บทที่ 164 เล่นใหญ่เกินไป
บทที่ 164 เล่นใหญ่เกินไป
รถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์เคลื่อนตัวไปอย่างราบรื่น แต่บรรยากาศภายในรถกลับค่อนข้างมืดมน
ไม่ว่าจะเป็นเฉินอ้ายหลินที่นั่งแถวหลัง หรือซุนเหมิงที่นั่งเบาะข้างคนขับ พวกเธออยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้าหัวเราะ อยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูด การแสดงออกของพวกเธอแปลกประหลาดเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
ส่วนสีหน้าของถังหว่านตอนนี้นั้นเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง เธอไม่มองหน้าโจวอี้เลยสักนิด
“อะแฮ่ม…” ในที่สุดเสียงกระแอมแห้ง ๆ ของโจวอี้ก็ทำลายความเงียบ
“เมื่อครู่นี้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมสาบานได้ว่าไม่เคยรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นมาก่อนเลย แต่เสน่ห์ของผมมันคงจะแรงเกินไป ก็เลยดึงดูดพวกผึ้งและผีเสื้อแบบนั้น ขอโทษนะ!” โจวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พรืด…” ถังหว่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เธอเป็นคนฉลาด เธอรู้แล้วว่าโจวอี้และหญิงคนนั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่คำพูดของโจวอี้ก็ฟังดูหน้าด้านเกินไป
เสน่ห์ที่แรงเกินไปคืออะไร?
ดึงดูดผึ้งและผีเสื้อได้ง่าย?
หลงตัวเองซะจริงนะพ่อคุณ!
โจวอี้ถอดแว่นกันแดดของถังหว่านออก ก่อนจะวางมือบนแก้มของถังหว่านแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเสแสร้งว่า “ภรรยาของผมหัวเราะแล้วสวยที่สุด”
“ออกไป! ออกไปเลย!”
ถังหว่านหน้าแดงด้วยความอาย เธอยกมือขึ้นและปัดมือของโจวอี้ออก จากนั้นเธอก็คว้าแว่นกันแดดกลับมาสวมอีกครั้ง
เธอพยายามอย่างมากที่จะระงับความประหม่าและกลบเกลื่อนความเขินอาย
ผู้ชายคนนี้ชอบทำตามใจชอบอยู่เรื่อย เขาไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้กำลังอยู่ต่อหน้าเฉินอ้ายหลินซุนเหมิง และคนขับรถ!
ไม่สิ!
คิดแค่นั้นได้ยังไง?
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรืออยู่ต่อหน้าใคร มันก็เป็นเรื่องผิดถ้าเขามาจับแก้มและพูดแบบนี้!
ถังหว่านรู้สึกอับอายมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงหลับตาและพยายามที่จะสงบสติอารมณ์
โจวอี้ยิ้มและพบว่าซุนเหมิงที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับหันมามองเขาอย่างแปลกประหลาด เขาขยิบตาให้อีกฝ่ายทันทีแสดงท่าทางภาคภูมิใจ
“อุบ…ฮ่าฮ่าฮ่า” ซุนเหมิงรู้สึกขบขันกับท่าทีของโจวอี้
แต่วินาทีถัดมาเธอก็รีบปิดปากพยายามกลั้นยิ้ม แล้วหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
เฉินอ้ายหลินนั่งอยู่แถวหลังด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
เธอเห็นชัดเจนว่าตอนนี้ถังหว่านชอบโจวอี้เข้าแล้ว ชอบมากซะด้วย! ผู้หญิงจะเกิดอารมณ์หึงหวงเฉพาะกับคนที่ชอบหรือคนที่รักเท่านั้น และอาการแบบนั้นมันไม่สามารถซ่อนได้เลย
แต่ทันใดนั้น
เธอก็รู้สึกขอบคุณถังหว่าน
เธอจำได้ว่าเธอเคยทำให้โจวอี้ขุ่นเคืองมาก่อน แต่โจวอี้กลับไม่เคยใส่ใจเธอ น่าจะเป็นเพราะถังหว่านหยุดโจวอี้เอาไว้ไม่ให้มาจัดการเธอโดยที่ไม่รู้ตัว!
