ตอนที่ 31-2 แอบซุ่ม

จากนั้นหลี่เว่ยหยางจึงค่อย ๆ นั่งลงอย่างใจเย็น

ขณะที่นางถือถ้วยชาร้อนเอาไว้ในมือ และจ้องมองไปยังแม่นมจางอย่างครุ่นคิด

การแสดงออกของนางนั้นดูแล้วช่างห่างเหิน และเย็นชา

ราวกับว่า มีกลิ่นอายที่มิอาจหยั่งรู้ได้จากธารน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาว

เดิมทีแม่นมจางมาเพื่อจับตัวนาง แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับถูกทำให้อ่อนลงด้วยท่าทางมีอำนาจของเด็กสาวอายุเพียงแค่สิบสามปี

เมื่อหญิงในวัยกลางคนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของนางซีดเซียว และเริ่มมิค่อยแน่ใจแล้วว่า เกิดอันใดขึ้นกันแน่

ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงที่นั่งรอ มีเพียงเสียงกระดิ่งลมเท่านั้นที่ดังก้องกังวาน ขณะที่สายลมพัดผ่านมาในอากาศ

จากนั้นฮูหยินใหญ่ได้ก้าวเดินเข้ามาในสวนพร้อมกับหญิงผู้น่าเกรงขามท่านนั้น

เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้มากขึ้น หลี่เว่ยหยางจึงสังเกตเห็นได้ จากการมองระยะไกล

ในขณะที่ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาและตระหนักว่า หลี่เว่ยหยางกำลังนั่งอยู่อย่างใจเย็น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในทันที:

ฮูหยินเกาเว่ยเป็นผู้ที่เกียรติสูงส่ง จึงเป็นเรื่องธรรมดา ที่นางจะมิเห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา

ซึ่งเป็นสาเหตุซึ่งทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็จ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางอย่างเย็นชา

ราวกับว่า พวกนางลืมไปว่า เว่ยหยางเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลี่

“เว่ยหยาง เหตุใดเจ้ายังมิแสดงความเคารพฮูหยินเกาเว่ยอีก!”

หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อย ขณะที่ยืนขึ้นเพื่อโค้งคำนับและกล่าวเบา ๆ ว่า:

“คารวะท่านน้า”

“อึม!”

ฮูหยินเกาเว่ยส่งเสียงตอบรับแทนที่จะส่งสัญญาณให้นางยืนขึ้นและมิได้กล่าวอันใดอีก

ทำแค่เพียงนั่งลงอย่างเย็นชา และเงยหน้าขึ้นมองหลี่เว่ยหยาง จากนั้นได้หันไปมองที่ฮูหยินใหญ่ และกล่าวออกมาว่า:

“หญิงผู้นี้เหตุใดจึงไร้มารยาทนัก… เห็นผู้อาวุโสเดินเข้ามา เหตุใดมิรีบแสดงความเคารพ”

ฮูหยินใหญ่ยิ้มเบา ๆ และกล่าวเพียงแค่ว่า:

“นางถูกเลี้ยงดูมาในหมู่บ้านแถบชนบทตั้งแต่ยังเด็ก

ดังนั้นจึงมิได้รับการสั่งสอนเรื่องมารยาทมากนัก อย่าได้ตำหนินางเลย”

ในที่สุดฮูหยินเกาเว่ยก็กล่าวว่า:

“ลุกขึ้น!”

หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างเย็นชาภายในใจ: ท่าทางคราวนี้ฮูหยินใหญ่คงมีความต้องการที่จะบีบให้เว่ยหยางหมดหนทางรอดเป็นแน่

จากนั้นเสียงของเด็กสาวผู้หนี่งได้ดังขึ้น:

“เจ้าเป็นผู้ที่ออกคำสั่งให้คนเหล่านั้นมาทุบตีพี่รองของข้าหรือ?”

หญิงสาวผู้นี้คือ เกาหมิน นางเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของฮูหยินเกา

และนิสัยของนางนั้น เป็นผู้ที่มีความหยิ่งผยอง และชอบวางอำนาจเป็นที่สุด

หลี่เว่ยหยางกล่าวโต้ตอบอย่างแผ่วเบาว่า :

“เว่ยหยางเพียงเเค่ทุบตีโจรตัวเล็ก ๆ ที่แอบย่องเข้ามาในตำหนักของข้า

และข้ายังมิได้เห็นพี่รองของท่านเลย ท่านเข้าใจอันใดผิดหรือไม่!”

“โจรอันใด! เจ้ากล้าดูถูกพี่รองของข้าหรือ!”

