ตอนที่ 442 เฉียดไหล่ผ่านไป

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 442 – เฉียดไหล่ผ่านไป

 

    การปรากฏตัวของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทำให้ชั้นสองของศาลาจิ้งสวีสงบเงียบลงทันที แม้แต่เหล่าลูกค้าพนักงานที่พูดคุยกันเสียงค่อยก่อนหน้านี้ล้วนหยุดพูดคุยพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย สายตาจับอยู่บนร่างของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่มาใหม่อย่างจงใจแต่เสมือนไร้เจตนา

    ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ของอวิ๋นจงถึงจะมีไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่ผู้ที่พวกเขาผู้ฝึกตนเหล่านี้จะสามารถพบเห็นง่าย ๆ ผู้ฝึกตนต่ำกว่าก่อเกิดตาน แปดเก้าในสิบส่วนล้วนไม่เคยเห็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ตลอดทั้งชีวิต

    ผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ที่อยู่เบื้องหน้าท่านนี้ดูแล้วอายุประมาณสามสิบปี ใบหน้าหล่อเหลา พลังแห่งผู้กล้าสยบผู้คน เพียงแต่ เห็นชัด ๆ ว่ารูปลักษณ์เยาว์วัย ในเส้นผมสีดำสนิทกลับปะปนไปด้วยผมขาวหลายปอย เพิ่มร่องรอยของกาลเวลาขึ้นมาหลายส่วน แต่ก็เพราะเหตุนี้เอง ท่วงทีที่เดิมก็โดดเด่นได้เจือความเปล่าเปลี่ยวอันเหนื่อยล้า ยิ่งดึงดูดสายตาผู้คน

    “ผู้อาวุโสมาเยือนศาลาจิ้งสวีช่างเป็นเกียรติของร้านจริง ๆ ผู้เยาว์หลิวเสี่ยวชิงเป็นผู้ดูแลร้านของศาลาจิ้งสวี มีอะไรที่สามารถรับใช้ผู้อาวุโสเจ้าคะ” เมื่อเห็นผู้อาวุโสท่านนี้ หลิวเสี่ยวชิงอดใจเต้นอย่างไม่ได้ตั้งใจไม่ได้ นางนึกว่าตนเองรู้จักคนนับไม่ถ้วน บุรุษที่หล่อกว่านี้ในแดนฝึกเซียนก็เคยเห็นไม่น้อย แต่ไม่เคยเห็นบุคคลเยี่ยงนี้เลย แต่นางไม่ได้ลืมว่านี่เป็นผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ สงบจิตใจลงทันที เชิญเขาไปยังที่นั่งส่วนตัวด้วยความนอบน้อมเต็มที่

    ฉากกั้นรอบที่นั่งส่วนตัวปิดกั้นสายตาของคนอื่น ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังอีกสองคนเก็บสินค้าที่เพิ่งจะแลกเปลี่ยนขึ้นจนหมด หลิวเสี่ยวชิงยืนอยู่ด้านข้างอย่างนอบน้อม รอคำบัญชา 

    “แค่ก ๆ!” ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ท่านนี้ปิดปากไอสองคำ แล้วเอ่ยปากว่า “ในร้านค้าของเจ้ามีโอสถรักษาบาดเจ็บอะไร”

    หลิวเสี่ยวชิงตะลึงไป เข้าใจขึ้นมาทันที ผู้อาวุโสท่านนี้รูปลักษณ์เยาว์วัย แต่มีผมขาว ที่แท้มีอาการบาดเจ็บบนร่าง!

