บทที่ 165 ทุกอย่างพร้อมแล้ว

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 165 ทุกอย่างพร้อมแล้ว

บทที่ 165 ทุกอย่างพร้อมแล้ว

ใต้ต้นมะเดื่อที่มีขนาดหนาเท่าเอวคน ใบหน้าของถังเสี่ยวถังบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดในใจ

ใกล้ ๆ กับประตูโรงเรียนอนุบาล เขาเฝ้าดูรถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับออกไปด้วยสายตาสิ้นหวัง แต่เขาก็ไม่มีแรงมากพอที่จะตามทัน

ร่างกายที่พิงต้นไม้สั่นเทาขึ้นเรื่อย ๆ

อดใจ…อดใจรออีกนิด

เขาคร่ำครวญและพยายามที่จะอดกลั้นสุดขีด หลังจากมีประสบการณ์ที่เจ็บปวดแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน เขาจึงรู้ว่าความเจ็บปวดในหัวใจนั้นคงกินเวลาอย่างมากที่สุดไม่เกินสิบนาทีเท่านั้น

“สบายดีไหมพ่อหนุ่ม?” หญิงชราที่เดินผ่านมาสังเกตเห็นความผิดปกติของถังเสี่ยวถัง เธอจึงถามด้วยความเป็นห่วง และยังยื่นมือออกไปหวังจะช่วยถังเสี่ยวถัง

“อย่าแตะต้องผม…” ถังเสี่ยวถังหลบมือของอีกฝ่าย มองอีกฝ่ายที่ทำหน้าตกตะลึงด้วยใบหน้าแดงก่ำและกัดฟันพูดว่า “ผมสบายดี”

“คุณไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ คุณดูไม่ค่อยสบายเท่าไหร่เลย ไม่ต้องห่วงนะ ยายไม่ใช่คนไม่ดี ให้ยายพาไปโรงพยาบาลไหม” หญิงชราถาม

“ผมสบายดี ผมไม่เป็นอะไร!” ถังเสี่ยวถังกำหมัดแน่น พยายามข่มความเจ็บปวดเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับคำพูดของเขา และจงใจปกปิดท้องของเขาด้วย

หญิงชราตกตะลึง จากนั้นก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณตลกจริง ๆ พ่อหนุ่ม!”

แค่นั้น!

แล้วเธอก็เดินจากไป

สำหรับถังเสี่ยวถัง ทุกวินาทีนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ทว่าหลังจากผ่านความเจ็บปวดมานับครั้งไม่ถ้วน ความอดทนของเขาก็มีมากขึ้น เมื่อความเจ็บปวดค่อย ๆ ทุเลาลง เขาก็ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก คลายกำปั้นและเช็ดเหงื่อบนใบหน้า

สายตาของเขามองย้อนกลับไปยังทิศทางที่รถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์วิ่งออกไป คนที่เขารออยู่นั่งรถออกไปทางนั้น…

แต่อย่างไรแล้วเขาก็ไม่กังวลอีกต่อไป

เพราะลูกสาวของอีกฝ่ายเรียนอยู่ที่นี่ เขาจึงเชื่อว่าเขาจะสามารถพบเจออีกฝ่ายได้อีกครั้ง

******

นอกร้านวูลฟ์คาเฟ่

โจวอี้มองตามรถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์ที่พุ่งออกไป

เขามักจะคิดว่าตัวเองฉลาด เขาคิดกับตัวเองว่าหลังจากกลับจากเมืองภาพยนตร์ เขาย่อมสามารถหว่านล้อมถังหว่านได้ง่าย ๆ

แต่ผลลัพธ์ตอนนี้มันคือบ้าอะไร?

ฉันเล่นใหญ่เกินไปซะงั้น!

แทนที่จะทำให้ความคิดของถังหว่านดับมอดลง แต่มันกลายเป็นเขากระตุ้นให้อีกฝ่ายอยากพิสูจน์ตัวเองต่อเขาซะงั้น

โจวอี้จุดบุหรี่ นั่งยอง ๆ ข้างถนนด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย และหลังจากสูบบุหรี่เสร็จแล้วเขาก็ลุกขึ้นดับก้นบุหรี่พลางคิดกับตัวเอง ‘ถ้าฝนมันจะตก ทำยังไงมันก็ตกอยู่วันยังค่ำ!’ ไม่แน่ว่าทักษะการแสดงของเธออาจแย่จนถังจี้โจวปัดเธอออกระหว่างการออดิชัน!