ตอนนี้จู่ ๆ เธอก็รู้สึกผิด
จำได้ว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอรู้จักถังหว่านจนถึงตอนนี้ที่ประสบความสำเร็จแล้ว เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถังหว่านยังคงเป็นถังหว่านคนเดิม ใจดีและน่ารัก มีแค่ตัวเธอเท่านั้นที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
วูล์ฟคาเฟ่
หลังจากถังหว่านและโจวอี้มาถึง คาเฟ่แห่งนี้ก็เพิ่งเปิดบริการ
พวกเขานั่งลงที่โต๊ะมุมหนึ่งด้านในสุดของร้านกาแฟ และถังหว่านก็สั่งกาแฟมาสองแก้ว
“ว่ามาเลย! วันนี้คุณดูจริงจังมาก คุณอยากพูดเรื่องอะไรกับผมก็พูดมาเลย” โจวอี้นั่งไขว่ห้างเอนหลังพิงโซฟานุ่ม ๆ และยิ้มอย่างเกียจคร้าน
“ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องต่าง ๆ ฉันอยากรู้ว่าคุณไปทำอะไรมาที่โรงเรียนของเหมียวเหมี่ยว ทำไมพ่อแม่เด็ก ๆ หลายคนถึงรู้จักคุณ และที่อู๋เซียงเหลียนพูดมันหมายความว่ายังไง ที่ว่า ‘กล้าหาญในการไล่ตามคนร้าย’ น่ะ” ถังหว่านถอดแว่นกันแดดออกเพื่อจ้องมองโจวอี้
“อันที่จริง มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย เมื่อไม่กี่วันก่อน มีผู้ปกครองของนักเรียน…” โจวอี้เริ่มต้นเล่าออกมา และสุดท้ายก็เสริมว่า “แม้ว่าท้ายที่สุดจะเป็นพ่อแท้ ๆ ที่ลักพาตัวลูกของตัวเอง แต่ด้วยความตั้งใจของผม ผู้ปกครองของนักเรียนที่รู้เรื่องนี้ทั้งหมดต่างยกย่องผมเป็นฮีโร่”
ถังหว่านฟังแล้วก็นึกชื่นชมขึ้นมาทันที
โจวอี้กล้าที่จะจับโจรที่ลักพาตัวเด็ก ๆ แสดงให้เห็นว่าเขากล้าหาญและใจดีเช่นเคย
“อีกไม่กี่เดือนถัดจากนี้ คุณว่างไหม?” ถังหว่านถาม
“ก็ไม่ยุ่งเท่าไหร่! ผมแค่ต้องไปทำงานที่โรงพยาบาลและดูแลคุณกับลูกสาว”
“ฉันหมายถึงงานของคุณ!”
“ผมขี้เกียจทำงานมาก ผมไปทำงานแค่สองวันต่อสัปดาห์ และไม่ได้มีคนไข้มากนัก”
“อืม” ถังหว่านพยักหน้า
“คุณภรรยา คุณอยากคุยกับผมเรื่องอะไรถึงเรียกผมมาที่นี่?” โจวอี้คาดเดาอย่างคลุมเครือในใจ แต่เขาก็ยังต้องการฟังถังหว่านพูดออกมา
“อยากถามแค่นี้แหละ!” ถังหว่านตัดบท
“ฮะ หมดแล้ว? นี่คุณเรียกผมมาถามแค่นี้เนี่ยนะ?”
“ฉันแค่อยากถามว่าหลังจากนี้คุณว่างไหม!” ถังหว่านย้ำอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นโจวอี้ขมวดคิ้ว เธอจึงลังเลก่อนจะถามว่า “คุณคิดยังไงถ้าฉันผันตัวไปเป็นดาราด้วย? คือมันก็แค่การถ่ายละครทีวีและเป็นตัวละครเสริม”
“ไม่ดี!”
