บทที่ 142 เอาออกมาสี่สิบล้าน

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 142 เอาออกมาสี่สิบล้าน

“มู่เซิ่ง นายกำลังทำอะไร?”

หลังจากที่ตกตะลึง เจียงหว่านก็ตะโกนใส่มู่เซิ่ง

มู่เซิ่งยิ้มอย่างขมขื่นโดยไม่พูดอะไร ส่ายหัวแล้วกลับเข้าไปในห้อง

อยู่ที่ตระกูลเจียงสามปี เขารู้ชัดเจนดีว่า คนอย่างจ้าวหลิน ความโลภของเธอก็เหมือนน้ำที่ถมไม่เต็ม และไม่มีที่สิ้นสุด หากครั้งนี้เขายอมผ่อนปรน ผลสุดท้าย เป็นไปได้ว่าเขาอาจถูกไล่ออกจากคฤหาสน์นี้ก็ได้ สุดท้ายก็ถูกบังคับให้หย่ากับเจียงหว่าน

เมื่อเผชิญหน้ากับคนแบบนี้ มู่เซิ่งทำได้แค่ใช้กำลัง แม้ว่าการสั่งสอนด้วยการตบหนึ่งครั้งยังไม่เพียงพอ แต่ไม่ช้าก็เร็ว มู่เซิ่งจะทำให้จ้าวหลินเคารพเขาเหมือนเทพเจ้า!

ขณะนี้ในห้องโถง

“กบฏแล้ว กบฏแล้ว! เจียงหว่าน เธอจะไม่ว่าเขาเลยเหรอ ตบฉันแบบนี้ ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ร้องไห้ฮึฮึ……” จ้าวหลินนั่งลงบนโซฟาด้วยความเจ็บปวด ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ถึง มู่เซิ่งไอ้เศษสวะคนนี้ ถึงกับกล้าตบเธอ และยังแสดงแววตาที่ทำให้เธอหวาดกลัวด้วย

เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ข้างหู เจียงหว่านยืนอยู่กับที่ราวกับวิญญาณออกจากร่าง มีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นในใจของเธอ ระยะห่างระหว่างมู่เซิ่งกับเธอนั้น เพราะจ้าวหลิน ทำให้เกิดรอยแตกร้าว

เธอรู้ดีว่ามู่เซิ่งไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ไม่ว่ายังไง จ้าวหลินก็เป็นแม่ของเธอนะ ทำไมมู่เซิ่งต้องลงไม้ลงมือกับจ้าวหลินด้วย?

จ้าวหลินอยู่ในห้องโถงยังคงกลิ้งไปมาบนพื้นและตะโกนด่าไม่หยุด ในขณะนี้ เจียงหว่านลุกขึ้นยืน แล้วพูดว่า “แม่คะ ถ้าหนูให้เงินสี่สิบล้านแทนจางเหวินเจี๋ย แม่ก็จะไม่พูดถึงเรื่องการหย่าใช่ไหม?”

จ้าวหลินที่กำลังร้องไห้ชั่วขณะก็หยุดเสียงของเธอลงทันที สี่สิบล้าน? บวกกับเงินห้าสิบล้านที่สามีของเธอทิ้งไว้ให้ ถ้างั้นเธอก็มีเงินออมเกือบหนึ่งร้อยล้านแล้วนะ ถ้าจะซื้อคฤหาสน์อีกหลังก็คงไม่มีปัญหา

เธอพยักหน้าทันทีและพูดว่า “ตกลง แต่ว่าฉันต้องการให้มู่เซิ่งให้ฉัน หากไอ้เศษสวะคนนั้นให้เงินฉันสี่สิบล้าน ฉันสัญญาว่าจะไม่พูดถึงเรื่องการหย่าร้างอีกต่อไป!”

“มู่เซิงเหรอ?” เจียงหว่านยิ้มอย่างขมขื่น

แม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นยอดเงินในบัตรเอทีเอ็มของมู่เซิ่ง แต่ในใจเธอก็เชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย เงินสี่สิบล้านนั้น สำหรับมู่เซิ่งแล้วแทบไม่มีปัญหาเลย

“ให้เวลาหนูหนึ่งเดือน หนูจะให้มู่เซิ่งเอาเงินสี่สิบล้านมาเพื่อปิดปากแม่ หวังว่าต่อไป แม่จะไม่มายุ่งเกี่ยวเรื่องของเราสองคนอีก”

เจียงหว่านพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

จ้าวหลินฟังแล้วรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย อะไรคืออย่ายุ่งเกี่ยวเรื่องของพวกเขา ตอนนี้ในบ้าน มู่เซิ่งต่างหากที่เป็นคนนอก แต่พอได้ยินเจียงหว่านพูดว่าสามารถทำให้มู่เซิ่งเอาเงินออกมาได้มากขนาดนั้น เธอก็ไม่สนใจเกี่ยวกับรายละเอียดเหล่านี้

