ตอนที่ 121

The simple life of the emperor

เมื่อตู่เชิงได้ยินที่เทียนหลางพูดเขาก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถามกับเทียนหลางด้วยความสงสัยไปว่า

”ธุรกิจทำเงิน ?”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับพูดกับตู่เชิงไปว่า
”ใช่แล้วพอดีฉันมีสูตรของเครื่องสำอางดีๆอยู่ แล้วเห็นว่าครอบครัวนายกำลังทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอางพอดีก็เลยคิดว่าน่าจะพอร่วมมือด้วยกันได้”
ตู่เชิงที่ได้ยินคำอธิบายของเทียนหลางเขาก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะถามอีกว่า
”แล้วสูตรเครื่องสำอางนั่นมันดีงั้นเหรอ ? มันมีคุณสมบัติอะไรบ้างละ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า
”มันเป็นครีมที่จะช่วยบำรุงผิวอะนะ เมื่อทาแล้วจะให้ทำผิวขาวกระจ่ายใส นุ่มเนียน เต่งตึง แถมยังช่วยกำจัดผิว ฝ้า และรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย”
ทันทีที่ตู่เชิงได้ยินแบบนั้นเขาก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยกับสรรพคุณอันเวอร์วังของครีมของเทียนหลาง
”ครีมนายวิเศษขนาดนั้นเชียวเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับบอกว่า
”ถูกต้อง แต่เพราะมันไม่ใช่สูตรที่สมบูรณ์เท่าไหร่ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ผลดีมากนัก”
ตู่เชิงได้ยินที่เทียนหลางพูดเขาก็ต้องสับสนเล็กน้อย
”ไม่ใช่สูตรที่สมบูรณ์ ? หมายความว่าไง ?”
”อันที่จริงสูตรดั้งเดิมของมันนั้นต้องใช้มีส่วนผสมจำนวนมากที่เป็นสมุนไพรหายากมันจะมีปัญหาในการที่จะต้องผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นฉันจึงปรับสูตรส่วนผสมให้มันใช้ส่วนผสมที่หาได้ไม่ยากและให้ผลที่ใกล้เคียงกันแต่ก็อย่างว่ามันเป็นสูตรที่ถูกปรับแต่งมามันจึงให้ผลได้ไม่ดีเท่าสูตรดั้งเดิม”
เมื่อตู่เชิงได้ยินคำอธิบายของเทียนหลางเขาก็พยักหน้าหงึกๆแต่ถึงอย่างงั้นในใจของเขาก็ยังคงไม่เชื่ออยู่ดี เพราะเขานั้นรู้ว่าต่อให้เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ดีที่สุดในโลกก็ยังไม่ให้ผลดีเยี่ยมเท่ากับครีมของเทียนหลางเลย
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินถึงสรรพคุณที่เกินจริงของครีมของเทียนหลางนั้นจึงรู้สึกไม่เชื่อเท่าไหร่นัก
และดูเหมือนว่าเทียนหลางจะล่วงรู้ความคิดของตู่เชิงเขาจึงนำกระปุกไม้เล็กๆออกมาจากกระเป๋ากางเกงและยื่นมันให้กับตู่เชิง
ตู่เชิงมองมันเล็กน้อยก่อนจะถาม
”มันคืออะไร ?”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับตอบกลับไปว่า
”ข้างในกระปุกไม้เล็กๆนี้คือครีมที่ฉันพึ่งบอกนายไปเมื่อครู่ ฉันนายไปทดลองใช้ได้ก่อนจะตัดสินใจร่วมงานกัน”
ตู่เชิงมองกระปุกเล็กๆตรงหน้าก่อนจะรับไป เทียนหลางเมื่อเห็นว่าตู่เชิงเก็บกระปุกครีมของเขาไปแล้วเขาก็ยิ้มออกมาก่อนจะบอกกับตู่เชิงถึงวิธีใช้
”วิธีใช้นั้นก็เหมือนกับครีมทั่วไปแต่ไม่จำเป็นจะต้องทาทุกวัน ทาเพียงแค่ตอนเช้าทุกๆสามวันเท่านั้น”
ตู่เชิงก็พยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะคุยอะไรกันอีกนิดหน่อยและก็แยกย้ายกันเพราะคาบต่อไปตู่เชิงต้องไปเรียนของคณะบริหารส่วนเทียนหลางนั้นคาบบ่ายของเขาว่างดังนั้นจึงไม่มีอะไรทำและเขาก็ยังไม่ค่อยจะอยากกลับบ้านเท่าไหร่นักจึงได้ขับรถไปยังชายหาดก่อนจะหาที่เหมาะๆนั่งรับลมทะเล
ในจังหวะที่เทียนหลางกำลังซึมซับกับบรรยากาศอันเย็นสะบายของลมทะเลที่พัดเข้ามาอยู่นั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งข้างๆเขา
เทียนหลางยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยกับผู้หญิงข้างๆเขาว่า
”เจอกันอีกแล้วนะครับ”
ผู้หญิงที่นั่งลงข้างๆกับเทียนหลางนั้นเมื่อได้ยินเขาทักทายเธอ เธอก็ยิ้มออกมาพร้อมกับรวบผมที่ปลิวไสวจากลมทะเลให้เข้าที่ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
”ไม่คิดว่าเราสองคนจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้งั้นเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
”ผมคิดว่าคุณจะรอให้นานกว่านี้สักหน่อยและค่อยปรากฏตัวออกมา”
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเทียนหลางเธอก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
”ตอนแรกฉันก็กะจะทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน แต่บังเอิญว่าคุณนั้นน่าสงสัยและน่าสนใจจนเกินไป จนฉันทนไม่ไหวจะต้องออกมาคุยกับคุณ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดไปว่า
”ในเวลาไม่นานคุณก็ตรวจสอบผมมาอย่างดี แถมยังบินข้ามซีกโลกเพื่อมาจับตาดูผมอีกผมควรจะดีใจดีหรือเปล่านะ”
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเทียนหลางเธอก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า
”คุณควรดีใจนะ องค์กรของเราไม่ค่อยจะได้จับตาดูใครง่ายๆ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
”คุณก็รู้จักผมแล้ว แล้วทำไมคุณถึงไม่แนะนำตัวคุณเองบ้างละ ?”
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเทียนหลางก็พยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นและกล่าวแนะนำตัวเองว่า
”ฉันคือ แอนเดียร์ ดี คาเวร่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์กรลับวาติกัน”