ตอนที่ 118 เรียกข้าว่าสาวน้อยมหัศจรรย์

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลังซื้อวัตถุดิบในการทำขนมไหว้พระจันทร์เสร็จแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็รีบกระตุกชายเสื้อของบัณฑิตหนุ่มและต้าฮว๋าเพื่อให้พวกเขารีบออกจากร้าน “ไอหยา ! พวกเจ้าเห็นสายตาของคนขายหรือไม่ ? ราวกับหมาป่าหิวกระหายไม่ผิดเพี้ยน พวกเราเกือบไม่ได้ออกจากร้านแล้ว ! ”

หลินจื่อเหยียนหัวเราะต่อท่าทางตื่นตกใจของนาง “ร้ายแรงอย่างที่ท่านคิดที่ไหนเล่า ? เขาไม่ได้เป็นเหมือนข้าหรืออย่างไร เขาแค่ประหลาดใจเท่านั้น ถ้าท่านยอมรับว่าทำเป็นล่ะก็ เขาจะลักพาตัวท่านไปหรืออย่างไร ? ”

“ก็ไม่แน่หรอก ! พี่รองของเจ้าเป็นเศรษฐีเชียวนะ เป็นผู้ที่สามารถหาเงินได้อย่างรวดเร็ว ! ” หลินเว่ยเว่ยชี้ที่ใบหน้าของตน…เรียกข้าว่าสาวน้อยมหัศจรรย์ !

จากนั้นทั้งสามคนก็ไปขึ้นเกวียนแล้วเดินทางกลับหมู่บ้านฉือหลี่โกวพร้อมเสียงหัวเราะ ทันทีที่มาถึงหมู่บ้านก็เห็นหลิวว่ายจื่อเดินอยู่หน้าหมู่บ้านพร้อมสูดหายใจเข้าลึกด้วยท่าทางคิดไม่ตก

“อาว่ายจื่อ ท่านไม่ไปที่แปลงนาหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยยิ้มทักทายอย่างร่าเริง หลิวว่ายจื่อขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเสเพลประจำหมู่บ้าน บัดนี้ก็มีอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีแล้วยังไม่ยอมแต่งภรรยา มารดาของเขาก็ชรามากแต่ยังต้องฝืนสังขารทำงานเพื่อเลี้ยงดูบุตรชายผู้ไม่ได้เรื่องคนนี้

แม้หลิวว่ายจื่อทำตัวไม่เอาไหนก็ไม่เคยคิดร้ายต่อตระกูลหลิน เมื่อก่อนเพราะตระกูลหลินยากจนจึงไม่คู่ควรให้เขาจดจำ ทว่าตั้งแต่ได้หลินเว่ยเว่ยช่วยชีวิตจากหมีควาย เขาจะกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาไม่ได้ ! เช่นนั้นจะถือเป็นมนุษย์ได้อีกหรือ ?

หลิวว่ายจื่อยิ้มตอบหลินเว่ยเว่ยแล้วกลับมาตีหน้าเศร้าหมองอีกครั้ง “จะเข้าแปลงนาไปเพื่อเหตุใดอีก ? พืชผลล้วนแห้งตายไปหมด ตอนนี้เกี่ยวเอามาเป็นเชื้อเพลิงหมดแล้ว เจ้าคิดว่าบ้านอื่นจะเป็นเหมือนเจ้าที่สามารถทำให้หมีควายกลัวได้หรือ ! ”

“เหตุใดไม่พูดว่าท่านไม่อยากลงแรงเสียมากกว่า ? ” หลินเว่ยเว่ยตำหนิความเกียจคร้านของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ

หลิวว่ายจื่อจึงกระวนกระวายขึ้นมาทันที “ภัยแล้งเริ่มร้ายแรงขึ้นทุกขณะ แม้จะลงแรงไปเท่าไรก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ผลผลิตที่ได้ไม่เพียงพอจ่ายค่าภาษีด้วยซ้ำ ! เฮ้อ ข้าคงจะอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ! บ้านเจ้ายังจ้างคนอีกหรือไม่ ? ข้าไม่มีความสามารถอันใด แต่ข้ามีแรง…”

ทันใดนั้นหลิวว่ายจื่อก็พับแขนเสื้อขึ้นแต่แขนขาอันบอบบางกลับดูไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย

“ตอนนี้ที่บ้านข้าไม่มีงานอันใด ทว่า…ข้าได้ร่วมงานกับคุณชายหนิงหรือก็คือนายจ้างของอาฟู่กุย เขาเพิ่งซื้อห้องแถวใหม่สองสามห้องและกำลังปรับปรุงอยู่จึงอยากหาคนไปคอยดูแลกำกับงาน ถ้าทำงานดีก็จะได้เงินวันละ 30 อีแปะ…” หลินเว่ยเว่ยหันไปส่งสายตาถามเจียงโม่หาน

เงินหลายร้อยตำลึงยังจ่ายมาแล้ว เจียงโม่หานจึงไม่รู้สึกเสียดายเงินวันละ 30 อีแปะ ทว่าจะจ้างก็ควรจ้างคนที่สามารถพึ่งพาได้ หากจ้างหลิวว่ายจื่อผู้มีชื่อเสียงไม่ดีในหมู่บ้านแถมยังเป็นคนไม่เอาไหน แล้วจะทำงานได้หรือ ?

