บทที่ 151 เกี่ยวก้อยสัญญา

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

ถึงแม้ว่าตอนนี้ซูอันจะอยู่ในระดับ 3 แต่ในสถาบันจันทร์กระจ่างมีนักศึกษามากมายที่อยู่ในระดับ 4 และ 5 นอกจากนี้นักศึกษาของสถาบันอื่น ๆ ในมณฑลก็จะเข้าร่วมการประลองคัดเลือกด้วยเช่นกัน หากเขาไม่ใช้ไพ่ตายทั้งหมดในการประลอง เขาคงไม่มีโอกาสเลยด้วยซ้ำ

แต่ถึงอย่างนั้นมันเป็นเรื่องไม่ฉลาดแน่นอนหากเขาจะเผยไพ่ลับทั้งหมดของตัวเองให้ผู้คนมากมายได้เห็น มันจะทำให้ศัตรูของเขาเล่นงานเขาได้ง่ายมากขึ้นไปอีกหากเขาทำแบบนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น จี้เติ้งถู ในตอนนี้ไม่รู้ว่า ซูอัน เป็นผู้บ่มเพาะ ซึ่งมันหมายความว่าการที่ จี้เติ้งถู เล่าให้ซูอันฟังเกี่ยวกับดอกบัวเร้นลักษณ์ มันไม่ต่างอะไรกับการหลอกเขาให้มีความหวังลม ๆ แล้ง ๆแล้วถีบหัวส่งให้ไปตายในท้ายที่สุด

“ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ!” จี้เติ้งถู พูดขึ้นด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเจ้าที่จะผ่านรอบการประลอง แต่เจ้ามีภรรยาที่แข็งแกร่งไม่ใช่เหรอไง ข้าคิดว่าด้วยความสามารถของนางมันคงไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนกับการที่นางจะผ่านการคัดเลือกเข้าไปในมิติลับหยกจรัส ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็แค่วานนางให้เข้าไปช่วยหา ดอกบัวเร้นลักษณ์ ให้เจ้าแค่เท่านั้นปัญหาของเจ้าก็ถูกแก้แล้วจริงไหม?”

สีหน้าของ ซูอัน เปลี่ยนเป็นมืดหม่นกว่าเดิม “แต่ท่านเป็นคนบอกเองว่าดอกบัวเร้นลักษณ์เป็นสมบัติล้ำค่าจนประเมินไม่ได้ แค่กลีบเดียวของมันก็สามารถยกระดับการบ่มเพาะได้แล้วหนึ่งขั้นในชั่วพริบตา ถึงแม้ว่านางจะเป็นภรรยาของข้า หากนางหามันเจอได้จริง ๆ มันก็มีโอกาสสูงที่นางจะใช้มันกับตัวเอง!”

“เจ้าไม่ใช่สามีนางหรือไงกัน? เจ้าป่วยแบบนี้มันก็ต้องเป็นหน้าที่ของนางอยู่แล้วที่จะต้องช่วยเหลือเจ้า หรือว่านางตั้งใจจะใช้ชีวิตแบบสาวบริสุทธิ์ไปจนวันตาย?”

ซูอัน จ้องไปที่ จี้เติ้งถู ด้วยความหมั่นไส้ ถ้าเขาแข็งแกร่งพอ เขาจะอัดไอ้หมอคนนี้ให้ กระอักเลือดเลยจริง ๆ คำพูดแต่ละคำของไอ้หมอบ้านี่มันช่างแทงใจดำของเขาได้ทุกจุดราวกับจงใจ

“แต่ข้าก็เข้าใจเจ้าอยู่เหมือนกัน มันอาจจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดสักเท่าไหร่ที่จะฝากความหวังไว้กับผู้อื่นแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นภรรยาของตัวเอง บางทีความสัมพันธ์ของคู่รักก็มักจะพังทลายลงด้วยโชคลาภที่มากพอ” จี้เติ้งถู พร้อมกับถอนหายใจด้วยสีหน้าเวทนา “อย่างไรก็ตาม เจ้ายังมีตัวเลือกอื่นอีกนี่นา ยกตัวอย่างเช่น คุณหนูเพ่ยหน้าอกโตคนนั้นก็อยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่าง… แค่ก ๆ ข้าหมายถึง เพ่ยเหมียนหมาน นางก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่สนใจเจ้าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ถ้าเจ้าวางใจภรรยาของตัวเองไม่ได้ เจ้าก็ไปขอความช่วยเหลือจากนางก็ได้นี่นา ข้าคิดว่านางน่าจะยินดีช่วยเจ้าอย่างแน่นอน”

