บทที่ 166 มูลค่าของยาต้มอี้เฉิน

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 166 มูลค่าของยาต้มอี้เฉิน

บทที่ 166 มูลค่าของยาต้มอี้เฉิน

ณ เมืองภาพยนตร์

การถ่ายทำเรื่อง “Crossing the Jianghu” ยังคงดำเนินต่อไป

ถังจี้โจวในฐานะผู้กำกับได้ทำงานอย่างละเอียดถี่ถ้วน แม้ว่าเขาจะติดต่อตัวแทนของถังหว่านแล้ว แต่เขาก็ยังส่งคำเชิญไปออดิชันเพื่อหานักแสดงหญิงคนอื่น ๆ อีกหลายคนด้วย

แต่ช่างน่าเสียดาย!

แม้ว่านักแสดงหญิงสองคนที่ถูกเรียกตัวมาจะทำได้ดี แต่ถังจี้โจวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไปอยู่ พวกเธอไม่อาจแสดงได้ตามเอกลักษณ์ของตัวเอกหญิงลำดับสอง

“ผู้กำกับถัง ผมมีข่าวมาบอก!” จินหมิงวิ่งเข้ามาและเอ่ยขึ้น

“ข่าวอะไร เกี่ยวกับถังหว่านใช่ไหม?” ถังจี้โจวเริ่มตื่นเต้น

“ใช่! ตัวแทนของถังหว่านโทรหาผม และบอกว่าถังหว่านต้องการออดิชันที่นี่ แต่เป็นวันพรุ่งนี้นะ เพราะเธอต้องเคลียร์งานที่ค้างให้เสร็จก่อน” จินหมิงยิ้ม

“ถือได้ว่าอยู่ภายในเวลาที่กำหนด” ถังจี้โจวยิ้มด้วยความพอใจ

เมืองจินหลิง

โจวอี้ที่ไปโรงพยาบาลในตอนบ่าย สิ่งที่น่าประหลาดใจคือมีผู้ป่วยเคสยาก ๆ หลายรายนอนรออยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานนี้เพื่อรอการรักษาจากเขา

ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงบ่ายเพื่อวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วย

“หมอโจว อาการบาดเจ็บของคุณไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ เหรอ?” เหลียนซานส่งผู้ป่วยออกไปแล้วก็ถามขึ้นด้วยความกังวล

“ผมไม่เป็นอะไรมาก แค่บาดเจ็บเล็กน้อย” โจวอี้ยิ้ม

“คุณบาดเจ็บได้ยังไง?”

“ผมเจอกับพวกนักเลงน่ะ” โจวอี้อธิบายอย่างลวก ๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อไม่มีคนไข้แล้ว ผมจะไปที่แผนกผู้ป่วยในเพื่อเยี่ยมเพื่อนก่อนนะ”

“ตกลง แล้วฉันจะโทรหาคุณถ้ามีอะไรเกิดขึ้น”

แผนกผู้ป่วยใน

อู๋ฉีหางกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงผู้ป่วย แต่เตียงสองเตียงข้าง ๆ กลับว่างเปล่า

“พี่อู๋ อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม

“เกือบแล้ว หมอบอกว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้พรุ่งนี้” อู๋ฉีหางยิ้มและชี้เตียงว่าง ๆ ที่อยู่ตรงข้าม สื่อให้โจวอี้นั่งลงเพื่อพูดคุยกัน

“สองคนนั้นไปไหนแล้ว” โจวอี้ถาม

“ไอ้สิงห์ยาสูบสองคนนั้นออกไปหาที่สูบบุหรี่น่ะ” อู๋ฉีหางยิ้มกว้าง “อันที่จริงถ้าวันนี้คุณไม่มา เราวางแผนไว้ว่าจะไปที่บ้านของคุณหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล”

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่มีอะไรหรอก ผมมันแค่คนติดเหล้า ก็เลยวางแผนเอาไว้ว่าพรุ่งนี้จะไปดื่มกับนาย”

