ซีเว่ยเกือบสบถเมื่อเห็นยักษ์แห้งแล้ง

ตอนแรกเขาคิดเพียงว่าชาวบ้านไม่รู้อะไร และเรียกสิ่งมีชีวิตธาตุดินเช่นโกเลมหินเป็นยักษ์แห้งแล้ง เพราะนอกจากโกเกมหินแล้ว ยักษ์แห้งแล้งก็เป็นสิ่งมีชีวิตธาตุดินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในหมู่มนุษย์

แม้แต่โกเลมหินที่เล็กที่สุดก็มีความสูง 20-30 เมตรแล้ว ดังนั้นจึงมีโอกาสที่มนุษย์จำนวนมากจะเข้าใจผิดและเรียกโกเลมหินที่ใหญ่กว่าปกติเป็นยักษ์แห้งแล้ง

และปกติแล้วยักษ์ใหญ่แห้งแล้งก็มักจะอาศัยอยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง เช่นพื้นที่ราบสูงที่ไร้น้ำและมีการกัดเซาะของพื้นดินเป็นรอยแตก พวกมันจะไม่เข้าใกล้ทะเลเนื่องจากความชื้นในอากาศที่มากเกินไปจะทำให้พวกมันรู้สึกไม่สบายตัว

ดังนั้นซีเว่ยจึงไม่คิดว่าศัตรูจะเป็นยักษ์แห้งแล้งจริง ๆ

“แบบนี้ไม่ดีแน่”

ยักษ์แห้งแล้งเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานของจริง ยักษ์แห้งแล้งที่โตเต็มวัยสามารถสู้กับมังกรได้อย่างง่ายดาย

และยักษ์แห้งแล้งที่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้เล่นในขณะนี้ แม้มันจะยังไม่โตเต็มวัย และกำลังอยู่ในช่วงระหว่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ถ้าให้เปรียบมันเป็นดิจิมอน มันก็กำลังอยู่ในขั้นตอนวิวัฒนาการ

ถึงอย่างนั้น มันก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะมีชัยไปทั่วทุกที่ที่มันไป

ไม่ใช่แค่นั้น ยักษ์แห้งแล้งยังเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแห่งยอดเขา และเจ้าแห่งยอดเขาก็เป็นเทพย่อยของ ‘ผู้ถักทอโลก’ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพบิดร

“ไม่แปลกใจเลยที่ฉันไม่เห็นมัน”

ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแห่งยอดเขา ยักษ์แห้งแล้งจึงมีพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพอยู่บนตัว มันคล้ายกับการปกป้องของเทพเจ้าที่สถิตในโบสถ์ของศาสนจักรใหญ่ ๆ ใจกลางเมือง ยักษ์แห้งแล้งก็มีพลังหลบซ่อนดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ยเช่นกัน

แม้เดิมทีซีเว่ยวางแผนที่จะไม่แทรกแซงเควสนี้เพื่อฝึกฝนผู้เล่นของเขา แต่ด้วยการปรากฏตัวของยักษ์แห้งแล้ง ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้จริง ๆ แล้ว

เพราะการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นกับยักษ์แห้งแล้งได้ดำเนินไปแล้ว ในสายตาของเจ้าแห่งยอดเขานั้น นี่เป็นการต่อสู้ที่เหมือนสุนัขกัดกัน หากสุนัขของเขาจะเสียชีวิตในระหว่างการต่อสู้ เขาก็จะไม่ทำอะไรเลย ยกเว้นแต่จะตำหนิว่าสุนัขของเขาอ่อนแอเกินไป

ในฐานะเทพเจ้าที่ไม่ใช่เทพน้องใหม่อย่างซีเว่ย เขามีสุนัขนับหมื่นตัวคอยรับใช้ เทพที่สูงส่งและยิ่งใหญ่อย่างเขาจะไม่ก้มตัวลงไปดูแลสุนัข

แต่ถ้าซีเว่ยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้ มันก็เหมือนกับว่าเขาฆ่าสุนัขต่อหน้าเจ้าของ การถูกอีกฝ่ายขึ้นบัญชีดำจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ซีเว่ยได้รับการคุ้มครองจากเทพแห่งความยุติธรรมอัสลาน ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวเจ้าแห่งขุนเขา แต่เจ้าแห่งขุนเขาก็มีผู้พิทักษ์ของตัวเอง และเขาก็คือเทพบิดร ถ้าซีเว่ยกำจัดลูกสมุนตัวน้อยนี้ออกไป ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็จะกลับมาแก้แค้น แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจากสิงโตตัวใหญ่ แต่พวกเขาจะไปสู้อะไรได้…