    ในใจคาดเดาเช่นนี้ ภายนอกยังคงตอบอย่างนอบน้อมว่า “ผู้อาวุโส ร้านค้านี้มีโอสถรักษาบาดเจ็บอยู่บ้างจริง ๆ แต่ว่า ผู้อาวุโสมีระดับจิตวิญญาณใหม่ ถึงจะเป็นยาอมฤตที่สืบทอดลงมา สำหรับผู้อาวุโสแล้วก็อาจจะไม่มีประโยชน์อะไร”

    ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่นี้พยักหน้า ไม่มีท่าทางเหนือความคาดหมายเลย โยนป้ายหยกออกมาหนึ่งชิ้น เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าดูแล้วกันว่ามีวัตถุดิบไม่กี่ชนิดนี้หรือไม่”

    “เจ้าค่ะ” หลิวเสี่ยวชิงหยิบป้ายหยกขึ้นมา อ่านโดยละเอียดหนึ่งรอบแล้วยิ้ม “บังเอิญนัก ผู้อาวุโสหากมาเร็วขึ้นหนึ่งก้าว สิ่งของบางอย่างพวกเรายังไม่มีจริง ๆ บังเอิญเมื่อครู่นี้มีผู้ฝึกตนท่านหนึ่งขายวัตถุดิบให้พวกเราจำนวนมาก ในนั้นก็มีหญ้าวิญญาณและแกนปีศาจที่ผู้อาวุโสต้องการ”

    “จริงหรือ” ความบังเอิญเยี่ยงนี้ทำให้ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ท่านนี้เลิกคิ้ว แต่ว่า ก็เพียงหยุดอยู่ตรงนี้ เขาถามอย่างเฉยเมยว่า “อายุพอหรือ”

    “นักประเมินของร้านเราเคยดูแล้ว น่าจะตรงตามข้อเรียกร้องของผู้อาวุโสเจ้าค่ะ” หลิวเสี่ยวชิงหยุดครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ผู้เยาว์จะไปหยิบมาให้ผู้อาวุโสดูนะเจ้าคะ?”

    ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่พยักหน้า จิบชาเงียบ ๆ ไอเป็นบางครั้งบางคราว ไม่ได้มองนางมากขึ้นสักแวบ

    หลิวเสี่ยวชิงไม่กล้าเพิกเฉย กลับไปยังโต๊ะคิดเงินทันที สั่งการผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังที่กำลังแยกประเภทสินค้าสองสามคำ หยิบหญ้าวิญญาณและแกนปีศาจไม่กี่ชิ้นเดินมาอย่างรวดเร็ว “ผู้อาวุโส ท่านโปรดตรวจสอบ”

    กล่องหยกเปิดอ้า แกนปีศาจในนั้นมีขั้นห้ามีขั้นหก นอกจากประเภทที่พบเห็นค่อนข้างน้อยก็ไม่นับว่าหายาก นอกจากนี้มีหญ้าวิญญาณไม่กี่ต้น แต่กลับทำให้เขาดวงตาสว่างไสวขึ้นมา หลายวันมานี้ เขาแทบจะเดินไปทั่วเมืองใหญ่ของภาคเหนืออาณาจักรตงถังแล้ว ไม่เคยหาหญ้าวิญญาณไม่กี่ชนิดนี้เจอเลย คนบางคนแม้แต่ได้ยินยังไม่เคยได้ยินมา คนบางคนถึงจะรู้ แต่บอกว่าหญ้าวิญญาณเหล่านี้ที่อวิ๋นจงแพร่พันธุ์น้อย เขาแทบจะละทิ้งความหวังไป แล้วเสาะหาหญ้าวิญญาณอื่น กลับคาดไม่ถึงว่าจะหาเจอที่เมืองอวิ๋นอี้

    หลิวเสี่ยวชิงสังเกตวาจาและสีหน้า ขณะนี้ยืนยันแล้วว่า หากไม่เกิดเหตุเหนือคาด การค้าขายรายนี้นับว่าทำสำเร็จแล้ว นางอดเผยรอยยิ้มไม่ได้ โชคของวันนี้ช่างดีจริง ๆ ถึงจะจ่ายศิลาวิญญาณออกไปหลายแสนก้อน แต่มูลค่าสินค้าที่ได้รับมาสูงยิ่ง แล้วยังทำการค้ารายใหญ่สำเร็จสองเจ้า สิ่งของของผู้อาวุโสเยี่ยท่านนั้นและที่ผู้อาวุโสท่านนี้ต้องการล้วนมีมูลค่าหลายหมื่นศิลาวิญญาณ……

