ตอนที่ 32-1 ท่านย่ามาแล้ว
ในตอนนี้เมื่อทุกคนได้สังเกตเห็น ว่าฮูหยินเกาเว่ยกำลังแสดงความโกรธแค้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
บรรยากาศในช่วงเวลานั้นจึงเงียบสงบ ทุกคนปิดปากอย่างสนิท จนได้ยินแม้กระทั่งเสึยงลมหายใจ
ทันใดนั้นหลี่เว่ยหยางได้เลิกคิ้วขึ้น ขณะที่ดวงตาของนางมีแต่ความเฉยเมย
ทำให้เกาเว่ยจัองมองอย่างมิค่อยพอใจ และเว่ยหยางได้กล่าวว่า:
“ท่านน้า เกาหมินเพียงแค่สับสนเท่านั้น มิจำเป็นต้องคุกเข่า และขอโทษหรอก”
หลังจากกล่าวสิ่งเหล่านั้นออกมาแล้ว ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็อยู่ในอาการสยองขวัญ
คุณหนูสามของบ้านตระกูลหลี่ผู้นี้เป็นคนสติมิค่อยดี หรือเป็นคนโง่เง่ากันแน่?
เกาเว่ยออกคำสั่งอย่างโกรธเกรี้ยวว่า:
“เอาตัวเด็กบ้าผู้นี้ออกไป และโบยนางอย่างหนักหนึ่งร้อยครั้ง!”
เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ ทุกคนจึงเกิดอาการอกสั่นขวัญแขวนไปตาม ๆ กัน
หญิงสาวที่มีร่างกายบอบบางเช่นหลี่เว่ยหยางนั้น แม้ว่าถูกโบยเพียงยี่สิบครั้งก็นับว่า หนักหนาสาหัสแล้ว
นี่ถึงขั้นจะโบยนางตั้งหนึ่งร้อยครั้ง ผู้คนต่างก็คิดว่า หากมิตายก็คงต้องพิการเป็นแน่แท้!
ในตอนนี้ริมฝีปากของฮูหยินใหญ่ได้เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่กลับกล่าวว่า:
“น้องพี่ หากทำเช่นนี้ดูเหมือนว่า จะรุนแรงเกินไป…”
ฮูหยินเกาเว่ยสวนกลับอย่างทันควันด้วยความขุ่นเคืองว่า
“เด็กสาวนี้ทำตัวอวดดีเกินไป หากมิลงโทษอย่างรุนแรง ข้าคงมิอาจหายแค้นใจได้!”
ฮูหยินใหญ่แสร้งแสดงสีหน้าสับสน แต่ภายในใจนั้น กำลังหัวเราะเยาะอย่างมีความสุข
เจียงชิงพยายามแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่า ตนเองได้โน้มน้าวให้ฮูหยินเกาเว่ยเปลี่ยนความคิดแล้ว
แต่ฮูหยินผู้นี้ก็ยังต้องการที่จะเอาชีวิตของเว่ยหยาง
เมื่อนายท่านมาทราบทีหลัง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว!
ทันใดนั้นผู้คนก็เข้ามา และจับแขนของหลี่เว่ยหยาง อีกทั้งยังบังคับให้นางคุกเข่าลง!
หลี่เว่ยหยางมิได้แสดงอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด ทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า:
“ฮูหยินเกา ท่านมิมีอำนาจที่จะตัดสินเรื่องนี้!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เกาหมินจึงรู้สึกโกรธมากจนใบหน้าของนางนั้นแดงไปจนถึงหู
“เจ้านี่มันไร้การศึกษา!
อ้าว! แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงยังยืนเฉยอยู่ที่นั่น!”
หลี่เว่ยหยางเอ่ยถาม:
“ข้าไร้การศึกษาเช่นนั้นหรือ?
เจ้าหมายความว่าอย่างไรหรือ
เกาหมิน?”
“ข้าต้องการที่จะกล่าวว่า จริงอยู่ที่เจ้านั้นมีบิดา แต่บิดาของเจ้ามิได้สั่งสอนเจ้าเลย!”
เกาหมินกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
เมื่อฮูหยินใหญ่ได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น จึงมีความรู้สึกตกใจ และกล่าวเตือนนางว่า:
“หมินเอ๋อ!”
น่าเสียดายที่มันสายไปแล้ว เพราะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“เจ้ามีบิดา แต่บิดามิได้สั่งสอน ประโยคนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน!”
หลี่เว่ยหยางรีบกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า
“เว่ยหยางคาราวะท่านพ่อ!”
เกาหมิน, ฮูหยินใหญ่และคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกตกใจกับการกระทำของนางทันที
เมื่อเว่ยหยางอ้าปากเท่านั้น พวกเขาต่างก็มีปฏิกิริยา และหันรีบหันหลังกลับไป
ทันทีที่เกาหมินเห็นหลี่เสี่ยวหรัน นางจึงอยู่ในอาการตกตะลึงจนมิสามารถที่จะกล่าวให้จบประโยคและกล่าวเพียงว่า
“ท่านลุง…ข้า…ข้ามิได้ตั้งใจ…”
หลี่เสี่ยวหรันนั่งลงอย่างใจเย็น และกล่าวอย่างเรียบง่ายว่า:
“หมินเอ๋อ เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตนเองผิดตรงไหน?”
เกาหมินชะงักไปชั่วอึดใจ จากนั้น
หลี่จางเล่อจึงส่งสัญญาณด้วยสายตาของนาง ก่อนที่เกาหมินจะตอบสนอง โดยการกล่าวว่า:
“ข้ากล่าวผิดไป ข้าเพียงแค่ต้องการที่จะสั่งสอนนางเล็กน้อยเท่านั้น”
ตอนนี้รอยยิ้มของหลี่เสี่ยวหรันเผยให้เห็นถึงความเย็นชา:
“ข้าประมาทเกินไปจึงสร้างปัญหาให้กับฮูหยินเกาเว่ยและบุตรสาว
และรู้สึกทุกข์ใจแทนท่านทั้งสองมาก ที่มิได้สั่งสอนบุตรสาวให้ดี”
น้ำเสียงของเขาฟังดูธรรมดามาก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ มันยากที่จะมิให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวจากคำกล่าวของเขา
ฮูหยินเซ่นเกามีเกียรติสูงส่ง แต่เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น
แม้ว่าสามีของนางจะได้รับการยกย่องมากเพียงใด แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังอยู่แค่เพียงอันดับที่ห้าเท่านั้น
มิว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะมิสามารถอยู่เหนือท่านอำมาตย์หลี่ไปได้
ฮูหยินเกาเว่ยเคยชินกับการวางอำนาจ และภูมิใจในความเย่อหยิ่ง จนมิรู้ว่าได้ทำเกินอำนาจของตนเองไป
ท่าทีของนางเปลี่ยนไปในทิศทางที่อ่อนลง แต่มิกล้าที่จะแสดงออกมา
หลี่เสี่ยวหรันกล่าวให้ฮูหยินใหญ่ช่วยแสดงความคิดเห็น:
“เป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ข้ามิได้เห็นมันด้วยตาของตนเอง ฮูหยินใหญ่ เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้าง?”
เจียงชิรู้ดีว่า คำกล่าวของเกาหมินทำให้หลี่เสี่ยวหรันเกิดความมิพอใจเป็นอย่างมาก
นางจึงแสยะยิ้ม ขณะที่กล่าวว่า:
“ท่านพี่ สถานการณ์นี้…”
เมื่อกล่าวได้เพียงครึ่งหนึ่งของสิ่งที่ต้องการจะกล่าว ทันใดนั้นผู้อาวุโสหลี่ก็มาถึง
ทุกคนลุกขึ้นเพื่อแสดงความเคารพนางทันที แม้แต่ฮูหยินเกาเว่ยผู้หยิ่งผยองก็ปฏิบัติตามด้วยเช่นกัน
ท่าทีของท่านย่าใหญ่มีความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นางเดินไปนั่งด้านหลังของหลี่เว่ยหยางอย่างตั้งใจ