จี้เสี่ยวซี ได้เบอก จี้เติ้งถู เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถาบันการศึกษาทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของ ซูอัน กับ เพ่ยเหมียนหมาน “แต่ข้ายอมรับเลยจริง ๆ ว่าเจ้านี่ ร้ายกาจไม่เบาเลย นี่ขนาดไอ้นั่นของเจ้าใช้งานไม่ได้ เจ้ายังสามารถมัดใจสาวงามได้ตั้งหลายคน เฮ้ ๆ ถ้าเจ้ามีน้ำใจเจ้าควรบอกข้าบ้างนะว่าเจ้ามีเคล็ดลับอะไรถึงได้สามารถทำให้หญิงสาวสวย ๆ ติดพันกับเจ้าได้ขนาดนี้?”

บนขมับของ ซูอัน เริ่มมีเส้นเลือดปูดโปนออกมา ‘เจ้าจะเยาะเย้ยข้าไปอีกนานแค่ไหน ไอ้หมอเวร! รอก่อนเถอะเอาไว้ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้าเมื่อไหร่ ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าแบบทบต้นทบดอกแน่นอน เจ้าจำเอาไว้เลย!’

แน่นอนว่าซูอันได้พูดมันออกมา

เมื่อ ชายหนุ่ม ไม่ค่อยตอบสนองต่อการล้อเลียนของเขา จี้เติ้งถูก จึงเริ่มเบื่อหน่ายและเปลี่ยนประเด็น “อ้อ จริงสิ ข้าเกือบลืมไปเลย ตระกูลฉู่ เชิญข้ามาที่นี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ของเจ้า”

ขณะที่เขาพูด ก็เริ่มลงมือตรวจร่างกายของ ซูอัน ซึ่งไม่นานเขาก็เดาะลิ้นด้วยความสงสัย “มีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับร่างกายของเจ้า บาดแผลระดับนี้หากเป็นมนุษย์ธรรมดาคงตายไปแล้ว แต่เจ้ากลับยังมีชีวิตอยู่และสามารถลุกขึ้นได้อีก ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วในการฟื้นตัวตามธรรมชาติของเจ้าก็ดูเร็วกว่าคนทั่วไปเป็นอย่างมาก เอ…ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้…”

ซูอัน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้ยินเช่นนี้ แต่เขาก็เดาว่านี่น่าจะเป็นผลของเคล็ดวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ ซึ่งเป็นทักษะที่ต้องอาศัยการได้รับบาดเจ็บเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้น มันจึงน่าจะมีผลผูกพันกับการฟื้นตัวด้วยเช่นกัน มิฉะนั้น ผู้ฝึกเคล็ดวิชานี้คงจะไม่มีวันมีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันที่พวกเขาแข็งแกร่ง

จี้เติ้งถู สั่งยาไว้ให้ก่อนจะจากไปด้วยสีหน้าตื่นเต้นซะเต็มประดา เขาอยากจะรีบกลับไปเพลิดเพลินกับหนังสือเล่มใหม่ที่เขาเพิ่งได้รับใจจะขาดแล้ว

หลังจาก จี้เติ้งถู กลับไป ซูอัน ก็ครุ่นคิดอย่างหนักถึงเรื่องที่เขาจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปในมิติลับและค้นหา ดอกบัวเร้นลักษณ์ ได้อย่างไร?

ในเวลาต่อมา ริมฝีปากของเขาก็ค่อย ๆ ขดเป็นรอยยิ้ม…

เช้าวันรุ่งขึ้น ซูอัน พยายามลุกขึ้นจากเตียงและยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าเขาจะต้องไปที่สถาบันจันทร์กระจ่างให้ได้ซึ่ง ฉู่จงเทียน และ ฉินว่านหรู ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่เห็นว่าลูกเขยขยะของตนกลายเป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของ ซูอัน ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกหมอประจำตระกูลมาดูอาการซูอันอีกรอบว่าจะมีปัญหาหรือไม่

น่าแปลกใจที่หลังจากหมอประจำตระกูลตรวจสอบอาการเสร็จ ผลมันก็ออกมาว่า ซูอัน หายจากอาการบาดเจ็บเป็นส่วนใหญ่แล้ว

