บทที่ 168 ผมต้องการรับเลี้ยงพวกเขา
บทที่ 168 ผมต้องการรับเลี้ยงพวกเขา
ลมหนาวพัดผ่านเข้ามา
โจวอี้ไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยโคลน มือข้างหนึ่งอุ้มถังเหมียวเหมี่ยวลูกสาวของเขา และอีกมือหนึ่งอุ้มถังเสี่ยวรุ่ยที่ขาพิการ
เขารู้สึกหดหู่ใจมากพอ ๆ กับสภาพอากาศที่เลวร้ายเช่นนี้
เขาเคยอาศัยอยู่ที่ภูเขาและคิดว่าผู้คนในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองนั้นคงได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี มีเสื้อผ้าอย่างดีสวมใส่ ใช้ชีวิตและทำงานอย่างสงบสุขและน่าพอใจ
ทว่าบัดนี้เมื่อเขามาเผชิญหน้ากับเมืองที่เจริญแล้ว เขากลับพบว่าโลกภายนอกไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด มีทั้งอุบัติเหตุทางรถยนต์ร้ายแรงเกิดขึ้นไม่เว้นวัน ผู้ป่วยที่ไม่มีเงินรักษา และยังมีคนจรจัดไร้ที่อยู่อาศัยและหิวโหย
รถ Knight XV พาพวกเขากลับไปที่ช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า
โจวอี้ขอบคุณเหลียงเสี่ยวป๋อที่ช่วยขับรถให้ และหลังจากที่อีกฝ่ายกลับไป เขาก็พาถังเสี่ยวรุ่ยและถังเหมียวเหมี่ยวลูกสาวของเขาไปที่ชั้นสอง ก่อนจะวางพวกเธอลงบนโซฟาอย่างเบามือ แล้วหันไปมองถังเสี่ยวถังที่ไม่พูดอะไรเลย
“ถังเสี่ยวถัง นายแน่ใจแล้วใช่ไหมกับการตัดสินใจของนาย” โจวอี้ถาม
“ครับ!” ถังเสี่ยวถังพยักหน้าอย่างหนักแน่น
เขาไม่รู้ว่าโจวอี้จะจัดการกับเขาและน้องสาวอย่างไร แต่เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะเรียนรู้จากโจวอี้ ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ฆ่าเขา เขาจะพึ่งพาอีกฝ่ายจนกว่าเขาจะแข็งแกร่งได้อย่างแท้จริง
เขาคิดว่าตราบใดที่เขาเรียนศิลปะการต่อสู้จนจบ เขาก็สามารถเป็นรปภ.หรือบอดี้การ์ดให้คนอื่นได้ เพื่อที่จะได้หาเงินมาเลี้ยงดูน้องสาวของเขา และมีเงินไปหาหมอเพื่อรักษาขาของน้องสาว
ในขณะเดียวกัน ถังหว่านก็บังเอิญกลับมาก่อนเวลาเพื่อมารับลูกสาวของเธอ
“พวกเขาคือ?” ถังหว่านถามขึ้นมาทันทีที่เธอเห็นเด็กแปลกหน้าทั้งสองคน
“ผมพาพวกเขามาเอง” โจวอี้ตอบก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหวงไห่เทา
เขาต้องการทราบรายละเอียดของเด็กทั้งสองว่าเป็นเรื่องจริงตามที่คนพี่พูดหรือไม่
หลังจากวางสายโทรศัพท์ โจวอี้ก็มองกลับไปที่ถังหว่านซึ่งยังคงตกตะลึง เขาหายใจเข้าลึกและพูดว่า “เสี่ยวหว่าน ถังเสี่ยวรุ่ยมีปัญหากับขาซ้ายของเธอ โปรดช่วยเธออาบน้ำด้วยนะ ผมจะไปทำอาหารก่อน ไว้ค่อยคุยกันหลังอาหารเย็น”
ถังหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ
โจวอี้มองไปที่ถังเสี่ยวถังอีกครั้งและพูดว่า “ลงมาข้างล่างกับฉัน อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาด”
“ครับ!”
ถังเสี่ยวถังลังเลอยู่ครู่หนึ่งและตกลงอย่างว่าง่าย
ไม่นานก็มีกลิ่นอาหารลอยออกมาจากห้องครัว โจวอี้ทำอาหารไปครุ่นคิดไปว่าจะจัดการเรื่องของถังเสี่ยวถังและถังเสี่ยวรุ่ยอย่างไร
ส่งไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า?
ดูเหมือนว่าไม่เหมาะ เพราะคู่พี่น้องนี้หนีออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
หาคนรับเลี้ยง?
ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ถังเสี่ยวรุ่ยขาซ้ายพิการ คงไม่มีครอบครัวไหนยินดีรับเด็กพิการแบบนี้ไปอุปการะ
โจวอี้ทำอาหารเสร็จแล้วก็นำไปจัดวางที่ห้องอาหาร
เขายังคงคิดไม่ตก
หากหวงไห่เทาส่งคนไปสืบเรื่องแล้วสอดคล้องกับที่ถังเสี่ยวถังพูด เขาจะรับเลี้ยงสองพี่น้องนี้เอง เขามีเงินและห้องพักเพียงพอที่บ้านหลังนี้ เขาไม่สนใจอีกสองปากที่จะเพิ่มเข้ามา เขามีเวลามากพอที่จะดูแลสองพี่น้องคู่นี้
ห้องน้ำชั้นสอง
ถังหว่านลำบากกับการที่ต้องอาบน้ำให้ถังเสี่ยวรุ่ยผู้ขี้อาย ตามใบหน้าและมือของเด็กสาวเผยอาการชิลเบลนส์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะที่มือขวานั้นมีแผลที่ดูจะสาหัสจนสามารถมองเห็นเลือดและเนื้อข้างในได้
ทว่าเด็กคนนี้เพียงแค่แสดงอาการหวาดกลัว แต่กลับไม่แสดงอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด
แบบนี้หมายความว่ายังไง?
แสดงว่าเธอชินกับความเจ็บปวดจากการถูกน้ำแข็งกัดมานานแล้วสินะ
“เสี่ยวรุ่ย ไม่ต้องกลัวนะ ป้าเป็นคนดี และคุณลุงที่พาเธอกลับมาก็เป็นคนดีด้วย หลังจากที่เธออาบน้ำแล้ว เราก็ออกไปทานอาหารกันได้เลย” ท้ายที่สุดแล้วถังหว่านก็เป็นแม่คน ดังนั้นเธอจึงปลอบเด็กหญิงตัวน้อยได้ดีมาก “คุณลุงทำอาหารอร่อยมากเลยนะ เหมียวเหมี่ยวของป้าชอบกินอาหารฝีมือคุณลุงที่สุด!”
“ใช่ ๆ เหมียวเหมี่ยวชอบอาหารที่พ่อทำที่สุด อร่อยที่สุดในโลก!” ถังเหมียวเหมี่ยวยืนอยู่ข้างอ่างอาบน้ำและพยักหน้าอย่างชาญฉลาด
อารมณ์หวาดกลัวของถังเสี่ยวรุ่ยค่อย ๆ สงบลง
ตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอแทบไม่ได้พบเจอผู้คน ซึ่งมันส่งผลให้เธอเป็นเด็กที่เก็บตัวและพูดน้อย
ถังหว่านอาบน้ำให้ถังเสี่ยวรุ่ยแล้วจึงไปที่ห้องถัดไปเพื่อหาชุดใหม่ให้เด็กน้อย โจวอี้ซื้อเสื้อผ้าให้ถังเหมียวเหมี่ยวมาตั้งมากมาย มีหลายชุดที่ลูกสาวของเธอยังไม่เคยใส่เลยสักครั้ง นั่นก็เพราะว่ามันเยอะเกินไป
แม้ว่าถังเสี่ยวรุ่ยจะแก่กว่าถังเหมียวเหมี่ยวสองปี แต่เด็กน้อยที่น่าสงสารคนนี้ประสบปัญหาขาดสารอาหารเรื้อรังและมีรูปร่างผอมมาก จนกลายเป็นว่ามีรูปร่างพอ ๆ กับถังเหมียวเหมี่ยว ดังนั้นบรรดาชุดทั้งหลายจึงเข้ากับเธอได้เป็นอย่างดี
ส่วนถังเสี่ยวถังก็สวมเสื้อผ้าของโจวอี้
เหม่ยหลานรู้วิธีตัดเย็บ ดังนั้นเธอจึงแก้เสื้อผ้าของโจวอี้ให้เล็กลงหลายเท่าโดยการแยกออกมาส่วนแล้วเย็บประกอบเข้ากันใหม่
แต่ถึงอย่างนั้นถังเสี่ยวถังก็ยังคงอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยเมื่อสวมใส่มัน
ทั้งพี่ชายและน้องสาวถึงกับตัวเกร็งไปเล็กน้อย หลังจากถูกพาไปที่ห้องอาหาร พวกเขาก็เห็นอาหารหลากหลายละลานตา อาหารเหล่านี้มีทั้งสี กลิ่นที่หอมหวน ทำให้พวกเขากลืนน้ำลายลงไปโดยไม่รู้ตัว และหันไปทางโจวอี้อย่างทำตัวไม่ถูก