“จบไม่สวยแน่” สิ่งเดียวที่ซีเว่ยทำได้ก็คือการเฝ้าดูผู้เล่นของเขาจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ “ช่างเถอะ พวกเขาจะได้เรียนรู้ว่าผู้เล่นไม่ได้อยู่ยงคงกระพันอย่างที่พวกเขาคิด”

แต่ถึงอย่างนั้น ซีเว่ยก็ยังคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้เล่นของเขาชนะ…แม้ว่าโอกาสมันจะน้อย แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ ล่ะ?

ดังนั้นเขาเลยดึงร่างของเทพกระดูกเน่าออกจากเครื่องปั่น แล้วหักนิ้วเท้าเล็ก ๆ ของมันออก ก่อนจะเอาร่างของมันยัดกลับเข้าไปเมื่อเขาทำเสร็จ

จากนั้นเขาก็อ้วกคุณสมบัติของเทพเจ้าที่เหลืออยู่ขณะย่อยเจ้าแห่งน้ำ เพื่อทำให้กระดูกนิ้วเท้าเน่า ๆ อ่อนลง เพื่อสร้างมันเป็นอุปกรณ์ในตำนานสีทอง

มันเป็นอุปกรณ์ในตำนานชิ้นแรกที่เขาสร้างขึ้น เขามั่นใจว่าผู้เล่นจะต้องชอบมันแน่…ถ้าพวกเขาได้มันไปน่ะนะ

“ไม่ดีแล้ว” เอ็ดเวิร์ดได้ข้อสรุปเดียวกับเทพเจ้าของเขา

ยักษ์แห้งแล้งสูง 30 เมตรและหนักหลายพันตันนั้นทรงพลังอย่างน่ากลัว เลเวล 50 ของมันสูงกว่าบอสทั้งหมดที่ผู้เล่นเคยพบ ชนชั้นของมันก็เป็นระดับ ‘ราชา’ ที่แม้แต่อัครมุขนายกกระดูกเน่าที่พวกเขาเคยสู้ด้วย ก็ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นแค่ ‘บอสระดับอีลิท’ เท่านั้น

นอกเหนือจากผู้เล่นสายแท็งค์เพียงไม่กี่คนแล้ว ผู้เล่นทุกคนจะตายทันทีหากโดนเข้าไปเพียงครั้งเดียว หากพวกเขาไม่มีเครลิคหลายคนที่มาด้วยกันในครั้งนี้ พวกเขาก็คงจะฟื้นคืนชีพได้ไม่ทัน เพราะผู้เล่นผลัดกันตายอย่างรวดเร็ว

ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะสูญเสีย EXP ไปจนหมด ถ้าไม่มี EXP เกมก็จะจบ มันไม่ใช่ผู้เล่นทุกคนจะมี EXP สำรองเพียงพอให้ถูกฆ่าจำนวนมาก เมื่อมันเกิดขึ้น แนวหน้าก็จะแตกทันที!

นอกจากนั้นความเสียหายที่ผู้เล่นทำกับยักษ์แห้งแล้งนั้นก็แทบจะไร้ผล ผู้เล่น 10-20 คนโจมตีมันอย่างต่อเนื่องมาระยะหนึ่งแล้ว แต่แถบ HP ของยักษ์ก็ยังเต็มเก้าในสิบส่วน!

“ชนะไม่ได้แน่ เราต้องถอยก่อน!” โกวต้านตระหนักว่าลูกธนูทั้งหมดของเขากระเด็นออกจากผิวหินของอีกฝ่าย เขาตะโกนอย่างกังวลบอกเอ็ดเวิร์ดว่า “ข้าเจาะการป้องกันของมันไม่ได้!”