“โอ้ ดูเหมือนว่าชื่อเสียงของ จี้เติ้งถู จะไม่ใช่แค่ข่าวลือ” ไม่มีทางที่ ฉู่จงเทียน จะรู้ว่านี่เป็นผลมาจากเคล็ดวิชาที่ ซูอัน บ่มเพาะ ดังนั้นเขาจึงยกความดีความชอบให้กับบ จี้เติ้งถู ฉินว่านหรู หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “แต่ตอนแรกท่านกลับเถียงหัวชนฝาไม่ยอมให้เขาเข้ามาในตระกูลเราท่าเดียว”

“ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ไอ้คนผู้นั้นมันเอาแต่จ้องเจ้าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นข้าจะยอมให้มันเข้ามาในตระกูลของเราง่าย ๆ ได้ยังไงจริงไหม?” ฉู่จงเทียน พูดขึ้นด้วยสีหน้าหงุดหงิด

“ไอ้หยา~ นี่ท่านหึงงั้นเหรอ” ฉินว่านหรู สะกิด ฉู่จงเทียน พร้อมกับหัวเราะเบา ๆ

ซูอัน รู้สึกว่า ฉู่จงเทียน ทำถูกต้องแล้วที่ปฏิเสธ จี้เติ้งถู ไม่ให้เข้ามาในคฤหาสน์ได้ง่าย ๆไม่เช่นนั้นไอ้หมอโรคจิตผู้นั้นมันอาจทำอะไรแผลง ๆ อย่างอื่นกับสาวงามในตระกูลได้ตามใจชอบ

แน่นอนว่าเนื่องจาก ซูอัน ดูไม่มีปัญหาอะไรมันจึงไม่มีเหตุผลใดที่ ฉู่จงเทียน และ ฉินว่านหรู จะหยุดเขาไม่ให้ไปสถาบันอีกต่อไป แต่เพื่อความปลอดภัย ฉู่จงเทียน ก็ได้ส่งทหารออกไปสองคนเพื่อคอยปกป้องซูอันในระหว่างการเดินทางไปสถาบัน

จำเป็นต้องพูด ซูอัน ไม่เหมือนพวกปัญญาอ่อนในหนังที่พยายามจะหนีจากบอดี้การ์ดของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะกลัวว่าชีวิตของตัวเองจะไม่เป็นอิสระ ในทางกลับกันในหัวเขาตอนนี้มีแต่ความคิดที่ว่า ทำไมพวกท่านไม่จัดคนคุ้มกันให้ข้าเพิ่มมากกว่านี้! ถ้า เสวี่ยเอ๋อร์ หรือ เหมยเชาฟง โผล่ออกมา แค่ทหารสองคนมันจะไปช่วยอะไรได้ยังไง?

แตกต่างจาก ซูอัน ที่ดูระแวดระวังไปทุกอย่างรอบตัว สีหน้าของ ฉู่ฮวนเจา กลับเป็นดูร่าเริงอย่างออกนอกหน้า

“พี่เขย พี่เขย! เร็วเข้าเล่ามาให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้เลยว่าวันก่อนท่านชนะเงินจากบ่อนมาได้มากมายขนาดนั้นได้ยังไง ข้าอยากรู้รายละเอียดทั้งหมด!” ดวงตาของ ฉู่ฮวนเจา เป็นประกายด้วยความอยากรู้

“ตระกูลฉู่ มีกฎห้ามยุ่งเกี่ยวกับการพนันไม่ใช่เหรอไง? เจ้ามาถามเรื่องนี้กับข้า เจ้าไม่กลัวแม่ของเจ้าลงโทษงั้นเหรอ?” ซูอัน ถามกลับ “ข้าแค่ถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแค่นั้นเอง ไม่ใช่ว่าข้าออกไปเล่นการพนันซะเมื่อไหร่ นอกจากนี้ แม่ของข้าก็ไม่สนใจข้าขนาดนั้นอยู่แล้ว!” ฉู่ฮวนเจา คว้าแขนของ ซูอัน และเริ่มเขย่ามันพร้อมรบเร้าชายหนุ่ม “พี่เขย น่านะ ท่านเล่าให้ข้าฟังหน่อยได้ไหม? ได้โปรด~”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนุ่มนวลบนแขนของเขา ก็ทำเอสหัวใจของ ซูอัน สั่นไหว ทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงไม่มีแนวคิดเรื่องการเว้นระยะห่างจากเพศตรงข้ามบ้างเลยแบบนี้!? ไม่ได้ละ แบบนี้มันไม่ถูกต้อง เอาไว้ว่าง ๆ ข้าต้องสอนนางสักหน่อยให้รู้จักว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ไม่อย่างนั้นนางจะถูกเอาเปรียบจากไอ้พวกเด็กเหลือขอในอนาคตเป็นแน่!”