“หิวล่ะสิ? กินข้าวกันก่อน”
โจวอี้ยิ้มออกมาเล็กน้อย และหลังจากตักอาหารให้ลูกสาวของเขาแล้ว เขาก็ช่วยตักอาหารให้ถังเสี่ยวรุ่ยด้วย
“พี่สาวเสี่ยวรุ่ย กินข้าวด้วยกัน! อาหารของพ่อหนูอร่อยมาก!” ถังเหมียวเหมี่ยวทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีมาก
“อื้ม” ถังเสี่ยวรุ่ยตอบกลับด้วยเสียงที่แผ่วเบา จากนั้นก็มองดูทุกคนหยิบตะเกียบขึ้นมา และไม่นานเธอก็หยิบตะเกียบตามขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
เวลานี้พี่ชายและน้องสาวคู่นี้มีความสุขเป็นอย่างมาก
และเพราะความเจียมเนื้อเจียมตัวของพวกเขา อาหารส่วนใหญ่ที่พวกเขากินจึงมาจากการที่โจวอี้และถังหว่านคีบใส่ชามให้พวกเขา
หลังอาหารเย็น โจวอี้และถังหว่านพาเด็กทั้งสามไปที่ห้องนั่งเล่นและปล่อยให้พวกเขาดูทีวี จากนั้นสองสามีภรรยาก็เดินไปที่ห้องหนังสือ
“ฉันได้ยินคุณบอกหวงไห่เทาเรื่องเด็กสองคนนี้ แต่ฉันก็ยังอยากถามคุณว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ถังหว่านถาม
“ถ้าสิ่งที่หวงไห่เทาให้ข้อมูลมานั้นถูกต้อง พวกเขาก็คือเด็กจรจัดจริง ๆ แล้วผมก็ต้องการรับเลี้ยงพวกเขา แต่ผมต้องขออนุญาตจากคุณ เพราะคุณเองก็เป็นเจ้าบ้าน”
ขออนุญาต?
หัวใจของถังหว่านเต้นแรง หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เธอก็พูดขึ้นว่า “ฉันจะไม่ขัดการตัดสินใจของคุณ แต่คุณต้องคิดให้รอบคอบ การเลี้ยงเด็กอีกสองคนต้องใช้ความทุ่มเทให้มากขึ้น”
“ผมมีเวลาเหลือเฟืออยู่แล้ว” โจวอี้กล่าว
“ถ้างั้นฉันก็ไม่มีปัญหา!” ถังหว่านพยักหน้าอย่างมีความสุข
เมื่อโจวอี้บอกว่าเขาต้องการรับเลี้ยงเด็กสองคนนี้ เธอก็ไม่คิดที่จะขัดขวางการตัดสินใจของโจวอี้
ตั้งแต่ที่โจวอี้มาถึงเมืองจินหลิงและบอกว่าจะอยู่ดูแลเธอและลูกสาว เธอก็ไม่กล้าหวังมากเกินไป แต่ตอนนี้… หลังจากที่เธอคุ้นเคยกับการมีอยู่ของโจวอี้ เธอก็เริ่มกังวลว่าโจวอี้จะจากไปอย่างกะทันหัน
และหากโจวอี้เต็มใจที่จะรับเลี้ยงพี่น้องสองคนนั้นจริง ๆ มันก็คงจะทำให้เขาไม่คิดที่จะจากไปง่าย ๆ
“สมกับเป็นผู้หญิงของผมจริง ๆ ทั้งสวยและใจดี” โจวอี้คว้าตัวถังหว่านมาไว้ในอ้อมแขนภายในพริบตา
“คุณ! ปล่อยฉันนะ!” ถังหว่านดิ้นรนด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“คุณคือผู้หญิงของผม ชีวิตนี้ผมไม่มีทางปล่อยมือจากคุณหรอก” โจวอี้ไม่ปล่อย แต่กลับยิ่งกอดแน่นขึ้นและพูดอย่างจริงจังว่า “ผมสัญญาว่าผมจะปกป้องคุณกับลูกสาวด้วยชีวิต ผมจะอยู่กับคุณในทุก ๆ ที่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน”
ถังหว่านค่อย ๆ หยุดดิ้น
คำพูดของโจวอี้ทำให้ความขุ่นเคืองในใจเธอสงบลงได้ในที่สุด
ขณะที่โจวอี้กอดเธอ… น้ำตาของเธอก็ค่อย ๆ ไหลอาบแก้ม เพราะความคับข้องใจที่เธอกักเก็บมานานหลายปีนั้นค่อย ๆ บรรเทาลง