ตอนที่ 122

The simple life of the emperor

เทียนหลางที่ได้ยินแอนเดียร์แนะนำตัวเองเขาก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามว่า

”แล้วคุณแอนเดียร์มีธุระอะไรกับผมงั้นเหรอ ?”
แอนเดียร์ที่ได้ยินคำถามของเทียนหลางเธอก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับเทียนหลางไปว่า
”ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณหน่อยนะ”
เทียนหลางได้ยินคำขอของแอนเดียร์เขาก็งงเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามว่า
”เรื่องของเจ้าก้อนอำพันนั่นนะเหรอ ?”
แอนเดียร์พยักหน้าเพื่อยืนยันคำถามของเทียนหลางเขาจึงถามออกไปอีกครั้งด้วยความสงสัย
”อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าผมจะช่วยคุณได้หล่ะ ?”
แอนเดียร์ที่ได้ยินก็พยักหน้าพร้อมกับตอบกลับไปว่า
”แค่การคาดเดานะ”
”คาดเดา ? คุณช่วยพูดถึงการคาดเดานั่นให้ผมฟังหน่อยสิ”
”จากที่ศูนย์วิจัยของคุณถูกโจมตีอย่างหนัก แน่นอนว่าทางรัฐบาลจะต้องส่งคนมาตรวจสอบหรือช่วยเหลือ และแน่นอนว่าจะต้องเป็นหน่วยที่มีฝีมือระดับสูงในกองทัพ แต่พวกเขากลับส่งคุณมาเพียงแค่คนเดียวนั่นก็แปลว่าฝีมือของคุณคนเดียวเหนือกว่าหน่วยรบทั้งหน่วย และเมื่อเราเจอกันคุณไม่ได้มีท่าทีจะกลัวฉันและคนของฉันเลยแม้แต่น้อย และทันทีที่ฉันพูดถึงอำพันปีศาจในมือของคุณคุณก็ทำลายมันทิ้งทันที”
แอนเดียร์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า
”จากที่องค์กรของเราตรวจสอบมาอำพันปีศาจนั้นจะแผ่ออร่าด้านลบออกมาเป็นจำนวนมหาศาลตลอดเวลาดังนั้นคนธรรมดาจึงไม่สามารถที่จะเข้าใกล้หรือสัมผัสมันได้อย่างแน่นอนเพราะถ้าหากสัมผัสมันตรงๆบริเวณที่สัมผัสจะถูกเผาไหม้อย่างรุนแรง แต่คุณกลับจับมันได้อย่างสบายๆแถมไม่เป็นอะไรด้วย ฉะนั้นฉันจึงเชื่อว่าคุณมีวิธีรับมือกับอำพันปีศาจ”
”และเมื่อฉันขอให้คุณส่งอำพันปีศาจมาให้กับทางเราคุณก็เลือกที่จะทำลายมันทิ้งในทันที นั่นก็แปลว่าคุณรู้ว่าอำพันปีศาจนั้นมีความสามารถอะไรบ้าง คุณจึงไม่อยากยกมันให้มันกับใคร”
เทียนหลางที่ได้ยินแอนเดียร์พูดแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
”คุณนี่คาดการณ์เก่งจริงๆ สนใจมาทำงานด้านการตลาดให้กับผมไหม ?”
แอนเดียร์ที่ได้ยินหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับพูดว่า
”ฉันจะเก็บไปคิดก็แล้วกันนะคะ ว่าแต่คุณตกลงที่ช่วยฉันแล้วหรือยัง ?”
เทียนหลางที่ได้ยินคำถามของแอนเดียร์เขาก็ส่ายหน้าก่อนจะบอกออกไปว่า
”คุณขอให้ผมช่วยทั้งๆที่คุณไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลยงั้นเหรอ ?”
แอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะก้มหัวลงเล็กน้อยเชิงขอโทษ
”ต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ฉันไม่ได้บอกกอะไรคุณก่อน แต่ถ้าหากว่าฉันบอกคุณคุณจะช่วยฉันใช่ไหม ?”