    “ไม่เลว พวกนี้ล้วนเอา” ระหว่างที่กำลังคิด ผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ท่านนั้นวางหญ้าวิญญาณในมือลง ส่งเสียงออกมา

    หลิวเสี่ยวชิงยิ้มแย้มเต็มหน้า โค้งกายเอ่ยว่า “เช่นนั้นผู้เยาว์จะรวมรวบให้ผู้อาวุโสนะเจ้าคะ?”

    ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ท่านนี้พยักหน้า เอ่ยว่า “ราคาเท่าไหร่”

    หลิวเสี่ยวชิงเก็บหญ้าวิญญาณแกนปีศาจตรงหน้าให้เรียบร้อยอย่างคล่องแคล่ว ติดเครื่องรางป้องกันไม่ให้พลังวิญญาณรั่วไหล คำนวณหนึ่งรอบ เสนอราคาโดยรวมว่า “สิ่งของเหล่านี้ ปัดเป็นตัวเลขกลม ๆ รวมเป็นห้าหมื่นสองพันศิลาวิญญาณ หากผู้อาวุโสไม่ถือสา รอครู่หนึ่ง ผู้เยาว์จะคำนวณรายการอย่างละเอียดออกมา”

    ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ท่านนี้กลับเอ่ยว่า “ไม่รีบ ในเมื่อเจ้าเป็นผู้ดูแลร้านแห่งนี้ คิดว่าข่าวสารฉับไว เปิ่นจวินอยากถามคำถามสักหน่อย ได้หรือไม่”

    ผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่จะถาม หลิวเสี่ยวชิงไหนเลยจะไม่ยินยอม เอ่ยทันควันว่า “ผู้อาวุโสมีวาจาใด หากผู้เยาว์ทราบย่อมไม่ปิดบัง”

    ผู้ฝึกตนท่านนี้ไออีกสองคำแล้วจึงถามว่า “เจ้าเคยได้ยินชื่อเยี่ยเสี่ยวเทียนไหม”

    หลิวเสี่ยวชิงคิดครู่หนึ่ง “ผู้อาวุโส……”

    ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ท่านนี้กล่าวต่อว่า “นางเป็นผู้ฝึกตนสตรีระดับก่อเกิดตาน น่าจะขั้นปลายแล้ว” หยุดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยอีกว่า “ไม่แน่ว่าจะผูกจิตวิญญาณแล้วก็ไม่ทราบชัด รูปลักษณ์อ่อนเยาว์ ยี่สิบปี หน้าตางดงามยิ่ง……”

    พูดถึงตรงนี้ ผู้ฝึกตนท่านนี้หยุดถ้อยคำ สีหน้าเจือความลังเล คำบรรยายเหล่านี้ไม่นับว่าเป็นคุณลักษณะจริง ๆ ในผู้ฝึกตนสตรีก่อเกิดตาน มีมากมายที่ล้วนยี่สิบปี อ่อนเยาว์งดงาม แต่หากพูดถึงคุณลักษณะที่แท้จริง เขาก็รู้สึกอีกว่าไม่สมควรเอ่ยกับคนนอก

    ตามคาด หลิวเสี่ยวชิงหลังจากฟังแล้วลังเลถึงสิบส่วน “ผู้อาวุโส เหล่านี้ที่ท่านพูดมา จำแนกได้ไม่ง่ายจริง ๆ……” อีกทั้ง “น่าจะขั้นปลายแล้ว” “ไม่แน่ว่าจะผูกจิตวิญญาณแล้วก็ไม่ทราบชัด” คำบรรยายประเภทนี้ก็ว่างเปล่าเกินไป หรือว่าผู้อาวุโสท่านนี้ก็ไม่รู้ว่าคนที่อยากหาอยู่ระดับอะไร? แต่ว่า นามเยี่ยเสี่ยวเทียนนี้คุ้นเคยนิดหน่อย

