหยิ่งผยองของฮูหยินหลี่มาเป็นเวลานานแล้ว นางจึงกล่าวขึ้นอย่างอบอุ่นว่า

“ข้ามิสนใจว่า ผู้อื่นจะเห็นอันใด เว่ยหยางเจ้าต้องการที่จะกล่าวอันใดหรือไม่?”

หลี่เหว่ยหยางเดินมาด้านหน้าสองสามก้าว ขณะที่ดวงตาคู่นั้นมีสีดำราวกับน้ำหมึกส่องสว่าง:

“ทั้งหมดนี้มิเป็นความจริง ข้ากลับมาได้เพียงสองเดือนเท่านั้น

และข้ามิเคยรู้จักกับคุณชายเกาจินมาก่อน

ทุกอย่างจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรหรือ?

หากมันเป็นเรื่องหวานชื่นของคนสองคน เหตุใดข้าต้องพาทุกคนจากหยวนซีออกไปด้วย ข้าจะโง่เง่าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

คุณหนูใหญ่แอบกัดฟันแน่น เดิมทีนางต้องการหลอกเว่ยหยางออกมา โดยการอ้างชื่อชิหยินเหนียง

ผู้ใดจะไปคาดคิดว่า หญิงสาวผู้นี้จะพาผู้คนมาทั้งฝูง แท้ที่จริงแล้วเว่ยหยางเป็นผู้ที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวจริง ๆ !

หลี่เสี่ยวหรันเห็นว่า สิ่งที่บุตรสาว

กล่าวนั้น ฟังดูสมเหตุสมผล

เขากำลังจะขมวดคิ้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงของหลี่จางเล่อ:

“หากจะกล่าวว่า น้องสามและพี่

เกาจินกำลังมีความพยายามในเรื่องประเภทนี้

อย่าว่าแต่ข้าจะมิเชื่อเลย แม้แต่ท่านพ่อก็คงมิเชื่อ และแม้แต่ท่านย่าใหญ่ก็คงมิเชื่อเช่นกัน!”

คุณหนูใหญ่กล่าวขณะที่ใช้นิ้วมืออันงดงามของนางลูบลงบนผมนุ่ม ๆ ของตนเอง:

“เพียงแค่สงสัยว่า พี่เกาจินมิเคยมีความขุ่นเคืองหรือเกลียดชังน้องสาม แล้วเหตุใดเขาต้องกล่าวหานาง?

ท่านพ่อ ท่านก็รู้นิสัยพี่เกาจินดี แม้ว่าเขาจะมีความซุกซนบ้าง แต่ก็คงมิมีความกล้าพอที่จะโกหก “

เกาจินมีความกล้าที่จะทำสิ่งนี้หรือไม่?

ในตอนนี้หลี่เสี่ยวหรันคิ้วขมวดมากขึ้นไปอีก

หลี่จางเล่อหันไปด้านข้างของนาง และมองไปยังหลี่เว่ยหยาง ขณะที่กล่าวออกมาว่า:

“น้องสาม มิทราบว่าเจ้าสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้หรือไม่”

หลี่เว่ยหยางกระพริบตาถี่แล้วยิ้มเล็กน้อย:

“พี่ใหญ่มีความโกรธเคืองอันใดข้าหรือไม่? เหตุใดท่านจึงกล่าวหาข้าเช่นนั้น “

“ข้า…ข้ากล่าวหาเจ้าเมื่อใด?” หลี่จางเล่อเบิกตากว้างอย่างลืมตัว

“หากมิใช่เพราะท่านที่พาพี่เกาจินเข้ามา เขาจะหาทางเข้าไปในสวนที่ซับซ้อนเช่นนั้นได้อย่างไร”

“ข้า…ข้า…ข้าพาเขาไปเมื่อใด……” สีหน้าของหลี่จางเล่อ เปลี่ยนไปในทันที

หลี่เว่ยหยางเหลือกตาของนางมองด้านบนเล็กน้อย และดวงตาคู่นั้นมีความคมราวกับมีด

“โอ้…พี่ใหญ่ยังมิได้แต่งงาน และท่านกำลังอยู่ในวัยสาว ความรู้สึกเหงาจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้……”

สีหน้าของเว่ยหยางยังคงสงบนิ่ง และน้ำเสียงของนางฟังดูแล้วแปลกพิกล แต่เผยให้เห็นถึงการเยาะเย้ย

หลี่จางเล่อจะอดทนต่อการเยาะเย้ยเช่นนี้ได้อย่างไร

ใบหน้าของนางเริ่มขาวซีด และนางได้คำรามออกมา:

“เจัากำลังกล่าวเรื่องไร้สาระอันใดกัน!”

หลี่เหว่ยหยางค่อย ๆ ละสายตาจากพี่สาวผู้นี้ และดึงแถบกระดาษในมือออกมา:

“พี่ใหญ่ลองดูนี่สิ!”