”ก็ต้องขอลองฟังก่อนละนะ”
เทียนหลางบอกไปตามนั้น แอนเดียร์ก็คิดเล็กน้อยก่อนจะอธิบายทุกอย่างให้กับเทียนหลางได้ฟัง
เรื่องที่แอนเดียร์มาขอความช่วยเหลือจากเทียนหลางก็คือ เมื่อสิบห้าปีก่อนองค์กรวาติกันได้รับแจ้งจากพนักงานสาขาต่างประเทศว่า มีคนขุดเหมืองในบอสเนียอ้างว่าพวกเขาขุดพบอำพันแปลกประหลาดในตอนแรกพวกเขานั้นพยายามจะเก็บมันขึ้นมาเพราะคิดว่าเป็นอำพันชนิดใหม่ แต่เมื่อพวกเขาสัมผัสกับมันก็ปรากฏว่ามือของเขานั้นถูกเผาด้วยอะไรบางอย่าง พวกเขาจึงแจ้งนักธรณีวิทยาเพื่อให้พวกเขามาตรวจสอบ
แต่เมื่อพวกเขามาตรวจสอบก็พบว่ามีอะไรบางอย่างแปลกประหลาดเกี่ยวกับอำพันก้อนนี้ด้วยวิทยาการสมัยใหม่ทำให้พวกเขานั้นมีเครื่องไม้เครื่องที่ตรวจที่สามารถตรวจวัดรังสีที่ไม่รู้จักได้ เหล่านักธรณีวิยาเหล่านั้นคิดว่าก้อนอำพันก้อนนั้นจะเป็นต้นกำเนิดของแหล่งพลังงานชนิดใหม่จึงได้ส่งมันไปให้กับองค์กรวิยาศาสตร์เพื่อให้ตรวจสอบต่อไป
ในตอนแรกวาติกันไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับอำพันก้อนนั้นมากนักแต่เพราะการยื่นเรื่องของเจ้าหน้าที่คนนั้นทำให้เรื่องนี้จึงถูกเก็บไปพิจารณาในภายในหลังและทำเพียงแค่เฝ้าดูอย่างห่างๆเท่านั้น ต่อมาที่ศูนย์วิจัยที่ได้วิจัยเกี่ยวกับอำพันปีศาจเกิดเรื่องขึ้นมีตัวประหลาดปรากฏออกมาทำให้ตำรวจและวาติกันที่กำลังจับตาดูเรื่องนี้อยู่ได้เข้ามามีส่วนร่วม
หลังจากจัดการเรื่องที่ศูนย์วิจัยนั้นเสร็จทางวาติกันก็ได้ลงความเห็นกันว่าควรจะเก็บอำพันปีศาจเอาไว้เพื่อศึกษาวิจัยและหาทางรับมือกับมันในอนาคตเพราะพวกเขาคิดว่าอำพันปีศาจนี้จะเกี่ยวข้องกับคำทำนายอะไรสักอย่างของพวกเขา
หลังจากนั้นนักวิจัยที่วิจัยเกี่ยวกับอำพันปีศาจเริ่มมีอาการที่แปลกประหลาดไปพวกเขาเริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น ใบหน้าหมองคล้ำและร่างกายเริ่มมีอาการผิดปกติหลายอย่าง ไม่นานนักร่างกายของนักวิจัยบางคนก็เริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นปีศาจที่แสนน่ากลัวจึงได้เกิดการต่อสู้กันครั้งใหญ่ภายในห้องวิจัยของวาติกัน
ถึงแม้ทางวาติกันจะควบคุมสถานะการณ์ได้แต่ถึงอย่างงั้นพวกเขาก็สูญเสียกำลังคนไปอย่างมาก และเมื่อสืบหาต้นตอของการเปลี่ยนแปลงของนักวิจัยพวกเขาก็พบว่าต้นเหตุนั้นมาจากอำพันปีศาจที่พวกเขาได้มาก่อนหน้านี้นานแล้ว
ในตอนนั้นทางองค์กรลงมติกันอย่างรวดเร็วว่าจำเป็นจะต้องทำลายอำพันปีศาจนี่ทันที พวกเขาจึงคิดวิธีที่จะกำจัดมันแต่ไม่ว่าพวกเขาจะทำยังไงก็ไม่สามารถที่จะทำลายอำพันปีศาจได้เลย ไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนบนพื้นผิวเมื่อเห็นว่าไม่สามารถทำลายอำพันปีศาจได้พวกเขาจึงได้เก็บมันเอาไว้ในห้องนิรภัยชั้นใต้ดินพร้อมกับล้อมรอบด้วยเหล็กและคอนกรีตหนาหลายสิบชั้นและกำแพงพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรั่วไหลของรังสีพิเศษที่มันปล่อยออกมาด้วยเช่นกัน