    นางคิดอย่างละเอียด ในสมองเกิดปฏิภาณขึ้นวูบหนึ่ง แล้วขมวดคิ้วอย่างกังขา สุดท้ายขบคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดยังกล่าวว่า “ผู้อาวุโสเจ้าคะ ผู้ฝึกตนสตรีที่ท่านพูด ผู้เยาว์ไม่เคยพบเห็น แต่ว่านามเยี่ยเสี่ยวเทียนนี้ ผู้เยาว์กลับเคยได้ยิน”

    “อ้อ?” ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่นี้เลิกคิ้วจ้องมองนาง “เจ้าพูด”

    “ผู้เยาว์เคยได้ยินเมื่อสิบกว่าปีก่อน ในสำนักอาจารย์มีซือซูก่อเกิดตานท่านหนึ่ง มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้อาวุโสก่อเกิดตานที่เรียกว่าเยี่ยเสี่ยวเทียนท่านหนึ่ง ผู้อาวุโสท่านนั้นอายุอ่อนเยาว์ก็เป็นระดับก่อเกิดตานขั้นปลายแล้ว แต่ว่า ผู้อาวุโสท่านนั้นกลับเป็นผู้ฝึกตนบุรุษ ไม่ได้เป็นผู้ฝึกตนสตรี”

    ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่นี้ฟังจบแล้วกลับเงียบงันไร้วาจา

    หลิวเสี่ยวชิงรอครู่หนึ่ง ไม่เห็นเขาพูดจา อดเรียกคำหนึ่งไม่ได้ว่า “ผู้อาวุโส?”

    เมื่อได้ยินเสียงของนาง ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่นี้ถามในที่สุดว่า “เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าภายหลังเขาไปที่ใด”

    หลิวเสี่ยวชิงส่ายหน้า กล่าวว่า “อันนี้ผู้เยาว์ก็ไม่ทราบแล้วเจ้าค่ะ ที่จำเรื่องนี้ได้เป็นเพียงเพราะว่าผู้เยาว์ดูแลร้านค้าแทนสำนักมานานปี ใส่ใจผู้คนกับเรื่องราว ผู้อาวุโสหากอยากไต่ถามที่อยู่ของผู้อาวุโสเยี่ยท่านนี้ ผู้เยาว์สามารถเป็นตัวแทนผู้อาวุโสรายงานต่อสำนักอาจารย์”

    เมื่อได้ยินวาจานี้ ผู้ฝึกตนนี้ผงกศีรษะเอ่ยว่า “เจ้าคิดบัญชีให้ข้าก่อนเถอะ”

    “เจ้าค่ะ” หลิวเสี่ยวชิงล่าถอยออกไปอย่างนอบน้อมยิ่ง

    ในที่นั่งส่วนตัวไม่มีคนอื่นอีก ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่นี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ล้วงกระดาษหนังสัตว์แผ่นหนึ่่งออกมาจากอกเสื้อ บนกระดาษหนังสัตว์ที่ขัดจนขึ้นเงาวาดหญิงสาวเยาว์วัยไว้หนึ่งนาง รูปลักษณ์เป็นผู้ที่เขาคุ้นเคย แต่นามกลับไม่เคยได้ยิน

    “ฉินเวย ชิงเวย……เทียนเกอ ข้ารู้ว่าเป็นเจ้า แต่คนอวิ๋นจงล้วนบอกว่าฉินเวยหายสาบสูญไปสิบกว่าปีแล้ว ข้าต้องไปเสาะหาเจ้าที่ใด?”