ตอนนี้ไปที่โรงพยาบาลดีกว่า!

เขาไม่มีอะไรทำ ดังนั้นก็ควรไปทำงานเพื่อหาเงิน!

เขาเรียกรถแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนจินหลิง หลังจากนั่งรถไปได้ครู่เดียวกลับมีสายโทรเข้าอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้โจวอี้ล้มเลิกแผนการไปโรงพยาบาลในวันหยุด

เขาพบว่าจางเหิงโทรมา อีกฝ่ายบอกโจวอี้ว่าได้จัดการเรื่องส่วนตัวเรียบร้อยแล้วและกำลังจะกลับมาที่เมืองจินหลิง

เมื่อได้ยินเช่นนี้โจวอี้จึงขอให้คนขับแท็กซี่เปลี่ยนจุดหมายปลายทาง และในไม่ช้าก็มาถึงโรงแรมซิลเวอร์สปริง

บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม

จางเหิงนั่งอยู่ในพื้นที่พักผ่อนเพื่อรอโจวอี้

เขาได้จัดการเรื่องส่วนตัวของเขาแล้วก่อนที่จะมาที่จินหลิงในครั้งนี้ เขาได้ใช้เวลาในการตรวจสอบสถานการณ์ในจินหลิง แม้แต่อาคารสำนักงานของบริษัทก็ถูกเช่าด้วยความช่วยเหลือของหวงไห่เทา และตอนนี้บริษัทใหม่ก็ได้รับการจดทะเบียนแล้ว

นอกจากนี้! เขายังพาคนสองคนมาด้วย ซึ่งทั้งคู่ถือว่าเป็นมือขวาและมือซ้ายของเขา

“ไป๋ไค ถ้านายได้พบกับบอสใหญ่แล้วให้รีบไปที่เหิงเตี้ยนทันทีเพื่อสร้างสัมพันธ์กับจินเย่ และอย่าลืมถามด้วยว่าเขาต้องการเปลี่ยนงานไหม” จางเหิงพูดกับชายอายุประมาณสามสิบปีที่อยู่ตรงข้าม

“ไม่มีปัญหา!” ไป๋ไคพยักหน้า

“หูจิง เธอก็เช่นกัน หลังจากพบบอสใหญ่แล้ว ให้ไปที่ตลาดหางานในจินหลิง และเริ่มสรรหาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมมาเข้ามาร่วมกับบริษัทเรา”

“ค่ะ!” หูจิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

เธอและไป๋ไคเคยเป็นเพื่อนสนิทของจางเหิง แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้จางเหิงถูกคุมขัง พวกเขาจึงถูกบริษัทพักงาน

ดังนั้นหลังจากได้รับโทรศัพท์จากจางเหิง พวกเขาจึงลาออกจากบริษัทเดิมทันที

ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาสงสัยคือ… ใครคือเจ้านายคนใหม่?

พวกเขาได้ติดตามจางเหิงมาหลายปีแล้ว และรู้จักนิสัยและอารมณ์ของจางเหิงเป็นอย่างดี คนธรรมดาคงไม่สามารถโน้มน้าวจางเหิงได้แม้ว่าจะให้เงินเดือนที่สูงมากก็ตาม

สิบนาทีต่อมา

จางเหิงลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ลุกขึ้น ควรจะทำตัวฉลาดเข้าไว้ อย่าให้บอสใหญ่คนใหม่ของเราดูถูกเอาได้”

ไป๋ไคและหูจิงลุกขึ้นทันที และเมื่อมองไปที่ประตูโรงแรมก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา

เกิดอะไรขึ้น?

เมื่อพวกเขามองหน้ากัน พวกเขาเห็นความสงสัยในดวงตาของกันและกัน

จางเหิงเดินไปจับมือกับโจวอี้ด้วยรอยยิ้ม เขาพบว่าโจวอี้มองไปที่ผู้ช่วยสองคนที่เขานำมาด้วยจึงพูดขึ้นทันทีว่า “เจ้านาย นี่คือไป๋ไค ผู้จัดการธุรกิจของบริษัทเดิม และนี่คือหูจิง ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่บริษัทเดิมของผม พวกเขามีความสามารถมาก ผมจึงชวนพวกเขามาด้วย”

โจวอี้ยิ้มและพยักหน้า เขายื่นมือออกไปหาทั้งสองและพูดว่า “ยินดีต้อนรับในการเข้าร่วมกับเรา เรามาร่วมกันดูแลบริษัทนี้กันเถอะครับ”

“สวัสดีครับเจ้านาย ผมจะทำทุกอย่างเพื่อบริษัท”

พวกเขาเก็บความสับสนและจับมือกับโจวอี้ด้วยความถ่อมตัว

โจวอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองไปที่จางเหิงแล้วถามว่า “ไปคุยกันที่อื่นไหม”

“ครับ!”

