ตอนที่ 51: เรามาสะสางปัญหาคาใจกันหน่อยดีกว่า

ระหว่างที่หันหน้ากลับไป เสี่ยวเฉิงก็พลันปล่อยมือออกจากคอเสื้อของชายอันธพาลและเดินตรงไปประจันหน้ากับชายหัวโจกที่สวมต่างหูข้างเดียว “ก็แค่ตอบคำถามฉันมา ขนาดไอ้ระยำนั่นยังกล้ากระทืบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เลย แต่ทำไมมันกลับปอดแหกไม่กล้าแสดงตัวออกมาล่ะ? ใครเป็นคนซ้อมเพื่อนร่วมงานของฉันกัน?” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงสุดเย็นชา

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชายตัวโจกพลันตอบกลับ

“ไม่รู้?” เสี่ยวเฉิงพลันหรี่ตา หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวเฉิงก็พุ่งเข้าไปซัดหน้าผากชายหัวโจกจนถอยเซและล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยความมึนงง

“เฮ๊ย! ทำบ้าอะไรของแกกันว่ะ?” ลูกน้องอีกห้าคนพลันตะโกนและวิ่งเข้ามาล้อมเสี่ยวเฉิงเอาไว้ราวกับกำลังจะบอกว่า “ถ้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว พวกเราเอาแกตายแน่”

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันพุ่งเข้าไปเตะตัดขาชายคนหนึ่งจนล้มลง หลังจากนั้นไม่ถึงเสี้ยววินาที เขาก็พลันหันศอกไปกระแทกหน้าชายอีกสี่คนที่ยืนรอบอยู่ข้างกายจนล้มลงเช่นกัน นั่นทำให้ทั้งห้ารู้สึกราวกับโลกกำลังหมุนไม่หยุด

ทันทีที่ทั้งห้าคนล้มลง เสี่ยวเฉิงก็พุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของชายหัวโจกขึ้นมาและถามขึ้นอีกครั้ง “ฉันจะถามแกอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ ใครเป็นคนซ้อมเพื่อนร่วมงานของฉัน?”

“ไปตายไป! ไอ้บัดซบ!” ชายหัวโจกพลันตะโกนใส่หน้าเสี่ยวเฉิง

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันซัดหมัดเข้าไปที่หน้าของชายหัวโจกจนฟันหลุดออกมาถึงสองซี่

ชายหัวโจกพลันก้าวถอยอย่างโซซัดโซเซและล้มลงไปที่ถนนอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน คนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งก็วิ่งออกมาจากไนท์คลับทันที พวกเขาจับตาดูเสี่ยวเฉิงมาตั้งแต่ที่มีรถกระบะของตำรวจเข้ามาในเขตย่านเมืองเก่าแล้ว และทันทีที่อีกฝ่ายเห็นพรรคพวกของตัวเองล้มลง พวกเขาทั้งยี่สิบสี่คนก็วิ่งเข้ามาล้อมเสี่ยวเฉิงเอาไว้พร้อมกับตะโกนถามขึ้นทันที “แกคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่กัน?”

เสี่ยวเฉิงพลันจ้องมองไปยังอีกฝ่ายที่ยืมล้อมอยู่และกล่าวคำพูดออกมา “เพื่อนร่วมงานของฉันถูกคนของพวกนายกระทืบจนปางตายเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้เขายังนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล พวกนายนั้นแหละ คิดว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรกันอยู่?”

“แล้วไงล่ะ?” ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาและจ้องมองเข้าไปยังนัยน์ตาของเสี่ยวเฉิง “ก็แกเข้ามายุ่งกับคนที่ไม่ควรจะยุ่งเองนี่… แกนั้นแหละเป็นคนที่จะต้องถูกกระทืบแต่แรก โชคดีเหลือเกินนะ แต่ก็นะ แทนที่จะหนีไปซ่อนตัว แต่กลับมารนหาที่ตายถึงที่ อยากมีปัญหามากใช่ไหม? ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือยังไงกัน?”

“ก็ได้” เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้ม “งั้นวันนี้เรามาสะสางปัญหาคาใจกันดีกว่า บอกมาสิว่าฉันไปทำให้ใครขุ่นเคืองกัน? ใครกันที่อยากจะสั่งสอนบทเรียนให้กับฉัน?”