    ออกจากร้านค้าของโรงเรียนจิ้งซวีแล้ว โม่เทียนเกอไม่ได้ไปพักผ่อนที่ตึกอวี้ซีทันที ทว่าเสาะหาร้านหลอมอุปกรณ์อีกแห่ง เดินเข้าไป

    ครึ่งวันให้หลัง นางออกมาจากร้านหลอมอุปกรณ์นี้ จ่ายศิลาวิญญาณไปอีกก้อนใหญ่

    หลายปีนั้นที่ชนเผ่าตะวันตก นางเสาะพบไม้แกนเหล็กดำหนึ่งต้น หากสร้างเป็นเรือสำเร็จ ว่ากันว่าสามารถต้านทานวายุทิพย์คลื่นยักษ์บนทะเล ครั้งนี้ต้องไปทะเลกุยสวี นางใคร่ครวญแล้ว วางแผนเอาไม้แกนเหล็กดำนี้มาสร้างเป็นอาวุธเวทให้สำเร็จก่อนก็จะมั่นใจขึ้นอีกหนึ่งส่วน

    แต่ทักษะหลอมอุปกรณ์ของตัวนางเองไม่สามารถเชิดหน้าชูตาได้จริง ๆ คิดไปคิดมา ยังคงขอให้คนอื่นลงมือหลอมสร้างดีกว่า อวิ๋นจงใหญ่ขนาดนี้ คิดจะเสาะหาอาจารย์หลอมอุปกรณ์ที่สามารถหลอมสร้างอาวุธเวทไม่ยากเลย ถึงอย่างไรไม้แกนเหล็กดำก็หายาก นางทำเสียไม่ได้

    โชคดี ในอดีตตอนที่ผ่านเมืองอวิ๋นอี้นี้ก็เคยได้ยินว่าในเมืองมีร้านหลอมอุปกรณ์ที่ฝีมือไม่เลวหลายร้าน นางก็เสาะหาร้านที่ชื่อเสียงดีที่สุด มอบหมายเรื่องนี้ไป

    จากนั้น นางจัดการธุระจิปาถะเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วจึงกลับตึกอวี้ซีขอลานเล็ก ๆ ทีเงียบสงบไว้พำนัก นั่งสมาธิปรับลมหายใจพลาง รอคอยข่าวสารพลาง

    ไม่ได้มาอาณาจักรตงถังเกือบสิบปีแล้ว เมื่อครู่ตอนที่สนทนากับผู้ดูแลร้านของตึกอวี้ซี นางได้ยินข่าวที่น่าสนใจหนึ่งอย่าง

    สามสำนักใหญ่สายธรรมะร่วมกับแจ้งต่อใต้หล้าว่า กระบี่ฝูเซิงที่แท้จริงปรากฏสู่โลกแล้ว เชิญผู้ครอบครองเจดีย์มารสวรรค์มารวมตัวที่ทะเลกุยสวี ปรึกษาเรื่องสำคัญ

    พอได้ยินข่าวนี้ โม่เทียนเกออดยิ้มไม่ได้ หากเป็นแต่ก่อนนี้ นางไม่แน่ว่าจะกังขาจริง ๆ ว่ากระบี่ฝูเซิงในมือตนเองเป็นของปลอม แต่นางกระตุ้นกำแพงอาคมในกระบี่ฝูเซิงแล้ว และยังได้รับการสืบทอดของฝูเหยาจื่อ กระบี่ฝูเซิงจริงหรือปลอมย่อมไม่จำเป็นต้องพูดมาก คิดว่านี่จะต้องข่าวลือที่สามสำนักใหญ่สายธรรมะจงใจปล่อย เพื่อชักนำให้ “ฉินเวย” ปรากฏกาย

    กลยุทธ์นี้ไม่นับว่าชาญฉลาด แต่มีแนวโน้มที่เป็นประโยชน์ สมมติว่า “ฉินเวย” ยังอยู่ที่อวิ๋นจงจริง ๆ กว่าครึ่งคงอดไม่ได้ที่จะไปตรวจสอบสักหน่อย

