บทที่ 163 มีคนล่อลวงพ่อของเหมียวเหมี่ยว

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 163 มีคนล่อลวงพ่อของเหมียวเหมี่ยว

บทที่ 163 มีคนล่อลวงพ่อของเหมียวเหมี่ยว

ถังหว่านเหมือนเห็นภาพลวงตา

เธอคิดว่าหลังจากโจวอี้หายไปสองวัน ตอนนี้เขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

พูดตามตรงคือรุกเข้าหาเธอมากกว่าเดิม

เมื่อเช้าเขาบุกเข้าไปในห้องนอนของเธอ และใช้ประโยชน์จากทุกโอกาสด้วยวาจา

แต่เธอก็ไม่ได้ไม่พอใจ… ไม่สิ เธอแอบมีความสุขด้วยซ้ำ ทั้งดวงตาที่ร้อนแรงของโจวอี้เมื่อเขาจ้องมองเธอในตอนเช้า หรือจะเป็นสรรพนามที่เขาใช้เรียกโดยที่เธอยังไม่ได้อนุญาต…

รถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์ค่อย ๆ จอดสนิทอยู่นอกบ้าน

เฉินอ้ายหลินและซุนเหมิงก้าวลงจากรถ

ซุนเหมิงมีความสุขมากในสองวันที่ผ่านมานี้ เพราะบริษัทปฏิบัติต่อเธอแตกต่างไปจากเดิมมาก ผู้คนทั้งหลายดูเป็นมิตรกับเธอมากขึ้น เพื่อนร่วมงานชื่นชมเธอบ่อย ๆ และแม้กระทั่งมีคนเอาชานมและขนมมามอบให้เธอทุกวัน

“เหมิงเหมิง ไปดูซิว่าเสี่ยวหว่านทานอาหารเสร็จหรือยัง ฉันจะรออยู่ตรงนี้” เฉินอ้ายหลินสั่ง

“พี่คะ ข้างนอกมันหนาว เข้ามากับฉันเถอะ!” ซุนเหมิงชักชวน

“ไม่เป็นไร ฉันไม่หนาว”

ตอนนี้เฉินอ้ายหลินอยู่ในอารมณ์ที่สับสน

ก่อนหน้านี้เธอเกลียดโจวอี้มาก แม้แต่ตอนที่เธอพบเขาเป็นครั้งแรก เธอก็มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อโจวอี้แล้ว

แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวตนและภูมิหลังของโจวอี้นั้นไม่ธรรมดา เขาเป็นคนที่มีอิทธิพลมากพอที่จะทำลายเธอได้อย่างง่ายดาย เธอกลัวว่าจะทำให้โจวอี้ขุ่นเคืองหากเจอหน้ากันอีกครั้ง ซึ่งนั่นอาจจะนำไปสู่จุดจบที่น่าสังเวชของเธอ

ทว่าอีกใจหนึ่งเธอกลับมีความคิดอยากที่จะติดต่อกับโจวอี้ และพยายามเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อกอดขาทองคำของเขาไว้

เธอรู้สึกว่าอันดับแรกนั้นเธอต้องทำให้ถังหว่านไว้ใจก่อน จากนั้นก็ค่อยให้ถังหว่านคอยหว่านล้อมโจวอี้

“ไม่ต้องเข้าไปแล้ว” ซุนเหมิงยิ้ม

บัดนี้พวกเธอเห็นพ่อแม่ลูกกำลังเดินออกมาจากประตูถัดไป

ถังเหมียวเหมี่ยวจับมือถังหว่านและโจวอี้ เธอกระโดดโลดเต้นเหมือนนางฟ้าตัวน้อยที่กำลังมีความสุข

“อรุณสวัสดิ์คุณป้าเฉิน อรุณสวัสดิ์พี่สาวเหมิงเหมิง!” ถังเหมียวเหมี่ยวร้องเรียกอย่างไพเราะ

“อรุณสวัสดิ์เหมียวเหมี่ยว ช่างน่ารักจริง ๆ!” เมื่อเฉินอ้ายหลินเหลือบไปเห็นโจวอี้ หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เธอก็พยายามควบคุมอารมณ์ของเธอไว้ คอยยิ้มแย้มและพูดคุยกับถังเหมียวเหมี่ยว จากนั้นก็หันมาพูดกับโจวอี้ด้วยท่าทางที่เป็นทางการ “อรุณสวัสดิ์คุณโจว”