พูดตามตรง เขาค่อนข้างภาคภูมิใจกับสิ่งที่เขาทำสำเร็จในบ่อนเมื่อคืนนี้ ซึ่งมันคงจะเสียเปล่าจริง ๆ ถ้าเขาเก็บความสำเร็จนี้เอาไว้กับตัวเองไม่บอกต่อกับคนอื่น ๆ ดังนั้นซูอันจึงแสร้งถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ราวกับว่าเขายอมทำตามคำวิงวอนของ ฉู่ฮวนเจา ก่อนที่จะเล่าถึงเหตุการณ์ ที่น่าตื่นเต้นซึ่งทำให้เขาได้รับตำแหน่งเป็นเทพเจ้าแห่งการพนันในที่สุด

เรื่องราวโลดโผนของ ซูอัน ดึงดูดความสนใจของ ฉู่ฮวนเจา ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ทหารคุ้มกันของตระกูลฉู่ ก็อดไม่ได้ที่จะหันมามอง ซูอัน ด้วยสีหน้าประทับใจกับความสามารถในการ เล่าเรื่องของเขา

เมื่อ ชายหนุ่ม เล่าเรื่องอันน่าตื่นเต้นจบ ฉู่ฮวนเจา สูดหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะพูดอย่างเสียดายว่า “น่าเสียดายจริง ๆ ที่ข้าไม่สามารถเห็นด้วยตาของตัวเอง… พี่เขย ถ้าท่านจะไปทำอะไร ที่น่าตื่นเต้นแบบนี้อีกในอนาคต ท่านช่วยพาข้าไปด้วยได้?”

ซูอัน พยักหน้าหงึก ๆ “ก็ได้ ก็ได้~”

แม้ว่า ฉู่ฮวนเจา จะค่อนข้างร้ายกาจกับเขาในตอนแรก แต่หลังจากนั้น เขาสามารถพูดได้เต็มปากว่านางเป็นคนที่ปฏิบัติต่อเขาดีที่สุดในตระกูลฉู่

“งั้นขอเกี่ยวก้อยเพื่อผนึกสัญญากัน!” ฉู่ฮวนเจา ยังคงกังวลว่า ซูอัน จะไม่รักษาสัญญาดังนั้นนางจึงยื่นนิ้วก้อยให้เขา “ก็ได้” เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ซูอัน จึงยื่นนิ้วก้อยออกไปเกี่ยวก้อยกับนางพร้อมกับยิ้มให้ อย่างขบขัน

“ตราประทับแห่งคำสัญญานี้จะคงอยู่เป็นเวลาร้อยปี!” ดวงตาของ ฉู่ฮวนเจา ขดเป็นวงเดือนที่สวยงามด้วยความยินดี

ทหารคุ้มกันของตระกูลฉู่ ต่างตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้ ลูกเขยที่ไร้ประโยชน์คนนี้มีเสน่ห์ ขนาดนี้ได้ยังไง? ไม่ใช่แค่ คุณหนูใหญ่ จะเลือกเขาเป็นสามีของนาง แต่ตอนนี้แม้แต่ คุณหนูรอง ก็ดูเหมือนจะใกล้ชิดกับเขาด้วย!

ข้าควรหาโอกาสขอคำแนะนำเขาเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงดีรึเปล่า? ถึงแม้ว่าคนอย่างข้าจะไม่มีหวังกับบรรดาคุณหนูอยู่แล้วแต่ในคฤหาสน์ก็มีสาวใช้สวย ๆ อยู่ตั้งหลายคนจริงไหม?

มีเพียงเฉิงโซวผิงเท่านั้นที่เดินอยู่ข้างหลังอย่างเฉยเมย เสวี่ยเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์คนสวยของข้า ทำไมเจ้าต้องเป็นสายลับด้วย? ฮือ…

แต่แล้วในระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินทางอย่างเงียบสงบ จู่ ๆ ก็มีเสียงโวยวายดังขึ้นไม่ไกล

“หลีกไป หลีกทางไป! ม้ากำลังหลุดการควบคุม!”