    หลังจากฝูเหยาจื่อได้ฟังก็กล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “คนโง่เขลากลุ่มหนึ่ง ถึงกระบี่ฝูเซิงจะตกอยู่ในมือพวกเขาแล้วจะอย่างไร พวกเขายังจะสามารถเสาะหาคนที่สามารถทำให้กระบี่ฝูเซิงยอมรับนายสักคนได้หรือไร”

    นี่ยังเป็นครั้งแรกที่โม่เทียนเกอได้ยินฝูเหยาจื่อใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดถึงคนอื่น ซือฟุท่านนี้นิสัยเป็นมิตร เป็นสุภาพบุรุษผู้ถ่อมตัวเสมอมา เพียงแต่เรื่องเกี่ยวข้องกับกระบี่ฝูเซิงของเขา ทำให้เขาทนทานไม่ได้อยู่บ้าง

    วัตถุศักดิ์สิทธิ์ห้าชิ้นต้องยอมรับนายจึงสามารถใช้งาน เรื่องนี้โม่เทียนเกอทราบแล้ว สามสำนักใหญ่หากระบี่ฝูเซิงอย่างร้อนรน อาจจะเป็นเพราะว่าวัตถุศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นในมือพวกเขาเสาะพบคนที่สามารถยอมรับนายได้แล้วกระมัง?

    แต่ว่า เรื่องนี้ก็ไม่โทษผู้ฝึกตนของสามสำนักใหญ่ พวกเขาไม่ทราบว่ากระบี่ฝูเซิงยอมรับนายแล้ว กว่าครึ่งคืออยากจะได้กระบี่ฝูเซิงมาแล้วรีบเสาะหาคนที่สามารถยอมรับเป็นนาย

    คนของศาลาจิ้งสวีทำงานเร็วมาก วันที่สองก็ส่งสิ่งของและศิลาวิญญาณทั้งหมดมา โม่เทียนเกอตรวจสอบ จ่ายเงินได้ของครบ

    รออีกหลายวัน ร้านหลอมอุปกรณ์นั้นหลังจากเสียไม้แกนเหล็กดำไปส่วนใหญ่แล้วในที่สุดก็หลอมอาวุธเวทสำเร็จ อาวุธเวทนี้ถูกอาจารย์นักหลอมอุปกรณ์นั้นตั้งชื่อว่าเรือดำเนินเดี่ยวหมื่นลี้ ถึงแม้ชื่อนี้จะเชยมาก โม่เทียนเกอก็ขี้เกียจจะคัดค้าน เรียกว่าอะไรไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคืออาวุธเวทนี้สามารถต้านทานวายุทิพย์คลื่นยักษ์ในทะเลได้ก็พอแล้ว

    เมื่อได้รับเรือดำเนินเดี่ยวหมื่นลี้และชำระค่าที่พัก โม่เทียนเกอไม่รั้งรออีก ออกเดินทางไปทะเลกุยสวี 

    ปลายเดือนหลายวันให้หลัง หลิวเสี่ยวชิงปฏิบัติตามกฎส่งสมบัติหายากไปยังโรงเรียนจิ้งซวี บังเอิญพบกับผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ที่มาสอบถามข่าวของ “เยี่ยเสี่ยวเทียน” ที่โรงเรียนจิ้งซวีและถูกบรรพจารย์จิตวิญญาณใหม่ในโรงเรียนรั้งตัวไว้ท่านนั้น

    ผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ท่านนี้เห็นโอสถขวดหนึ่งในนั้น สายตาถูกดึงดูดทันที

    หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดเมี่ยวอิงหยวนจวินเห็นสีหน้าของเขา ยิ้มถามว่า “สหายเต๋าฉิน หรือว่าในนี้ยังมีสิ่งของที่ท่านรู้สึกสนใจ?”

    ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่แซ่ฉินผู้นั้นยังคงจับจ้องโอสถขวดนั้น ปากถามว่า “สหายเต๋าเมี่ยวอิงไม่ถือสาหากข้าจะดูสักหน่อยกระมัง?”