“พี่อู๋ คุณไม่ได้พูดความจริงใช่ไหม”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า… ว่าแล้ว ไม่สามารถปกปิดอะไรจากคุณได้เลยจริง ๆ” อู๋ฉีหางยิ้ม ก่อนจะหันไปมองที่ประตูแล้วถามอย่างลึกลับว่า “น้องโจวยังมีซุปอี้เฉินนั่นไหม ผมมีเพื่อนเก่าที่สนิทกับผมมาก ๆ แต่เพราะมีบางอย่างผิดปกติกับ… เอ่อ… สิ่งนั้น ตอนนี้ผมกังวลมาก ก็เลย…”

“เข้าใจแล้ว” โจวอี้พยักหน้า “ไม่ต้องห่วง! ยังมีเหลืออยู่อีกหลายขวด ผมจะให้มันกับคุณนะ”

“อืม ขอบใจนะ!” หลังจากอู๋ฉีหางกล่าวขอบคุณ เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถึงแม้เราจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ครั้งนี้คนที่อยากได้เป็นเพื่อนของผม ดังนั้นครั้งนี้ผมต้องจ่าย”

“พี่อู๋ ไม่ดีมั้ง…”

“ไม่เป็นไร!” อู๋ฉีหางพูดอย่างจริงจังว่า “มันเป็นพรที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ชายนับไม่ถ้วนแล้วนะที่คุณมีซุปอี้เฉิน แม้ว่าผมจะไม่รู้ราคาแต่ละขวด แต่มันคงจะต้องมีค่ามาก คุณคิดว่ามันโอเคไหมที่จะให้เพื่อนของผมซื้อไปขวดละสองแสนหยวน?”

“สองแสน?”

โจวอี้ตกตะลึง จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “มันไม่ได้ใช้วัตถุดิบมากมายขนาดนั้น เงินเพียงแสนเดียวก็ทำได้ยี่สิบขวดแล้ว”

อู๋ฉีหางตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าโจวอี้จะบอกค่าใช้จ่ายในการทำออกมาตรง ๆ แบบนี้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกดีกับความจริงใจนี้ แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ “โจวอี้ ไม่ต้องบอกราคาต้นทุนให้ผมรู้ พูดตามตรงนะ แม้แต่ในความคิดของผม ก็ยังคิดว่าแต่ละขวดมีมูลค่าสองแสนหยวน ไม่สิ ต่อให้ ห้าแสนหรือล้านหยวน ผมก็คิดว่าจะมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ยินดีจะแย่งกันซื้อมัน”

โจวอี้สับสนเล็กน้อย

ค่าใช้จ่ายในการทำยาต้มอี้เฉินนั้นไม่เกินห้าพันหยวนต่อขวด แต่พอเอามาขายกลับได้ถึงสองแสนหยวนต่อขวด กำไรขนาดนี้มันเกินไปหน่อยไหม?

หลังจากคำนวณอย่างรอบคอบแล้ว ผลกำไรคือ 60 ถึง 70 เท่า

แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจ

ไม่แปลกใจที่หวงไห่เทาจะเสนอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อที่จะทำงานร่วมกับเขาในการผลิตยาต้มนี้ ที่แท้มันสามารถทำกำไรได้งามขนาดนี้นี่เอง!

ควรลองทำขายจริงจังดีไหมเนี่ย?

