จะอยู่หรือตาย

“วาจาที่เขื่องโขโอหังนัก!”

แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ เสียงหนึ่งพลันดังกังวาลทั่วฟ้ามาแต่ไกล

เสียงนี้ทำให้เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆหน้าซีดลงทันที

หน้าพวกมันไม่ได้เปลี่ยนสีเพราะตกใจที่เสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน แต่สำหรับพวกมันแล้วเสียงนี้ไม่ได้แปลกหูแต่อย่างไร!

เหตุผลที่เกาะป้านเยว่ต้องกลับกลายเป็นซากปรักหักพัง ล้วนเป็นเพราะเจ้าของเสียงนั่น!

“ข้ายังสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าไฉนคนพวกนี้ถึงได้ย้อนกลับมาทั้งๆที่หนีไปได้แล้ว ที่แท้พวกมันกำลังรอเจ้าอยู่นี่เอง…เช่นนั้นเจ้าคงเป็นจ้าวเกาะป้านเยว่คนใหม่ต้วนหลิงเทียน ประมุขนิกายหลิงเทียนอันใดนั่นใช่หรือไม่?”

เสียงก่อนหน้าดังขึ้นอีกครั้ง ปรากฏร่างหนึ่งค่อยๆโรยตัวลงมาจากฟ้า ก่อนหยุดลงเหนือหุบเขา

ร่างดังกล่าวเป็นชายวัยกลางคนในชุดสีทองอร่าม สภาวะมันประหนึ่งหอคอยเหล็กตระหง่านค้ำฟ้า เหลือบมองลงมาสำรวจร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความไม่แยแส

ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันมหาศาลขุมหนึ่งกวาดผ่านร่างเขา!

วินาทีนี้เขารู้สึกเสมือนยืนเปลือยเปล่าต่อหน้าอีกฝ่าย ยากที่จะเก็บซ่อนความลับอันใดไว้ได้

“พลังฝีมือเจ้านับว่าเข้มแข็งเหนือพวกนี้จริงๆ แต่สุดท้ายเจ้าก็ยังเป็นแค่สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบคนหนึ่ง อาศัยเจ้าเพียงคนเดียวคิดหรือว่าจะทำอันใดข้ากับเผ่าพันธุ์มังกรได้?”

ชายกลางคนในชุดคลุมสีทองไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือ ตี้จิ่ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ หลังจากที่มันตรวจสอบต้วนหลิงเทียนเสร็จ มันก็มองกล่าวเย้ยต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าดูแคลน ทั้งขบขันปานพึ่งได้ยินเรื่องชวนหัวที่สุดในโลก

“เจ้าคือตี้จิ่ว?”

หน้าต้วนหลิงเทียนมืดลงทันใด เขาย่อมตระหนักถึงตัวตนผู้มาใหม่ได้ในทันที

และอาศัยความจริงที่อีกฝ่ายสามารถมองพลังฝึกปรือเขาออก มันต้องบรรลุขอบเขตเซียนขึ้นไป

ยิ่งไปกว่านั้นดูท่ามันจะเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่โตเต็มวัยแล้ว!

“มิผิด! ข้าคือตี้จิ่ว คนที่ทำลายเกาะป้านเยว่แห่งนี้! มิใช่ว่าเจ้าคับแค้นข้าหรือไร? ตอนนี้ข้าก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้วไง อยากรู้นักว่าเจ้าจะมีปัญญาทำอันใดข้าได้!”

ตี้จิ่ว มองกล่าวหยามหมิ่นต้วนหลิงเทียน ใบหน้ามันเต็มไปด้วยความดูถูก

สีหน้าต้วนหลิงเทียนหม่นหมองลงทันใด วาจาตี้จิ่วยังทำให้เขาอับอายจนอยากชำแรกพสุธาหลบหนีไปเสีย

ที่เขากล่าวว่าจะไปตามหาตี้จิ่วและเผ่าพันธุ์มังกรเพื่อให้อีกฝ่ายชดใช้นั้นไม่ผิด แต่นั่นไม่ใช่ตอนนี้!

เขาไม่ได้หยิ่งยะโสถือดีจนคิดว่าตอนนี้เขามีปัญญาทำอะไรเผ่าพันธุ์มังกรได้!

“หืม!?”

ทันใดนั้นสายตาของตี้จิ่วที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไป มันเร่งกล่าวถามออกมาเสียงเข้ม “ต้วนหลิงเทียน ไฉนในร่างเจ้ากลับมีกลิ่นอายของลูกชายข้าได้!!”

“ลูกชายของเจ้า?”

ต้วนหลิงเทียนอึ้ง

“เหอะ! อย่าได้แสร้งเป็นตัวโง่งม! ลูกชายของข้างคือตี้ยง อดีตจ้าวเกาะป้านเยว่!”