ทันทีที่เสี่ยวเฉิงพูดจบ ชายหัวโล้นคนหนึ่งก็เดินออกมา

“ข้อแรก แกจับนายน้อยหยุนเข้าคุก พวกเราส่งคนไปเตือนแล้ว แต่แกก็กลับกระทืบเสียจนหน้าเละ และข้อสอง เรื่องที่เกิดขึ้นในคาสิโนของแก๊งเสือขาว แกทำให้ท่านฉินต้องเข้าไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่โรงพยาบาล แถมยังทำให้แก๊งเสือขาวต้องมาสูญเสียภาพลักษณ์สุดน่าเกรงขามที่เคยมีมาตั้งแต่อดีตอีก! อันที่จริง แค่สองข้อนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเราอยากกระทืบแกให้ตาย! ถ้าแกไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจล่ะก็…“

ทว่า เสี่ยวเฉิงกลับเผยเสียงหัวเราะออกมา “ก่อนอื่น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ฉันไปซัดหน้าท่านฉินของพวกนายเลย ฉันทำตามทุกอย่างทุกขั้นตอนจนครบหมดแล้วด้วยซ้ำ เพราะถ้าไม่ถูกหาเรื่องแต่แรก ฉันก็คงไม่ไปที่นั่นหรอก อีกอย่าง ฝั่งนายเองก็ยังทำอะไรฉันไม่ได้เลยสักคน แต่ตอนนี้กลับสร้างสถานการณ์ให้เหมือนฉันกำลังมาหาเรื่องในถิ่นของพวกนายเพื่อที่จะได้กระทืบฉันอย่างงั้นเหรอ? ปกติแล้ว ทำกับคนอื่นกันแบบนี้ใช่ไหม? ดีแต่เห่าจังเลยนะ!“

“เมื่อกี้แกว่ายังไงนะ?!” เหล่าอันธพาลจากแก๊งเต่าดำต่างก็เลือดขึ้นหน้า

ทว่า ทันทีที่อีกฝ่ายกำลังพุ่งเข้ามา เสี่ยวเฉิงก็รีบหยิบปืนออกมาจากซองหนังข้างกายและยกขึ้นฟ้าทันที “หยุด! ถ้าเข้ามาอีกแค่ก้าวเดียว…”

ชายหัวโล้นพลันยิ้มเยาะ “ฮึ! ฉันไม่คิดว่าแกจะกล้าเหนี่ยวไกหรอกนะ!”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็ชี้ปากกระบอกปืนตรงไปยังหน้าของชายหัวโล้นทันที “อยากลองดูหน่อยไหมล่ะ? ตอนนี้พวกนายกำลังขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ด้วยสิ รู้ใช่ไหมว่าถ้าขัดขืนการจับกุมก็สามารถถูกโยนเข้าคุกได้เหมือนกัน?”

“งั้นก็เหนี่ยวไกเลยสิ! มาดูกันว่าแกจะมีกระสุนพอสำหรับพวกเราทุกคนหรือเปล่า?!” ชายหัวโล้นพลันหรี่ตาและตะโกนออกมา

“ก็แค่ส่งตัวไอ้เวรระยำนั่นมา ไม่มีเหตุผลเลยที่ฉันจะต้องยิงพวกนายทุกคน”

“ฝีมือฉันเอง! ฉันเป็นคนกระทืบไอ้ตำรวจนั่นเอง!” จากนั้นไม่นานนัก ชายกล้ามโตที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็เดินออกมาพร้อมผิวปาก “ทำไมล่ะ? อยากจับฉันนักใช่ไหม?”

ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงก็พลันสังเกตเห็นว่าจำนวนคนเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ มากเสียจนปิดกั้นถนนทั้งเส้นเอาไว้จนเขาไม่สามารถพุ่งเข้าไปถึงตัวชายกล้ามโตได้เลย

ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็ยังคงชี้ปากกระบอกปืนไปยังพวกคนที่ยืนขวางทางและตะโกนเสียงดังขึ้นมา“หลบไปให้พ้น!”

ถึงกระนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครก้าวถอยเลยแม้แต่น้อย อันธพาลทุกคนพลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิงโดยไม่ได้แสดงทาทีที่หวาดกลัวเลยออกมาเลย พวกเขาเพียงแค่หัวเราะเยาะเย้ยเท่านั้น