“เอาล่ะ แม่ฟังลูก ขอเพียงมู่เซิ่งสามารถเอาเงินสี่สิบล้านมาได้ ฉันจะไม่ไล่ไอ้เศษสวะออกไปอีก” จ้าวหลินพูด

ในตอนเช้า มู่เซิ่งเก็บสัมภาระคนเดียว มาถึงเมืองเยียนจิง

ในเวลาเดียวกัน ในอีกที่หนึ่ง อาคารมู่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งอยู่ระหว่างจุดศูนย์กลางของเจียงหนาน เจียงมู่หลงพาพ่อและญาติหลายคนมาถึงหน้าประตูมู่ซื่อกรุ๊ป

เมื่อวานได้ทักทายเฝิงจงเหลียงไปแล้ว นัดหมายวันนี้พบกัน เดิมทีเจียงมู่หลงต้องการนัดพบสวีเจ๋อปิง แต่ตำแหน่งของประธานสวีนั้นสูงมาก เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะได้พบ เลยต้องมาพบกับเฝิงจงเหลียงผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น

ญาติทุกคนกำลังเตรียมพร้อมอยู่หน้าประตู รู้สึกตื่นเต้นผิดปกติ ขอเพียงพวกเขารับช่วงต่อกับโครงการของเจียงหว่านแล้ว แล้วค่อยขับไล่เธอออกจากตระกูลเจียง ตระกูลเจียงทั้งหมดและโลกทั้งใบก็จะเป็นของพวกเขา!

“มู่หลง วันนี้นายควรจะใจเย็นสุขุมหน่อยนะ สถานะของลูกในตอนนี้ เป็นหัวหน้าตระกูลแล้ว ไม่ใช่ลูกคนรวยธรรมดาอีกต่อไป” เฉินเสว่อยู่ด้านข้างให้กำลังใจลูกชายของเขา

เจียงมู่หลงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม และพูดว่า “คุณแม่วางใจเถอะ ผมจะทำตัวดีๆ มุ่งมั่นที่จะได้รับโครงการและร่วมมือกับผู้จัดการเฝิงให้มากกว่านี้”

พูดจบ เขาก็นำพาทุกคนเข้าไปที่มู่ซื่อกรุ๊ป

“สวัสดีครับท่าน เรียนถามท่านคือใคร?” รปภ.ขวางอยู่หน้าประตู

“สวัสดีครับ ผมมาหาผู้จัดการเฝิง ผมมีนัด” เจียงมู่หลงพูด

หลังจากรปภ.ตรวจสอบแล้ว ก็ปล่อยเขาเข้าไป

ก้าวเข้าประตูใหญ่ มองดูตัวเองที่ใส่ชุดสูทในกระจก เจียงมู่หลงกำหมัดแน่น หัวใจของเขาตื่นเต้นเกินกว่าจะสงบลงได้

ในที่สุด เขากลายเป็นหัวหน้าตระกูลเจียง ต่อจากนี้ขอเพียงผายเรือตามน้ำ เอาโครงการในมือของเจียงหว่าน ชีวิตของพวกเธอจะต้องลำบากแน่นอน ดูเหมือนเขากำลังมองเห็น ฉากที่มู่เซิ่งคุกเข่าขอร้องต่อหน้าตัวเองเหมือนหมาตัวหนึ่ง

ฮ่าฮ่าฮ่า!

เจียงมู่หลงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

หลังจากรออยู่ในห้องประชุมนานหลายนาที ไม่นานเฝิงจงเหลียงก็เดินเข้ามา

“ผู้จัดการเฟิง” เจียงมู่หลงเรียกอย่างกระตือรือร้น

ที่มุมปากเฝิงจงเหลียงปรากฏรอยยิ้มของเขาพยักหน้าและพูดว่า “ผ็นำเจียงเกรงใจไปแล้ว”

ตระกูลเจียงมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายขนาดนั้น เฝิงจงเหลียงย่อมต้องเคยได้ยินอยู่แล้ว

“ผู้นำอย่างผม เมื่อเทียบกับผู้จัดการเฝิงแล้ว ช่างไร้ค่า ไม่มีค่าสักนิด” เจียงมู่หลงเมื่อได้ยินคำพูดของเฝิงจงเหลียง ภูมิใจจนตัวลอยแล้ว แต่ก็ยังคงโบกมืออย่างเฉยเมย เกรงใจอย่างมาก