เกาหมินเอ่ยถามอย่างจริงจัง

“เว่ยหยางโง่เขลา ข้ามิเข้าใจความหมายของท่าน

หรือท่านกำลังจะกล่าวว่า โจรที่บุกรุกตำหนักของข้าในวันนี้คือพี่เกาจิน?”

หลี่เว่ยหยางมิได้แสดงความขุ่นเคือง หรือโกรธแค้นอันใดออกมาเลย และยืนอยู่ที่นั่นด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

อีกทั้งน้ำเสียงในคำกล่าวของนางนั้นยังราบเรียบ และมิมีอารมณ์อื่นใดปะปนเลย นอกจากความเฉยเมย

เห็นได้ชัดว่า นางเพียงกล่าวว่าเว่ยหยางทุบตีโจร นางกล่าวว่าพี่ชายของ

เกาหมินเป็นโจรเมื่อใดกัน!

เกาหมินมิอยากจะเชื่อเลยว่า หลี่เว่ยหยางนั้น โต้ตอบคำกล่าวของตนเองจนนางมิสามารถกล่าวอันใดได้อีกต่อไป

และในตอนนี้ใบหน้าของเกาหมินเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด

เดิมทีฮูหยินเว่ยเกาต้องการที่จะให้ เกาหมินแสดงอำนาจของนาง

แต่มิอยากจะเชื่อเลยว่า มันจะถูกโต้ตอบกลับเช่นนี้

จึงกำลังจะโวยวาย แต่ทันใดนั้นจางเล่อได้เอ่ยขึ้นมาว่า:

“วันนี้เกิดอันใดขึ้น!”

และนางได้กวาดสายตาไปยังบรรดาสาวใช้และแม่นมที่ยืนอยู่ด้านข้าง

ไป๋จื่อเปล่งเสียงอย่างแผ่วเบาว่า:

“รายงานฮูหยินทุกท่าน วันนี้คุณหนูสามพาพวกเราทุกคนเข้าไปที่สวน

เพราะช่วงบ่ายของวันนี้ เราได้เห็นว่า มีนกกาเหว่าอาศัยอยู่ในสวน

และเรากำลังเตรียมที่จะจับมัน และมอบมันให้กับผู้อาวุโสหลี่

ผู้ใดจะรู้ว่า อยู่ดี ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งแอบซุ่มอยู่ใต้ต้นกล้วย พวกเราจึง…“

เกาหมินส่งเสียงดังขัดจังหวะ:

“เจ้าหมายถึงอันใดกัน แอบซุ่มรึ? นั่นคือ พี่รองของข้า!”

ไป๋จื่อมีความรู้สึกสับสน แต่เมื่อเห็นการแสดงออกที่มิเปลี่ยนแปลงของหลี่เว่ยหยาง นางจึงกล่าวต่ออย่างมั่นใจว่า:

“คุณหนูเกา นี่คือสิ่งที่พวกเราทุกคนเห็นด้วยตาของเราเอง ข้ามิได้โกหก”

ทันใดนั้นความโกรธของเกาหมินก็ได้พุ่งขึ้นสูงสุด จึงเงื้อมมือขึ้น และเตรียมที่จะตบลงบนใบหน้าของไป๋จื่อ

หลี่เว่ยหยางสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็ว จึงรีบเดินไปขวางเอาไว้ และคว้าข้อมือของนางในทันทึ

เดิมทีเกาหมินต้องการแสดงอำนาจของตนเอง และมิคิดว่าหลี่เว่ยหยางจะจับมือของนางไว้แน่นกลางอากาศ จนมิสามารถขยับได้

นางจึงอดมิได้ที่จะเกรี้ยวกราดมากยิ่งขึ้น:

“หลี่เว่ยหยาง เจ้ากล้าดีอย่างไร?เป็นเพียงแค่บุตรสาวหยินเหนียงกล้าที่จะทำให้ข้าขุ่นเคืองหรือ!”

หลี่เว่ยหยางยังเด็ก แต่นางกลับมีพละกำลังมหาศาล นางทำเพียงแค่ยิ้มอย่างอบอุ่น:

“ท่านหมายถึงอันใดหรือ?

เว่ยหยางเพียงแค่กังวลว่า การระบายความโกรธกับคนรับใช้จะทำให้ท่านต้องขายหน้า!”

เมื่อเห็นเช่นนั้น ฮูหยินเกาจึงมิสามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป

นางตบโต๊ะหินเสียงดังพร้อมกับกล่าวว่า

“ปากดีนัก! คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”