บทที่ 167 สองพี่น้องตัวน้อย

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 167 สองพี่น้องตัวน้อย

บทที่ 167 สองพี่น้องตัวน้อย

ในวันที่ฟ้าครึ้มฝนโปรยปราย

ร่มดอกไม้สีสันสดใสไม่สามารถบดบังเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ได้

โจวอี้ยืนถือร่มสีกากีอยู่หน้าโรงเรียนอนุบาลและอุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขน ปากก็เอ่ยลาผู้ปกครองของนักเรียนหลายคนที่คุ้นเคยกับเขา

ระหว่างทางกลับบ้าน

ร่างเล็ก ๆ ของใครบางคนพุ่งมาขวางทาง

อีกฝ่ายอายุประมาณสิบขวบ สวมเสื้อผ้ามอมแมม รูปร่างเตี้ย และมีใบหน้าที่ผอมซูบ

เด็กน้อยคุกเข่าและโขกหัวลงมาสามครั้งต่อหน้าโจวอี้

ชายหนุ่มมองไปที่เด็กชายตัวเล็ก ๆ ซึ่งกำลังทำความเคารพเขาท่ามกลางสายฝน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “นายเป็นใคร คิดจะทำอะไร”

“ผมชื่อถังเสี่ยวถัง ผมต้องการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากคุณ!” เด็กชายคนนั้นกล่าวอย่างเฉียบขาด ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“เด็กน้อย นี่นายล้อเล่นหรือเปล่า ฉันไม่รับลูกศิษย์หรอกนะ”

ถังเสี่ยวถังไม่ได้พูดอะไรกลับมาอีก

เขายังคงคุกเข่าต่อหน้าโจวอี้ด้วยสีหน้าแน่วแน่

“ลุกขึ้น! รีบกลับบ้านไปซะ” โจวอี้โบกมือแล้วเดินอ้อมเด็กชายคนนั้นไป

ถังเสี่ยวถังลุกขึ้นและวิ่งตามไปดักหน้าโจวอี้ จากนั้นก็คุกเข่าลงอีกครั้งและโขกศีรษะไปอีกสามครั้งเหมือนเดิม

โจวอี้ขมวดคิ้ว

เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้คงเสียสติไปแล้ว ไม่รู้จักกันแท้ ๆ แต่กลับมาขอเรียนรู้จากเขา? นอกจากนี้อีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าเขาคือผู้ฝึกยุทธ์?

“ฉันไม่รับลูกศิษย์” โจวอี้ปฏิเสธและเดินเลี่ยงอีกฝ่าย

ถังเสี่ยวถังยังคงไม่ท้อถอย เขาลุกขึ้นไปวิ่งดักหน้า และคุกเข่าโขกหัวต่อหน้าโจวอี้อีกครั้ง

ครั้งแล้วครั้งเล่า!

อย่างไม่มีย่อท้อ!

ในที่สุด หลังจากที่ถังเสี่ยวถังคุกเข่ารอบที่เก้า โจวอี้ก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหว

“บอกฉันมาซิ ทำไมถึงอยากให้ฉันเป็นอาจารย์? ทำไมนายถึงอยากฝึกยุทธ์”

“เพราะคุณเก่งมาก! ผมอยากเก่งเหมือนคุณ!” ถังเสี่ยวถังกล่าวอย่างจริงจัง

“แล้วไงต่อ?”

“หลังจากผมแข็งแกร่งแล้ว ทีนี้ก็จะไม่มีใครกล้ารังแกผมกับน้องสาวอีก แล้วหลังจากนั้นผมจะมีกินมีใช้ มีเสื้อผ้าอุ่น ๆ และมีบ้านอยู่” ถังเสี่ยวถังรวบรวมความกล้าหาญตอบอย่างฉะฉาน

“แค่นั้น?” โจวอี้เลิกคิ้วถาม

ถังเสี่ยวถังเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกำหมัดขึ้นมาและพูดว่า “เอาชนะคนเลว ปกป้องคนดี และฆ่าศัตรู!”

โจวอี้เงียบ

เขาไม่เคยคิดว่าเด็กชายอายุไม่เกินสิบขวบจะตอบอะไรแบบนี้ออกมา

ปราบคนเลว…. เรื่องนี้เขาเข้าใจได้

ช่วยปกป้องคนดี… เรื่องนี้เขาก็เข้าใจได้

แต่ฆ่าศัตรู…

สังคมในยุคนี้มีกฎหมายที่เข้มงวด เด็กอายุยังน้อยแบบนี้จะมีความคิดฆ่าศัตรูได้ยังไง?