“อรุณสวัสดิ์!” โจวอี้ไม่ชอบเฉินอ้ายหลิน แต่เขาไม่อยากฉีกหน้าอีกฝ่ายต่อหน้าลูกสาวของตัวเอง เขาจึงแสร้งยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้าตอบ

“ขึ้นรถ ส่งเหมียวเหมี่ยวไปโรงเรียนแล้วไปหาที่คุยกัน” ถังหว่านพูดกับโจวอี้ แต่คำพูดของเธอมีความหมายต่อเฉินอ้ายหลินและซุนเหมิงด้วยเช่นกัน

“อืม ขึ้นรถ!”

เมื่อถังหว่านขึ้นรถ โจวอี้ก็อุ้มลูกสาวของเขาเข้าไปนั่ง

รถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์มีเจ็ดที่นั่ง ดังนั้นมันจึงมีที่นั่งเพียงพอสำหรับทุกคน

รถตู้ขับไปถึงประตูโรงเรียนอนุบาลของถังเหมียวเหมี่ยว

ถังหว่านไม่ได้ลงจากรถ แต่โจวอี้เป็นคนออกไปกับลูกสาวของเขา

ถังหว่านมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นโจวอี้อุ้มลูกสาวไปหาอาจารย์ที่ประตู ที่น่าประหลาดใจก็คือดูเหมือนว่าผู้ปกครองของนักเรียนหลายคนจะคุ้นเคยกับโจวอี้ และพวกเขายังริเริ่มที่จะทักทายก่อนด้วยซ้ำ

จากจุดที่รถตู้จอดอยู่ไปจนถึงครูที่ยืนอยู่บริเวณประตูโรงเรียน ระยะห่างนั้นเพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น แต่โจวอี้ใช้เวลาเดินหลายนาทีเพราะต้องตอบสนองต่อผู้ปกครองที่พากันทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น

และสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือลูกสาวของเธอได้รับของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มากมายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ในขณะที่ครูที่รับผิดชอบต้อนรับเด็ก ๆ นอกโรงเรียนเพียงแค่ยิ้มทักทายเด็กคนอื่น ๆ แต่กลับอ้าแขนและยิ้มรับลูกสาวของเธอเท่านั้น…

เกิดอะไรขึ้น

โจวอี้ทำอะไรไว้?

ถังหว่านงุนงง ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น

“พี่เขยนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ” ซุนเหมิงกล่าวอย่างชื่นชม

ถังหว่านชำเลืองมองแต่ไม่ได้แก้ไขคำพูดของอีกฝ่าย

เธอเฝ้าดูโจวอี้เดินกลับมาอย่างเงียบ ๆ ซึ่งขากลับก็ยังมีพ่อแม่เด็กคนอื่น ๆ มากมายที่พูดคุยกับโจวอี้

โจวอี้ตอบรับคำทักทายจากผู้ปกครองของนักเรียนทุกคน แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักซะส่วนใหญ่ แต่เขาก็ยังกระตือรือร้นที่จะแสดงไมตรี ขณะที่เขากำลังจะเดินไปถึงประตูรถก็มีเสียงหนึ่งหยุดเขาไว้

“คุณโจว รอสักครู่!”

“ฮะ?”

โจวอี้หันไปมองก็พบว่าเป็นหญิงสาวสวยในชุดขนมิงค์ อีกฝ่ายแต่งหน้าอ่อน ๆ และยังมีเครื่องประดับราคาแพง รูปลักษณ์ของเธอค่อนข้างโดดเด่น

“คุณเป็นใครครับ?”