ตี้จิ่วพ่นลม ค่อยกล่าวออกด้วยเสียงเย็นเยียบ

ได้ยินวาจานี้ของตี้จิ่ว ต้วนหลิงเทียนพลันเข้าใจอะไรๆได้หลายอย่างทันที

ที่แท้ตี้จิ่วเป็นบิดาของตี้ยง!

สำหรับเรื่องที่ตี้จิ่วล่วงรู้ว่าบุตรชายตายตก ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยาก…อีกฝ่ายไม่พ้นมีไข่มุกวิญญาณของตี้ยงเก็บไว้!

ทันทีที่ตี้ยงตาย ตี้จิ่วจึงรับทราบได้ทันที

“ที่แท้เจ้าเป็นบิดาของตี้ยงนี่เอง”

ตอนนี้เองใบหน้าต้วนหลิงเทียนพลันหวนคืนสู่ความสงบกล่าวออกเสียงเรียบ “ตอนนั้นตี้ยงบอกข้าว่าจะเดินทางออกจากเกาะป้านเยว่ไปยังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ดังนั้นมันจึงฝากให้ข้าดูแลเกาะป้านเยว่ อีกทั้งยังมอบแก่นแท้โลหิตให้ข้าไว้เป็นการตอบแทน”

“นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าสัมผัสกลิ่นอายของมันได้จากตัวข้า”

หลังจากกล่าวจบสีหน้าต้วนหลิงเทียนยังนิ่งเฉย ไม่เห็นความกังวลใดๆแม้แต่น้อย

“แก่นแท้โลหิตของลูกชายข้าหรือ…มิน่าแปลกใจเลย มิน่าแปลกใจเลยจริงๆ”

ตี้ยงหันมาจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ในแววตากลับเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ข้าได้ยินเรื่องที่เจ้าบอกจากปากของผู้คนอื่นๆบนเกาะมาพอแล้ว! หากไม่ใช่เพราะข้ารู้แต่แรกว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกชายข้าจะเดินทางออกจากเกาะป้านเยว่ไปยังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า! พวกเจ้าอาจจะหลอกข้าได้สำเร็จ!!”

กล่าวถึงตรงนี้ ตี้ยงก็ยิ้มเยาะออกมา

“เป็นไปไม่ได้? ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เป็นไปไม่ได้”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ

“เฮอะ! เรื่องนี้เจ้าคงไม่รู้ แต่ตอนนั้นข้าให้ตี้ยงสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้ว ว่าหากด่านพลังของมันยังไม่บรรลุขอบเขตเซียน มันจักมิได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากเกาะป้านเยว่!”

สีหน้าของตี้จิ่วยามกล่าวยังเผยอาการคล้าย ‘ข้ารู้ไต๋เจ้าแล้ว’

ได้ยินวาจานี้ของตี้ยง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะวุ่นวายในใจ

ตี้ยงมันกล่าวคำสาบานอะไรแบบนี้ไว้ด้วยงั้นเหรอ?

และต้วนหลิงเทียนก็สามารถเดาได้อีกด้วย ว่าไฉนตี้ยงถึงสามารถออกจากเกาะป้านเยว่ได้อย่างไรเรื่องราว หลังจากที่มันถูกหวังป้าครอบงำร่างกาย

นั่นเพราะ ดวงจิต ของตี้ยงได้เปลี่ยนไปแล้ว

อัสนีสวรรค์นั้นตอบรับต่อจิตวิญญาณของผู้สาบาน ไม่ใช่ร่างกาย!

“ถึงแม้ข้าจักมิรู้ว่าเจ้าไปเอาแก่นแท้โลหิตของบุตรชายข้ามาได้อย่างไร แต่ตอนนี้ข้ามั่นใจนักว่าเจ้าต้องมีส่วนรู้เห็นต่อการตายของบุตรชายข้าแน่!!”

ยิ่งมาสายตาที่ตี้จิ่วใช้มองต้วนหลิงเทียนยิ่งเย็นชา ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนตกลงไปจมอยู่ในหล่มน้ำแข็ง

“พูดมา! ลูกชายข้าตายได้อย่างไร? ตราบใดที่เจ้าพูดความจริงและสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่าเจ้ามิมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของบุตรชายข้า…บางทีข้าอาจจะละเว้นผู้อื่นในที่นี้นอกจากเจ้า!”

ขณะกล่าวสายตาตี้ยงยังเหลือบไปมองเค่อเอ๋อที่อยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียน

ครู่ต่อมามันก็ว่ายตามองเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆเช่นกัน

“ต้วนหลิงเทียนไม่ต้องไปสนใจมัน! ไม่ต้องสนเรื่องที่มันกล่าวว่าจะละเว้นพวกเราเป็นความจริงหรือไม่! แม้ข้าอาจโง่งมไม่รู้อะไรมาก แต่ที่ข้ารู้คือหากปล่อยเจ้าให้ตายคนเดียว ชั่วชีวิตข้าคงไม่อาจอยู่ได้อย่างสบายใจอีก!”