ถังเสี่ยวถังกังวลมาก แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความคิดที่แท้จริง เมื่อเห็นโจวอี้เงียบ เขาก็กำหมัดแน่นและพูดอย่างกล้าหาญ “ถนนไป๋เซียง ถนนเหิงปิง!”

หมายความว่ายังไง?

โจวอี้ขมวดคิ้ว แต่ทันใดนั้นก็ตระหนักบางอย่างขึ้นมาได้

ถนนไป๋เซียง…เขาไล่ล่าและช่วยชีวิตเด็ก ๆ ส่วนถนนเหิงปิง เขาช่วยเฉิงฮ่าวและสังหารผู้ไล่ล่าที่ถนนนั้น

เด็กคนนี้เห็นครบทั้งสองเหตุการณ์ของเขาเลยงั้นเหรอ?

“ยืนขึ้น และตามฉันมา” โจวอี้พูดและเดินอ้อมไปอีกด้าน

ถังเสี่ยวถังลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและติดตามโจวอี้ไปไม่ห่าง

กระทั่งมาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของโจวอี้

“เหมียวเหมี่ยว ไปห้องหนังสือที่ชั้นสองแล้วเล่นรอพ่อไปก่อนนะ เดี๋ยวพ่อจะไปหา ตกลงไหม?” โจวอี้วางลูกสาวของเขาลงและพูดอย่างอ่อนโยน

“พ่อจะตีเขาเหรอ?” ถังเหมียวเหมี่ยวชี้ไปที่ถังเสี่ยวถัง

“ไม่ พ่อจะไม่ตีเขา”

“อื้อ!”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ ถังเหมียวเหมี่ยวก็วางใจ และเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง

จากนั้นโจวอี้ก็เดินนำไปที่โรงยิมทางด้านซ้าย และเรียกให้ถังเสี่ยวถังตามเขาเข้าไป

เมื่อเข้าไปด้านใน เขาก็จ้องตาของถังเสี่ยวถังแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นายเป็นใคร ต้องการทำอะไร?”

“ผมอยากให้คุณเป็นอาจารย์ และอยากเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากคุณ ผมชื่อถังเสี่ยวถัง และผม….”

ไม่กี่นาทีต่อมา

โจวอี้ก็ได้รู้เรื่องราวของถังเสี่ยวถัง เด็กเร่ร่อนคนนี้อายุยังไม่ถึงสิบปี อีกฝ่ายพาน้องสาวขอทานไปเรื่อย เก็บขยะขายเพื่อหาเลี้ยงชีพ เลี้ยงดูน้องสาวตั้งแต่อายุสามขวบจนตอนนี้หกขวบ

เสี่ยวถังและน้องสาวมักจะอาศัยอยู่ในไซต์ก่อสร้างที่ถูกทิ้งร้างห่างออกไปกว่าสิบกิโลเมตร

“ญาติของนายอยู่ไหนหมด?” โจวอี้ถาม

“พวกเขาตายหมดแล้ว” ถังเสี่ยวถังกล่าวอย่างใจเย็น

“ตายได้ยังไง”

“พ่อแม่ของผมถูกรถชนตาย ส่วนยายของผมก็ตายด้วยโรค”

“แล้วไงต่อ?”

“จากนั้นญาติ ๆ ก็ส่งเราไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่มีบางคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชอบทุบตีน้องสาวของผม ผมเลยแอบอุ้มเธอออกมา”

“น้องสาวของนายยังอยู่ในไซต์ก่อสร้างเน่า ๆ นั่นเหรอ?”

“อืม!”

“นายไม่กังวลเหรอที่ทิ้งเธอไว้คนเดียว?”

“ผมเป็นห่วงสิ! เป็นห่วงที่สุดเลย! แต่ผมต้องหาเงินค่าอาหาร ไม่งั้นเราจะอดตายและหนาวตาย” ถังเสี่ยวถังกัดฟันก้มหน้าอย่างขมขื่น

“พาฉันไปหาน้องสาวของนายก่อน และถ้าฉันรู้ว่าสิ่งที่นายพูดเป็นความจริง ฉันจะสามารถช่วยนายได้”

“ผมเรียนศิลปะการต่อสู้จากคุณได้ไหม?”