เอ็ดเวิร์ดก็เงียบไปเช่นกัน

อันที่จริง ยักษ์แห้งแล้งไม่เหมือนกับศัตรูที่พวกเขาเคยเผชิญมาก่อน พลังและการฟื้นฟูของผู้เล่นไม่สามารถนำพวกเขาไปสู่ชัยชนะได้

เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว แม้ว่าพลังและการฟื้นฟูของพวกเขาจะไม่สามารถช่วยให้พวกเขาชนะได้ แต่หากไม่มีทั้งสองอย่างนี้ ผู้เล่นก็คงจะตายไปแล้ว การฟื้นคืนชีพทำให้ผู้เล่นแต่ละคนมีเวลามากขึ้น และมีโอกาสมากขึ้นในการสร้างความเสียหายให้กับศัตรู และพลังของพวกเขาก็ช่วยให้พวกเขาทำลาย HP ของยักษ์ได้ทีละน้อย แม้ว่าลูกธนูของโกวต้านจะไม่สามารถเจาะทะลุผิวของยักษ์แห้งแล้งได้ แต่มันก็ยังพลาญ HP ได้อย่างน้อย 1 แต้ม

สิ่งที่พวกเขาขาดในตอนนี้คือโอกาสสำหรับการโจมตีที่ทรงพลัง

ทักษะของพวกเขาอาจไม่รุนแรงพอ แต่ผู้เล่นยังมีชีวิตอยู่ หากพวกเขาสามารถใช้ทักษะได้อย่างยืดหยุ่น พวกเขาอาจสามารถสร้างผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงได้

“ดวงตาของมันอาจเป็นจุดอ่อน…โจ เจ้าและวอร์ริเออร์คนอื่น ๆ ดึงดูดความสนใจของยักษ์” เอ็ดเวิร์ดตะโกนขึ้นมาและเริ่มสั่งการผู้เล่นคนอื่น ๆ “พยายามดึงดูดมันให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราต้องการเวลาเตรียมตัว!”

“เข้าใจแล้ว เฮ้! เจ้าสมองหิน!”

โจและกลุ่มผู้เล่นวอร์ริเออร์พยายามใช้ทักษะยั่วยุกับยักษ์แห้งแล้ง แต่พวกเขาทั้งหมดกลับถูกเพิกเฉย

ยักษ์แห้งแล้งแม้มันจะยังไม่โตเต็มวัย แต่มันก็ได้รับการยกเว้นจากกฎแห่งทักษะของซีเว่ย แม้มันจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม ตัวอย่างเช่น ทักษะการควบคุมอย่างทักษะ ‘ยั่วยุ’ ไม่มีผลกับมัน แต่ผู้เล่นใช้ ‘หมัดอัดอากาศ’ ได้สำเร็จ

หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะรั้งมันไว้ไม่ได้ เพราะทักษะยั่วยุไม่มีผล

ตอนนั้นเองที่โจเห็นโกเลมหินเริ่มประกอบร่างขึ้นมาใหม่จากหางตา

เขาขมวดคิ้วและกระโดดขึ้นไปหาโกเลมหินอย่างรวดเร็ว

สิ่งมีชีวิตประเภทธาตุนั้นยากที่จะฆ่า แต่ไม่ใช่สำหรับผู้เล่น มันไม่สำคัญว่าจะเป็นมอนสเตอร์ธาตุหรือสัตว์ประหลาดตัวใด หากมีแถบ HP มันก็ถูกฆ่าได้

โจจับดาบไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เขาใส่วิญญาณคู่หูลงไปในใบดาบและฟันลงไปอย่างแรง ด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง โกเลมหินก็หยุดประกอบร่างใหม่และรอยแตกจำนวนมากก็แพร่กระจายไปบนร่างของมัน ก่อนที่มันจะสลายกลายเป็นกองเศษหิน

ก้าวของยักษ์แห้งแล้งหยุดลงต่อหน้าเมจและเครลิค

โจรีบแสดงความขอโทษอย่างเกินจริง “ข้าขอโทษจริง ๆ นี่ป้าของแกหรือเปล่า ดูเหมือนข้าจะเผลอฆ่าป้าแกตายซะแล้ว”

ยักษ์แห้งแล้งค่อย ๆ หันกลับไป ดวงตาดวงเดียวบนใบหน้าของมันจ้องตรงมาที่โจอย่างบ้าคลั่ง

โจมองไปที่มันและใช้ [ดาบปีศาจ-ผ่าปฐพี] โดยไม่สนใจเสียงตะโกนของผู้เล่นคนอื่นว่า ‘อย่า!!’ และหั่นโกเลมหินอีกตัวตาย

“โอ้ นี่ลุงเจ้าเหรอ? ข้าขอโทษ พวกเจ้าทุกตัวดูเหมือนกันมากจนข้าแยกไม่ออก”

แม้ยักษ์จะไม่มีปากหรืออะไรที่คล้ายกับปาก แต่มันก็ส่งเสียงคำรามเขย่าพื้นดินทุกย่างก้าว ขณะที่มันพุ่งเข้าหาโจ!

——————————