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เฉินเฉ่าช่วยพลันชักกระบี่ 3 ฉื่อออกจาด้านหลังมาคอนไว้ ก่อนที่จะก้าวมายืนหยัดข้างๆต้วนหลิงเทียน

“เจ้าหนูหลิงเทียน แม้ไม่มีผู้ใดไม่กลัวตาย แต่ข้าเฟิ่งหวู่เต้ายินดีติดตามเจ้าไปโลกหน้า…”

เฟิ่งหวู่เต้าพลันก้าวออกมายืนข้างต้วนหลิงเทียนพร้อมประกาศเจตนารมย์เช่นกัน

ซื่อหม่าฉางฟงไม่กล่าวคำใด แต่การกระทำกลับบอกชัด แววตายังเด็ดเดี่ยวเผยให้เห็นความมุ่งมั่นไม่ต่างใดจากเฟิ่งหวู่เต้า

จากนั้นไม่ว่าจะเป็นฉงเฉวียน โฉดคลุมทอง หรือคู่แฝดหนานกง ก็ออกมายืนเคียงข้างต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น ยินดีรับชะตากรรมเดียวกันกับต้วนหลิงเทียน

ให้มันยืนดูต้วนหลิงเทียนตกตาย แล้วหนีเอาตัวรอดไปแบบนั้น ให้พวกมันตายเสียดีกว่าที่จะต้องทนอยู่อย่างสุนัขขลาดเขลา!

ตอนนี้คงเหลือเพียงหลัวผิงที่ยังยืนลังเลด้วยความหวาดกลัว

ถึงแม้นางเองก็ไม่คิดทรยศต้วนหลิงเทียน แต่เพราะฉากเรื่องราวสังหารอันน่ากลัวของมังกรในตำนานเมื่อเกือบปีที่แล้ว…พลังอำนาจที่เหนือจินตนาการนั่นทำให้นางหวั่นหวาดจนทำอะไรไม่ถูก!

หากเลือกได้แน่นอนว่านางเองก็อยากรอดชีวิต

“ช่างน่าประทับใจยิ่งนัก…แต่เห็นได้ชัดว่ายังมีบางคนที่อยากให้เจ้าตายเพื่อเอาตัวรอดอยู่!”

ในระหว่างที่กล่าว สายตาตี้จิ่วพลันเบนไปตกยังร่างหลัวผิงที่ยืนนิ่งไปด้วยความหวาดกลัวทันที เรื่องนี้ยิ่งทำให้หลัวผิงหวาดผวาจนมือไม้สั่น

สำหรับการกระทำของเฟิ่งหวู่เต้า ซื่อหม่าฉางฟง เฉินเฉ่าช่วยและคนอื่นๆ นับว่าทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอบอุ่นในใจไม่น้อย แม้อาการลังเลกล้ากลัวๆของหลัวผิงจะทำให้เขาผิดหวังบ้างแต่เขาก็ไม่ถือสาหาความอะไร

เพราะสุดท้ายแล้วกระทั่งเขาเอง วันนี้ก็ไม่แน่ว่าจะอยู่หรือตาย

“หืม?”

ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันพบว่ามืออันบอบบางของเค่อเอ๋อพลันกุมมือเขาเอาไว้แน่น เห็นได้ชัดว่านางพร้อมจะร่วมเป็นร่วมตายไปกับเขา!

มีภรรยาแบบนี้เขายังต้องการอะไรอีก!

ลูกตาต้วนหลิงเทียนพลันอ่อนโยนลงดั่งสายน้ำ สุดท้ายแววตาอ่อนโยนก็กลายเป็นเด็ดเดี่ยวคล้ายตัดสินใจอะไรได้

ปงงง!!

ทว่าทันใดนั้นเองพลันมีเสียงระเบิดดังขึ้น ไม่ทันที่ผู้คนจะได้ตอบสนองอะไร ทั้งหมดก็พบว่าหลัวผิงได้ถูกพลังขุมหนึ่งป่นร่างจนระเบิดหายไปแล้ว

กระทั่งหยาดโลหิตแม้เพียงหยดก็ไม่หลงเหลือ ปานมันจะระเหิดหายไปในอากาศ

การลงมือของตี้จิ่ว ทำให้อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนขุ่นมัวขึ้นมาอีกครั้งทันที

แข็งแกร่ง!

มันร้ายกาจเกินไป!

พลังความแข็งแกร่งของตี้จิ่วทำให้เขารู้สึกด้อยอำนาจ ไร้หนทางต่อกรอย่างสิ้นเชิง

เขาไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย ว่าหากตี้จิ่วคิดเข่นฆ่า…อาศัยเพียงมันสะบัดมือ เขาและคนที่อยู่ในที่นี้คงไม่มีหนทางรอดชีวิตเป็นแน่!