“เรื่องนี้เอาไว้ทีหลัง ฉันต้องตรวจสอบดูก่อนว่านายโกหกฉันหรือเปล่า”

ถังเสี่ยวถังเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า

โจวอี้เดินขึ้นไปหาลูกสาวที่ชั้นสอง เขาคิดจะฝากลูกสาวให้เหม่ยหลานดูแลระหว่างที่เขาออกไปข้างนอก แต่เด็กน้อยกลับไม่ต้องการ เธอร้องไห้และส่งเสียงดัง เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโทรหาเหลียงเสี่ยวป๋อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของวิลล่า จากนั้นก็ออกไปกับเหมียวเหมี่ยวและเสี่ยวถัง

ไม่นานนัก เหลียงเสี่ยวป๋อก็รีบวิ่งเข้ามา

“คุณโจว มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”

“คุณว่างไหม ผมอยากให้คุณช่วยขับรถให้หน่อย”

“ตกลงครับ! ผมใกล้จะเลิกจากงานแล้ว อีกไม่ถึงชั่วโมงเอง เดี๋ยวผมจะโทรหาพี่ชายที่เข้ากะและขอให้เขามาก่อนเวลา” เหลียงเสี่ยวป๋อกดต่อสายโทรออกทันที

ราว ๆ ครึ่งชั่วโมงต่อมา

รถ Knight XV ที่สุดแสนจะสะดุดตาก็มาหยุดอยู่ที่ประตูไซต์ก่อสร้างร้างแห่งหนึ่ง

กำแพงของสถานที่นี้ทรุดโทรม และมีอาคารที่สร้างได้ไม่ถึงครึ่งอยู่หลายหลัง และไม่มีใครอยู่ข้างใน

เหลียงเสี่ยวป๋อไม่รู้ว่าทำไมโจวอี้ถึงมาที่นี่พร้อมกับลูกของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ถาม เขาเดินตามโจวอี้ไปโดยมีคนนำทางคือเด็กน้อยที่ชื่อถังเสี่ยวถัง กระทั่งมาถึงอาคารที่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง

ชั้นที่สาม

ในห้องที่ไร้กำแพงมีขยะหมักหมมจำนวนมาก

ภายในเต็นท์สนาม มีเด็กผู้หญิงอายุประมาณห้าหกขวบกำลังนอนหลับอยู่ในเสื้อแจ็กเก็ตบุนวมผ้าฝ้ายที่ขาดรุ่งริ่ง เธอมีอาการชิลเบลนส์[1]ตามใบหน้าและมือ และยังมีเศษหญ้าแห้ง ๆ บนผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ

สภาพแวดล้อมที่นี่แย่มาก และอากาศก็ยังหนาวเย็น

โจวอี้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขานึกถึงตัวเองขึ้นมา ถ้าไม่ใช่อาจารย์ที่พาเขาไปที่ภูเขาชางหลาง บางทีชะตากรรมของเขาอาจจะคล้ายกับเด็กสองคนนี้ก็ได้

“น้องสาวของนายชื่ออะไร”

“ถังเสี่ยวรุ่ย…” ถังเสี่ยวถังตอบกลับด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

โจวอี้พยักหน้า

“พ่อ เธอคนนี้น่าสงสารจังเลยค่ะ” ถังเหมียวเหมี่ยวกอดโจวอี้และกระซิบบอกเขาทันที

“ใช่ เราควรพาเธอกลับบ้านดีไหม” โจวอี้ถาม

“อืม ๆ ๆ” ถังเหมียวเหมี่ยวพยักหน้าอย่างรีบร้อน

โจวอี้สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะวางลูกสาวของเขาลง และนั่งยอง ๆ นอกเต็นท์ เขาาพยายามอุ้มถังเสี่ยวรุ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง

ถังเสี่ยวรุ่ยซึ่งกำลังหลับอยู่ลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง เมื่อเธอพบว่าตัวเองถูกชายแปลกหน้ากำลังจะพาตัวออกไป เธอก็ดิ้นรนและตะโกนโวยวายทันที

“เสี่ยวรุ่ย อย่าตะโกน เขาคืออาจารย์ของพี่เอง!” ถังเสี่ยวถังรีบโผเข้ามาที่ด้านข้างของโจวอี้และเอื้อมไปจับข้อมือน้องสาวของเขา

“พี่ชาย…” เมื่อถังเสี่ยวรุ่ยเห็นถังเสี่ยวถังผู้เป็นพี่ชาย ความกลัวของเธอก็ค่อย ๆ ลดลง

โจวอี้ไม่ได้พูดอะไร

แต่คิ้วของเขาขมวดเพราะเขาพบว่าถังเสี่ยวรุ่ยพิการ…

[1] ชิลเบลนส์ (Chilblains) เป็นอาการที่มีแผลขนาดเล็กที่เกิดจากการอักเสบของเส้นเลือดเล็ก ๆ เมื่อสัมผัสกับอากาศเย็น มักจะทำให้รู้สึกเจ็บปวด คัน ตามผิวหนัง และยังทำให้เกิดอาการบวมหรือพองได้