“พูดมาเถอะ วันนี้มาหาผมมีธุระอะไร” เฝิงจงเหลียงกล่าว

เขาเป็นนักธุรกิจมืออาชีพ เห็นได้ชัดว่าการประจบคของตระกูลเจียงสำหรับเขา แทบไม่มีความสำคัญอะไร

“ผู้จัดการเฝิง คือแบบนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมไปที่โครงการก่อสร้างของเจียงหว่านเพื่อตรวจสอบ ผลสุดท้าย พบว่าหลายโครงการก่อสร้างของเธอทำได้ไม่ค่อยดีนัก มีข้อบกพร่องเยอะมาก “เจียงมู่หลงพูดคำพูดที่เตรียมการไว้นานแล้วออกมา

“ผมรู้” เฝิงจงเหลียงพยักหน้า โครงการมู่ซื่อกรุ๊ปใหญ่ขนาดนี้ เขาจะไม่ให้ความสนใจได้ยังไง “แต่ว่าเป็นครั้งแรกที่เจียงหว่านรับทำโครงการใหญ่ขนาดนี้ แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่ระยะนี้เธอก็ได้เรียนรู้และปรับปรุงมาโดยตลอด และเธอก็เป็นเจ้านายที่มีความรับผิดชอบและมีความสามารถมาก”

เมื่อได้ยินคำชมของเฝิงจงเหลียง เฉินเสว่รู้สึกไม่สบายใจ ขมวดคิ้วและพูดว่า “เธอมีความสามารถอะไร ก็แค่โชคดีเท่านั้น

“ผู้จัดการเฝิง คืออย่างนี้ แม้ว่าความสามารถในการเรียนรู้ของเจียงหว่านจะดี แต่ว่าโครงการนี้สำคัญมาก ฉันคิดว่าควรปฏิบัติอย่างระมัดระวังจะดีกว่า”

เจียงมู่หลงเอ่ยปากพูด เมื่อเห็นว่าเฝิงจงเหลียง ไม่ได้คัดค้าน อดไม่ได้ที่จะมีความมั่นใจมากขึ้นและพูดต่อไปว่า “ดังนั้น ผมคิดว่าคุณสามารถส่งมอบโครงการที่อยู่ในมือของเจียงหว่านให้ผม แม้ว่าโครงการสามในสองของเขตซีไห่ดูแล้วเยอะ แต่มีคำกล่าวโบราณว่าไว้ ยิ่งมีความสามารถมาก ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นนะ”

“คุณคิดจะเอาโครงการของเจียงหว่านมาทำเหรอ?” เฝิงจงเหลียงขมวดคิ้ว

“อืม ผู้จัดการเฝิง คุณวางใจเถอะ ผมคุ้นเคยกับโครงการสถานที่ก่อสร้างนี้แล้ว หากเอาโครงการของเจียงหว่านมา ผมสามารถเชื่อมต่อได้อย่างสมบูรณ์แบบ และชดเชยข้อบกพร่องก่อนหน้านี้ของเธออีกด้วย” เจียงมู่หลงพูดต่อ

“ชดเชย?”

เฝิงจงเหลียงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ

เจียงมู่หลงคนนี้โครงการก่อสร้างของตนเอง เต็มไปด้วยช่องโหว่ เพื่อเห็นแก่มู่เซิ่งจึงไม่ได้พูดอะไร แต่ตอนนี้เขาถึงกลับคิดจะครอบครองโครงการของเจียงหว่านแล้วเหรอ?

“ใช่ ก่อนหน้านี้การร่วมมือกับบริษัทมู่หราน มู่เซิ่งคอยก่อความวุ่นวายมาโดยตลอด ตอนนี้ผมได้ขับไล่เขาออกจากตระกูลเจียงแล้ว ไม่มีเขามาก่อความวุ่นวาย ผมสามารถทำโครงการนี้ให้สำเร็จได้อย่างราบรื่นแน่นอน” เจียงมู่หลงพยักหน้า

ในขณะที่ญาติหลายคนคิดว่าเรื่องนี้กำลังจะสำเร็จ พอเฝิงจงเหลียงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาลุกขึ้นยืนและพูดว่า “เดิมทีผมคิดว่า มอบโครงการนี้ให้คุณ คิดว่าคุณจะร่วมมือกับเจียงหว่าน ก่อสร้างโครงการเขตซีไห่ด้วยกันดีๆ”

“คิดไม่ถึง ความคืบหน้าของโครงการคุณช้ามากผมก็ไม่ว่า ยังคิดจะเอาโครงการของเจียงหว่าน ถึงแม้ผมจะให้คุณ เจียงมู่หลงคุณรับไหวเหรอ”

เมื่อเผชิญกับคำตำหนิถามของเฝิงจงเหลียง เจียงมู่หลงก็ตื่นตระหนกทันที

“ผู้จัดการเฝิง คุณหมายความว่าอย่างไร?