“ข้าช่วยเจ้ากำจัดปัญหาเรื่องคนที่ไม่ภัคดีเช่นนี้ เจ้าไม่คิดจะขอบคุณข้าหน่อยหรือ?”

ตี้จิ่วมองมาทางต้วนหลิงเทียน กล่าวถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

แม้น้ำเสียงจะเฉยเมย แต่เจตนาฆ่าฟันที่แฝงเร้นมาก็ชวนให้ขนลุกนัก

“เรื่องเจ้ากล่าวก่อนหน้า เจ้ากล่าวจริงหรือไม่?”

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่คิดกล่าวขอบคุณ แต่เลือกที่จะถามตี้จิ่วกลับไป

“ย่อมเป็นความจริง”

เมื่อตระหนักได้ถึงคำถามของต้วนหลิงเทียน สองตาตี้จิ่วพลันลุกวาวขึ้นมาทันที ก่อนที่จะกล่าวสืบต่อด้วยน้ำเสียงไร้แยแส “พวกมันก็เป็นได้แค่มดในสายตาข้า เช่นนั้นพวกมันจะอยู่หรือตายข้าก็หาได้แยแสอันใดไม่”

“ใครจะไปรู้ หากเจ้ากลับคำขึ้นมาล่ะ?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“หากข้าคิดฆ่าพวกมันจริงๆ ข้าคงลงมือไปตั้งแต่พวกมันย้อนกลับมาที่เกาะนี่นานแล้ว”

ตี้จิ่วพลันหัวเราะเยาะออกมา

ที่มันพูดก็เป็นความจริง หากมันคิดฆ่า เค่อเอ๋อกับคนที่นี่คงไม่อาจอยู่รอดมาได้ถึงวันนี้

“เจ้ากล้าพูดหรือไม่ ว่าเจ้าไม่ได้ไว้ชีวิตทั้งหมดเพื่อจุดประสงค์อื่น?”

ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเชื่อคำตี้จิ่ว เพียงย้อนถามไปเสียงแข็ง

“แล้วเจ้าต้องการอะไร?”

ตี้จิ่วกล่าวถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

“นอกเสียจากว่าเจ้าจะกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า…ว่าจะไม่ทำร้ายคนของข้าไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ข้าถึงจะไปกับเจ้า”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

“ไอ้หนู เจ้านับเป็นคนแรกเลยจริงๆ ที่เหิมเกริมคิดให้ข้าตี้จิ่วคนนี้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า!”

ตี้จิ่วกล่าวถามออกมาเสียงเย็น

“เจ้าอยากรู้สาเหตุการตายของบุตรชายของเจ้าหรือไม่ เจ้าก็เลือกเอาเองเถอะ…”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ

“ดูเหมือนที่ข้าคิดไว้จักมิผิดเพี้ยนจริงๆ…เจ้ารู้!”

ลูกตาตี้จิ่วหดเล็กลงทันใด แววตายังเย็นชาปานจะแช่แข็งผู้คน หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามันอยากรู้ตัวฆาตกรสังหารบุตรชาย มันคงลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนและทั้งหมดไปนานแล้ว

ตอนนี้เอง คนอื่นๆรวมถึงเค่อเอ๋อพลันตระหนักได้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนคิดจะทำอะไร

ต้วนหลิงเทียนคิดสละชีวิตตัวเองช่วยเหลือพวกนาง!

“นายน้อยข้าจะตายพร้อมท่าน! หากท่านตายข้ามิอาจอยู่ต่อได้!”

เค่อเอ๋อรีบกุมมือต้วนหลิงเทียนไว้แน่น น้ำเสียงของนางแฝงเร้นไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว

“เจ้าหนูหลิงเทียน ในนี้ไม่มีใครคิดปล่อยให้เจ้าตายคนเดียว ต่อให้มันจักแข็งแกร่งเพียงใด มันก็ไม่มีทางบีบคั้นพวกเราได้!”

เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวเสริม

ซื่อหม่าฉางฟงเองก็กล่าวออกมาทำนองเดียวกัน

“ทุกคนไม่ต้องห่วงข้าตัดสินใจดีแล้ว ข้ามีหนทาง…แต่นั่นต้องให้มันสาบานกับทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าก่อน”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว วาจาท้ายประโยคยังหันไปมองตี้จิ่ว

“เหอะ!”

หน้าตี้จิ่วมืดคล้ำดำลงอย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายก็ได้แต่เลือกทำตามคำขอของต้วนหลิงเทียน กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมา

“ไอ้หนู ตอนนี้เจ้าพูดได้แล้วหรือยัง?”

หลังจากที่กล่าวคำสาบานตี้จิ่วก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง กล่าวถามออกมาเสียงเข้ม