หลิวว่ายจื่อจึงทำตัวราวกับสุนัขได้กระดูก เขาแทบกระดิกหางแล้วพุ่งมาหาหลินเว่ยเว่ย “ค่าจ้างวันละ 30 อีแปะหรือ ? อย่าว่าแต่คุมงานเลย แม้จะใช้ให้ข้าไปปรับปรุงห้องแถวด้วย ข้าก็ยอม ! หลานสาว รบกวนเจ้าแนะนำข้าให้คุณชายหนิง…ถ้ายกงานนี้ให้ ข้ากล้าทุบอกรับประกันเลยว่าจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดเข้ามายุ่งวุ่นวายแน่นอน ! ”

หลินเว่ยเว่ยยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อาว่ายจื่อ ข้าสามารถแนะนำท่านให้คุณชายหนิงได้ แต่เขาได้กล่าวไว้ว่าหากดูแลงานไม่ดีหรือเล่นลูกไม้อันใดจนทำให้คุณชายหนิงต้องเสียการใหญ่ นอกจากไม่ได้ค่าจ้างแล้วยังต้องชดใช้ให้เขาด้วย ท่านเองก็รู้ว่าเขาทำการค้าใหญ่โต หากล้าช้าไปหนึ่งวัน เงินที่ได้ก็จะลดไปหนึ่งวันและท่านต้องชดใช้ตามราคาเหล่านี้ ! ”

“หืม ? ยังต้องชดใช้เงินด้วยหรือ ? แล้วถ้าเขาจงใจวางตารางแน่นจนไม่มีทางทำงานเสร็จหรือเดิมทีเสร็จแล้วก็หาเรื่องติเพื่อไม่จ่ายค่าแรงให้ข้าเล่า ? ” หลิวว่ายจื่อเริ่มอยากล้มเลิกความคิดกลางคัน

หลินเว่ยเว่ยมุ่ยปาก “สิ่งที่พ่อค้าให้ความสำคัญที่สุดคือความซื่อสัตย์ คุณชายหนิงเป็นคนมีคุณธรรมแล้วจะจงใจกลั่นแกล้งท่านเพราะเงินไม่กี่อีแปะหรือ ? ถ้าทำได้ดีเขายังจะตบรางวัลให้ด้วยซ้ำ ! ”

เงินวันละ 30 อีแปะสามารถซื้อธัญพืชหยาบได้ 2 ชั่ง หากรวมกับการหาของป่าแล้วนอกจากทำให้ท้องอิ่มก็ยังสามารถเหลือเก็บได้อีกเล็กน้อย ครอบครัวก็จะไม่ต้องทนหิวในฤดูหนาว หลิวว่ายจื่อกัดฟันกล่าวว่า…ข้าจะทำ !

หลินเว่ยเว่ยพยักหน้ารับรู้ “พรุ่งนี้คุณชายหนิงจะเดินทางเข้าอำเภอ เขาจึงมอบหมายงานนี้ไว้ที่ข้า หลังทำสัญญาแล้ว ท่านก็สามารถเริ่มงานได้ ! อาว่ายจื่อ นี่เป็นงานดีที่หาได้ยาก ไม่ต้องให้ท่านเปลืองแรงเลย เพียงจับตามองคนงานก่อสร้างเหล่านั้น ท่านอย่าทำงานแบบขอไปที และแน่นอนว่าท่านไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงกับพวกเขาจนเกินไป ! ”

เมื่อหลิวว่ายจื่อทราบรายละเอียดในการทำงานของตนแล้วจึงกล่าวด้วยความพอใจ “เจ้าวางใจได้ ! แม้ข้าจะไม่มีความสามารถอันใด แต่ถ้าผู้ใดไม่ตั้งใจทำงานหรือชักช้าอืดอาด มันผู้นั้นก็ไม่มีทางเล็ดลอดไปจากสายตาของข้าแน่นอน ! ข้าไม่มีทางทำให้เจ้าเสียหน้าเด็ดขาด ! ”

หลังจากหลินเว่ยเว่ยและหลิวว่ายจื่อนัดเวลาเข้าเมืองในวันพรุ่งนี้เสร็จสรรพก็แยกย้ายเข้าบ้านของตน หลิวว่ายจื่อกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข เขาวิ่งกลับบ้านเพื่อจะไปบอกข่าวดีให้มารดารับรู้ด้วยความตื่นเต้น !