แม้ว่าเขาจะไม่สนใจว่าจะต้องทำกำไรให้ได้มาก ๆ แต่ถ้าหาเงินได้มาก ๆ เขาก็หมดห่วงเรื่องชีวิตในอนาคต แถมยังมีเงินเหลือไว้ทำสิ่งดี ๆ อีกด้วย

อย่างเช่นบริจาคเงินให้โรงพยาบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ หรือบริจาคให้กับพื้นที่บนภูเขาที่ยากจน สร้างโรงเรียนเพิ่ม และให้ทุนการศึกษา

โจวอี้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จนตกอยู่ในภวังค์

อู๋ฉีหางมองโจวอี้ซึ่งกำลังนิ่งเงียบแล้วก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย

เขากลัวว่าคำพูดของเขาจะทำให้โจวอี้ไม่สบายใจ แต่เขาไม่รู้ว่าจะกลับตัวอย่างไรหลังจากคำพูดของเขาถูกพูดออกไปแล้ว

“พี่อู๋ ยาต้มนั่นมันมีค่ามากจริง ๆ งั้นเหรอ” จู่ ๆ โจวอี้ก็ถามขึ้น

“จริง” อู๋ฉีหางพยักหน้า

“แต่ถ้าตั้งราคาสูงเกินไป มันก็มีแต่คนรวยเท่านั้นที่จะจ่ายได้น่ะสิ?” โจวอี้ลังเล

“แม้ว่าผมจะไม่อยากยอมรับ แต่ตอนนี้ประเทศของเราไม่ต่างอะไรกับระบอบทุนนิยม คนรวยแต่ละคนรวยมหาศาล มีเงินมากจนใช้ไม่หมด ดังนั้นต่อให้มันมีราคาสูงมากแต่ก็จะมีคนซื้อแน่ ๆ!” อู๋ฉีหางยิ้ม

“เข้าใจแล้ว!”

โจวอี้ลุกขึ้นและคลี่ยิ้มออกมา “พี่อู๋ ผมมีเรื่องต้องทำ ขอตัวกลับก่อน พรุ่งนี้หลังจากคุณออกจากโรงพยาบาลแล้ว พวกเรากินบาร์บีคิวเป็นมื้อค่ำที่บ้านคุณดีไหม?”

“ตกลง! ผมจะเตรียมวัตถุดิบชั้นเลิศเอาไว้ให้” อู๋ฉีหางพบว่าโจวอี้ไม่โกรธจึงรู้สึกโล่งใจ

โจวอี้ออกจากแผนกผู้ป่วยในและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหวงไห่เทา

“มีเรื่องอะไร บอกมาเร็ว ผมกำลังดื่มอยู่!” เสียงของหวงไห่เทาดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ

“อย่าเพิ่งดื่มให้เมานะ มาเจอกันก่อน ผมมีเรื่องดี ๆ จะบอก”

“เรื่องดีงั้นเหรอ? ได้! คุณอยู่ที่ไหนล่ะ ผมจะไปหาเอง!” หวงไห่เทาตอบรับอย่างมีความสุข

“ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล… เจอกันที่คลับเฮฟเว่นตอนเย็นก็แล้วกัน”

“โอเค!”

โจวอี้วางสายและกลับไปที่ห้องรักษา เขาพบว่าตอนนี้ไม่มีผู้ป่วย เขาจึงออกจากโรงพยาบาลก่อนเวลาเลิกงาน

แม้เขาจะไม่ใช่คนโลภ แต่เขาก็ยังตื่นเต้นเมื่อรู้ว่ายาต้มอี้เฉินจะสามารถทำเงินได้มากมาย

เขาจึงตัดสินใจที่จะทำมันออกมาสักร้อยขวดก่อน ถ้าหวงไห่เทามีความสามารถในการขายได้อย่างง่ายดายจริง ๆ เขาก็จะทำอีกหมื่นขวด

หมื่นขวดเชียวนะ!

ถ้าขายราคาขวดละพันหยวน มันก็ถือว่าได้กำไรเล็กน้อย

แต่จะเป็นไงถ้าขายได้ราคาสองแสนหยวนต่อขวด?

สองพันล้าน!

แม้ว่าหวงไห่เทาจะได้ส่วนแบ่งไปครึ่งหนึ่ง แต่เขาก็ยังได้อีกเกือบหนึ่งพันล้าน!