ไม่นานทั้งสี่คนก็เดินออกไปที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ

จางเหิงไม่เชื่อว่าโจวอี้ไม่รู้วิธีบริหารบริษัท เขาไม่เคยได้ยินว่ามีเจ้านายคนไหนที่จะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับธุรกิจและยังยินดีจ่ายเงินหลายสิบล้านหยวนเพื่อทำธุรกิจ

แต่แล้ว!

เมื่อเขาได้พูดคุยกับโจวอี้ไปเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการก่อตั้งบริษัทใหม่และแผนธุรกิจที่เขากำลังจะทำ เขาก็รู้สึกตกใจเมื่อพบว่าโจวอี้ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ!

สถานการณ์นี้ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

แต่ลึก ๆ แล้วก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน

การมีเจ้านายที่ไม่เข้าใจการดำเนินงานมันจะทำให้เขาบริหารงานได้ง่ายขึ้น และเจ้านายแบบนี้จะไม่แทรกแซงการตัดสินใจของเขา

จางเหิงรู้สึกว่าตราบใดที่เขาเชื่อฟังและทุ่มทรัพยากรจำนวนมากให้กับถังหว่าน เขาก็มีอิสระในการปั้นคนอื่นได้เช่น นักแสดงที่ยอดเยี่ยมในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ หรือว่าจะเป็นนักร้องชายมากมาย

“จดทะเบียนบริษัทแล้ว บัญชีพร้อมไหม” โจวอี้ไม่ต้องการฟังการอธิบายของจางเหิงอีกต่อไป

“เอ่อ…”

จางเหิงรู้ทันทีว่าคงไม่ฉลาดที่จะพูดคุยเกี่ยวกับบริษัทกับบุคคลที่ไม่ทราบวิธีก่อตั้งและบริหาร

“คุณหวงได้ติดต่อใครบางคนให้เราแล้ว และเขาได้ลงทะเบียนและเปิดบัญชีให้เรียบร้อย” จางเหิงตอบ

“ตกลง! บอกเลขบัญชีมา ผมจะโอนเงินให้เดี๋ยวนี้เลย ใช้จ่ายได้ตามต้องการ” โจวอี้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที

ในไม่ช้า เงินหกสิบล้านหยวนก็ได้ถูกโอนไปยังบัญชีของบริษัทใหม่

“พี่สะใภ้ของผมกับเหล่าหวงโอนเงินกันแล้วเหรอ?” โจวอี้ถาม

“ครับ โอนแล้ว”

“ดี! ในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว พวกคุณก็สามารถทำงานได้ ไม่จำเป็นต้องมาถามผมถ้าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ติดต่อผมได้ถ้าเจอปัญหาใหญ่ ๆ ที่คุณคาดไม่ถึง!” โจวอี้ยืนขึ้นแล้วพูดต่ออีกว่า “อ้อ คุณต้องเก็บความลับนี้เอาไว้ด้วย ผมไม่อยากให้เธอรู้ว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทของเธอเอง”

“เข้าใจแล้วครับ!” จางเหิงกล่าวด้วยความเคารพ

“ไม่มีอะไรแล้ว ผมไปก่อนนะ”

“เดี๋ยวครับ!”

จางเหิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เจ้านายคนใหม่ของเขานั้นเหลือเชื่อจริง ๆ จุดประสงค์หลักในการพบเขาก็แค่เพียงอยากมาโอนเงินให้ต่อหน้าเขาเท่านั้นเหรอ

คนพวกนี้ช่างโอนไวกันจริง ๆ!

ไม่กลัวเราจะหนีไปพร้อมกับเงินของพวกคุณเหรอ?

“มีอะไรอีก?” โจวอี้ถาม

“เจ้านาย เรื่องข้อตกลง…” จางเหิงเตือน

“อ้อ ใช่ ถ้าคุณไม่บอกผม ผมคงลืมไปแล้วว่าจำเป็นต้องลงนามในข้อตกลงเพื่อเริ่มต้นการเป็นหุ้นส่วน เอาเป็นว่าหลังจากนี้เมื่อผมมีเวลา ผมจะโทรหาพี่สะใภ้และหวงไห่เทา และเราจะลงนามเมื่อเราพบกันอีกครั้ง”

“…”