    “แน่นอน ไม่ได้เป็นของดีอะไร สหายเต๋าฉินหากเข้าตาก็เอาไปเลย” เมี่ยวอิงหยวนจวินยิ้มบาง ๆ แสดงความใจกว้างถึงสิบส่วน สิ่งของเหล่านี้ถึงจะล้ำค่า แต่สำหรับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่แล้วไม่นับเป็นอะไรเลย หากสามารถอาศัยสิ่งนี้ผูกมิตรกับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางที่แข็งแกร่งผู้หนึ่งจะคุ้มค่ากับของที่เสียไปแน่นอน

    เมื่อได้รับความยินยอม ผู้ฝึกตนแซ่ฉินนี้ยกมือขึ้น ขวดหยกใบนั้นลอยเข้ามือของเขาด้วยตัวมันเอง เขาดูขวดหยกอย่างละเอียดหนึ่งรอบ ราวกับว่านี่เป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง สุดท้ายจึงเปิดจุกขวด ดมโอสถที่อยู่ข้างใน

    “น้ำยาวายุเซียน……” เขาพึมพำกับตัวเอง ถัดจากนั้นเงยหน้าขึ้น สายตาจ้องมองหลิวเสี่ยวชิงอย่างแหลมคม “ผู้เยาว์ โอสถนี้เจ้าได้มาจากที่ใด”

    หลิวเสี่ยวชิงถูกสายตาของเขาขู่จนสะดุ้ง รีบตอบว่า “เป็นผู้ฝึกตนท่านหนึ่งขายให้ศาลาจิ้งสวี อ้อ ผู้ฝึกตนท่านนั้นกับผู้อาวุโสยังมีวาสนาต่อกันเล็กน้อย หญ้าวิญญาณแกนปีศาจเหล่านั้นที่ผู้อาวุโสต้องการ ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสท่านนั้นขายให้ร้าน”

    เมื่อได้ยินวาจานี้ เขาสีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย ถามอีกว่า “นาง*ชื่ออะไร? ระดับอะไร? ลักษณะเป็นอย่างไร? ขายให้ร้านเมื่อใด? ไปที่ใด?”

    เมื่อได้ยินคำถามชุดนี้ หลิวเสี่ยวชิงไม่กล้าเพิกเฉย ตอบไปทีละอย่างว่า “ผู้เยาว์เพียงทราบว่าเขาแซ่เยี่ย เป็นผู้ฝึกตนบุรุษระดับก่อเกิดตาน ลักษณะเป็นบัณฑิตหนุ่ม ก็วันนั้นที่ผู้อาวุโสมาในร้าน ผู้อาวุโสแซ่เยี่ยท่านนี้ได้มาขายวัตถุดิบกองใหญ่ ไปตอนที่ผู้อาวุโสมาพอดี  ส่วนจะไปที่ใด ผู้เยาว์กลับไม่ทราบ”

    ลักษณะเป็นบัณฑิตหนุ่ม แซ่เยี่ย เหมือนกับ “เยี่ยเสี่ยวเทียน” ที่คนอื่นพูดกันพอดีเลย!

    เขาสูดลมหายใจลึก ๆ ลุกขึ้นกุมมือให้เมี่ยวอิงหยวนจวิน “สหายเต๋าเมี่ยวอิง เกรงว่าคนที่จ้ายเซี่ยต้องการหาจะปรากฎตัวขึ้นแล้ว หลายวันนี้ขอบคุณมากสำหรับการต้อนรับ ขอลาไปก่อน”

……………….

*คำนี้ฉินซีใช้คำว่า “นาง” แต่หลิวเสี่ยวชิงใช้คำว่า “เขา” ซึ่งในภาษาจีนเป็นคำพ้องเสียงค่ะ

 

หายไปเป็นสิบปี สามีมาตามแล้วจ้า

 

 

ตอนที่ 443 – เกาะอีเยี่ย