ในที่สุดโจวอี้ก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของถังหว่าน แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้ถังหว่านไปที่เมืองภาพยนตร์เพื่อถ่ายทำละครเรื่อง “Crossing the Jianghu” แต่เขาไม่สามารถตัดสินใจแทนเธอได้ จึงทำได้เพียงแสร้งดูถูกและพูดว่า
“คุณเป็นแค่นักร้อง คุณร้องเพลงเก่ง แต่คุณเคยแสดงบ้างไหม? คุณแสดงได้งั้นเหรอ? นี่คุณไม่เข้าใจขีดจำกัดของตัวเองเหรอ มนุษย์เราไม่ได้เก่งไปซะทุกอย่างหรอกนะ!”
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง? ดูถูกฉันเหรอ?” สีหน้าของถังหว่านเริ่มเย็นชา และความโกรธของเธอก็เริ่มปะทุขึ้น
“ผมไม่ได้ดูถูกคุณ แต่ผมแค่คิดว่าคุณควรมุ่งเน้นไปทำสิ่งที่คุณถนัดที่สุด ทำหน้าที่ร้องเพลงของคุณให้ดี ส่วนเรื่องการไปเป็นดารานักแสดง ผมคิดว่าคุณคงทำได้ แต่คงไม่ดีไปกว่าการร้องเพลง!” โจวอี้กล่าวอย่างจริงจัง
“คุณเอาแต่ดูถูกฉัน” ถังหว่านลุกขึ้นทันทีเพราะโกรธมากขึ้น
“ผม…”
“หยุดพูดไปเลย! ตอนแรกฉันกำลังลังเลว่าจะรับละครนี้ดีไหม แต่ในเมื่อคุณดูถูกฉันแบบนี้ ฉันตัดสินใจได้แล้วว่าจะรับงานละครนั้นแน่นอน เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คุณเห็น!” ถังหว่านกล่าวอย่างหนักแน่น
เวรแล้วไง!
เขาเล่นใหญ่เกินไป!
เขาแค่อยากจะพูดให้เธอรู้จักประมาณตน เพื่อที่จะได้ถอดใจ
แต่ใครจะคิดว่าวงจรสมองของผู้หญิงคนนี้กลับแปลกประหลาด และไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น!
กลายเป็นว่าตอนนี้เธอกลับต้องการพิสูจน์ตัวเองอย่างแรงกล้าซะงั้น!
โจวอี้รู้สึกหมดหนทางและต้องการอธิบายเพิ่มเติมอีกสักสองสามคำเพื่อเอาชนะการตัดสินใจของถังหว่านด้วยการใช้วิธีอ้อม ๆ แต่อีกฝ่ายไม่ให้เวลาเขาพูดเลย เธอสวมแว่นกันแดดอีกครั้ง ก่อนจะหยิบกระเป๋าของเธอแล้วเดินจากไปทันที
“เสี่ยวหว่าน รอผมด้วย…”
โจวอี้ตะโกนพลางวิ่งตามออกไปข้างนอก
“คุณคะ กาแฟของคุณ……” พนักงานเสิร์ฟยกกาแฟมาตรงหน้าโจวอี้
“ไม่เอาแล้ว!”
“แต่คุณสั่งมัน คุณต้องจ่าย ไม่ว่าจะดื่มหรือไม่ดื่มก็ตาม!”
จ่าย?
โจวอี้ตกตะลึงและตอบกลับด้วยคำขอโทษ เขาหยิบธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนออกมาและยื่นให้อีกฝ่าย “ไม่ต้องทอน!”
ครั้งนี้พนักงานเสิร์ฟรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ไม่ต้องทอน?
แต่นี่มันพอที่ไหนกันล่ะโว้ย!
เธอรีบวิ่งตามไปพลางตะโกนว่า “คุณคะ! ร้อยหยวนมันไม่พอ! กาแฟสองแก้วรวมกันเป็น 132 หยวน!!”