“ว่าอย่างไรนะ ? ไม่ออกแรงเพราะแค่อยู่คุมคนงานพวกนั้นก็ได้เงินวันละ 30 อีแปะแล้วหรือ ? เจ้าคงไม่ได้สร้างเรื่องมาเอาใจแม่หรอกกระมัง ? งานดีเช่นนี้ยังไม่โดนคนชิงตัดหน้าแต่มาตกที่ตัวเจ้าหรือ ? เจ้าบอกแม่มาเสียดี ๆ ว่าไปทำเรื่องไม่ดีมาอีกใช่หรือไม่” ทันใดนั้นมารดาก็ยกตะกร้าบรรจุด้ายในมือขึ้นแล้วโยนไปทางหลิวว่ายจื่อ !

แม้ยามที่อยู่ข้างนอกหลิวว่ายจื่อจะทำตัวไม่ดี แต่ก็เป็นบุตรกตัญญูคนหนึ่ง แม้ว่ามารดาจะทุบตี เขาไม่คิดจะหลบแม้แต่น้อย เขายกมือกุมศีรษะไว้ หลังโดนตีได้สองสามครั้งก็รีบอธิบายให้มารดาฟังว่า “ท่านแม่ขอรับ ! ข้าพูดเรื่องจริง หากไม่เชื่อท่านก็ไปถามหลินเว่ยเว่ยได้เลย งานนี้นางช่วยแนะนำให้ข้าเอง ! ”

“หลินเว่ยเว่ยหรือ ? ” ทันใดนั้นมือของมารดาหลิวว่ายจื่อก็หยุดค้างกลางอากาศ นางยังถามเขาด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ใช่ขอรับ ! ท่านเองก็รู้ว่าบ้านนางทำเนื้อแผ่นแล้วนำไปขายให้พ่อค้าผู้มั่งคั่งในเมืองคนหนึ่ง บัดนี้พ่อค้าคนนั้นเพิ่งซื้อห้องแถวมาสองสามห้องและกำลังปรับปรุงมันอยู่ แต่เขาหาคนคุมงานแทนไม่ได้จึงให้หลินเว่ยเว่ยช่วยหาคนให้ หลินเว่ยเว่ยมีน้ำใจและรู้ว่าบ้านเรากำลังลำบากจึงยกงานนี้ให้ข้าทำ ! ” หลิวว่ายจื่อฉีกยิ้มจนปากแทบถึงติ่งหูอยู่แล้ว !

ขณะมองหน้าบุตรชายด้วยความงุนงง มารดาของว่ายจื่อก็ค่อย ๆ ขมวดคิ้ว “ไม่ได้การ เจ้ามีนิสัยเช่นไร ข้าผู้เป็นแม่มีหรือจะไม่รู้ ? ถ้าทำให้นายท่านผู้นั้นเสียงานแล้วมาตำหนิหลินเว่ยเว่ย เดิมทีนางมีจิตใจดีงามแต่ต้องโดนครหา…เจ้าไม่ต้องไปทำแล้ว ! ”

“ท่านแม่ขอรับ ! วันละ 30 อีแปะเชียวนะ ! ท่านทอผ้าหนึ่งวันต้องปวดเอวไปหมด หลังก็คดงอ ดวงตาก็พร่ามัวแต่ได้เงินกี่อีแปะ ? ข้าไม่ได้กำลังจะช่วยท่านแบ่งเบาภาระหรอกหรือ ! ” หลิวว่ายจื่อรีบเข้ามาประจบด้วยการนวดหลังให้มารดา

ทันใดนั้นดวงตาของมารดาว่ายจื่อก็เปียกชื้น “การที่เจ้าเอ่ยประโยคนี้ออกมาได้ แม้จะให้แม่เหนื่อยอีกเพียงใดก็คุ้มค่า ! ส่วนงานนี้…เจ้าก็ลองดูก่อนแล้วกัน หากทำไม่ไหวจริง ๆ ก็รีบออกเสีย อย่าทำให้หลินเว่ยเว่ยเดือดร้อนเพราะตัวเจ้าเชียว ! บ้านเรายังเป็นหนี้ชีวิตนางอยู่ด้วย ! ”

หลิวว่ายจื่อเก็บรอยยิ้มขี้เล่นพร้อมแสดงท่าทางจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ท่านแม่ขอรับ ! ท่านวางใจเถิด ข้าจะไม่ทำให้ท่านและหลินเว่ยเว่ยต้องผิดหวังแน่นอน ! ”

ตอนต่อไป