“ฉันเป็นผู้ปกครองของนักเรียนในโรงเรียนนี้ด้วย ขออนุญาตแนะนำตัวเอง ฉันชื่ออู๋เซียงเหลียน ”

“สวัสดีคุณอู๋ ผมชื่อโจวอี้ มีอะไรให้ช่วยเหรอครับ?”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่ได้เห็นฉากการไล่ล่าอย่างกล้าหาญของคุณเมื่อวันก่อน ฉันชื่นชมคุณมาก ก็เลยอยากรู้จักคุณ” อู๋เซียงเหลียนเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ทันใดนั้นก็โน้มกายเข้าหาโจวอี้และถามด้วยรอยยิ้มว่า “คุณโจว คุณมีเวลาไหม ฉันรู้จักโรงน้ำชาดี ๆ คุณอยากจะไปเพลิดเพลินกับชาสักถ้วยด้วยกันไหม?”

“เอ่อ…”

โจวอี้พูดไม่ออก

เขามาส่งลูกสาวเป็นประจำที่โรงเรียนนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนชวนเขาไปดื่มชา! และเขาเพิ่งเจอผู้หญิงคนนี้เป็นครั้งแรก แต่ผู้หญิงคนนี้เชิญเขาไปดื่มชาซะแล้ว นี่มันไม่เร็วเกินไปเหรอ?

“คุณโจว บอกตามตรงว่าฉันหย่าร้างมาสองปีแล้ว และเพิ่งทำใจจากอารมณ์ที่บอบช้ำได้ไม่นาน ฉันแค่คิดว่าคุณเป็นคนดีมาก ฉันเลยอยากรู้จักคุณมากขึ้น คุณจะมอบโอกาสให้ฉันไหม?” อู๋เซียงเหลียนถาม

ห่างออกไปหนึ่งเมตรก็คือประตูรถ…

และมีถังหว่านกำลังนั่งมองผ่านกระจกหน้าต่างรถ

เธอกำลังมองโจวอี้และอู๋เซียงเหลียนผ่านหน้าต่างโดยไม่กะพริบตา เและยังได้ยินบทสนทนาอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของอู๋เซียงเหลียน เธอรู้สึกโกรธจนควันแทบออกหู ชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังล่อลวงพ่อของลูกเธอต่อหน้าต่อตา ซึ่งนั่นเป็นการยั่วยุขั้นร้ายแรงที่สุด!

ก่อนที่โจวอี้จะทันได้ตอบอะไร เธอก็ลดหน้าต่างลงด้วยใบหน้าที่มืดมน และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สามี คุณจะให้ฉันรออีกนานแค่ไหน?”

อู๋เซียงเหลียนถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าของเธอเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

โจวอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ประสงค์ร้าย แต่คำขอแบบนี้ต่อหน้าแม่ของลูกสาวของเขามันช่างน่าขันจริง ๆ ถังหว่านช่วยแก้ปัญหาของเขาได้อย่างทันควัน

“คุณอู๋ ขอบคุณสำหรับความเป็นมิตรของคุณ แต่ผมมีภรรยาที่ดีแล้ว เรื่องดื่มชาด้วยกันผมคงไม่อาจทำได้ ผมยังมีสิ่งที่ต้องทำ ขอตัวก่อนนะครับ” โจวอี้รีบเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งทันที

“ไป!” ถังหว่านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

อู๋เซียงเหลียนมองตามหลังรถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์ที่เร่งออกไป และหันหน้าหนีไปด้วยความอับอาย

ไม่กี่วันก่อน หลังจากที่ได้เห็นโจวอี้ไล่ตามผู้ร้ายอย่างกล้าหาญ เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายทั้งหล่อ ใจดี และกล้าหาญ หลังจากสอบถามกับผู้ปกครองของนักเรียนคนอื่น ๆ เธอก็ได้ทราบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับโจวอี้

เธอรู้ว่าไม่มีใครได้พบกับแม่ของถังเหมียวเหมี่ยวมานานแล้ว เธอจึงคิดว่าโจวอี้คงเหมือนกับเธอที่ต้องดูแลลูก ๆ ตามลำพังหลังจากหย่าร้าง ดังนั้นเมื่อเธอเห็นโจวอี้ เธอจึงนัดหมายที่จะดื่มชากับเขา

แต่กลับกลายเป็นว่า!

…ต่อหน้าต่อตาเมียของเขาเลยนะ!

บ้าที่สุดเลย!

ฉันทอดสะพานให้สามีคนอื่นต่อหน้าเมียเขาอย่างไร้ยางอายซะงั้น!

อู๋เซียงเหลียนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในฝันร้าย