เรื่องของอำพันปีศาจจึงถูกพับเก็บไว้ต่อไปจนกว่าจะหาวิธีที่จะกำจัดมันได้ และเมื่อไม่กี่วันก่อนแอนเดียร์เธอได้รับข่าวจากหน่วยข่าวว่ามีอำพันปีศาจปรากฏขึ้นที่ศูนย์วิจัยของจีนในขั้วโลกเหนือเธอจึงเดินทางไปเพื่อขอเจรจาต่อรองให้ทางศูนย์วิจัยยกเลิกการวิจัยอำพันปีศาจและมอบอำพันปีศาจให้กับวาติกันเพื่อนำไปเก็บรักษา
แต่เมื่อมาถึงที่หมายเธอก็พบเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังถืออำพันปีศาจอยู่ในมือด้วยท่าทีสบายๆซึ่งนั่นก็คือเทียนหลางนั่นเองเธอจึงพยายามเจรจาต่อรองเพื่อจะนำอำพันปีศาจมาแต่เธอไม่คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะทำลายอำพันปีศาจที่แม้แต่องค์กรของเธอพยายามแทบตายก็ไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนได้ด้วยมือเดียวเธอตกตะลึงเป็นอย่างมากกับภาพที่เห็นตรงหน้า เธอพยายามกำลังจะถามเด็กหนุ่มว่าเขาทำมันได้ยังไงแต่ก็โดนไล่กลับไปด้วยคำขู่เสียก่อน ดังนั้นเธอจึงยอมถอยไปก่อนและค่อยมาพบเจอกับเขาอีกทีในภายหลัง
เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้แอนเดียร์ก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
”และสุดท้ายฉันก็มาอยู่ตรงนี้ยังไงละ”
เทียนหลางที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ได้แต่พยักหน้าก่อนจะพูดกับแอนเดียร์ว่า
”ดูคุณจะลำบากน่าดูเลยนะ”
แอนเดียร์ส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้น
”ไม่หรอก อันที่จริงค่อนข้างจะสะดวกนิดหน่อยด้วยซ้ำนอกจากข้อมูลที่คุณทำงานเป็นหน่วยพิเศษของรัฐบาลจีนแล้ว ข้อมูลอื่นๆของคุณค่อนข้างจะหาได้ง่ายเลยเชียวละ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเกาหัวเล็กน้อยก่อนจะบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้
”ทำไมหน่วยพิเศษอย่างฉันถึงโดนเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวง่ายขนาดนี้กันนะ”
แอนเดียร์ที่ได้ฟังเทียนหลางบ่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักออกมา ก่อนจะถามเทียนหลางว่า
”แล้วตกลงคุณจะช่วยฉันหรือเปล่า ?”
เมื่อเห็นแอนเดียร์ร้องขอความช่วยเหลือแบบนี้เขาก็ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
”คุณก็รู้ใช่ไหมว่าผมไม่ทำอะไรฟรีๆ”
แอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า
”ตราบใดที่คุณช่วยพวกเรา ทางฉันและวาติกันรับรองว่าจะตอบแทนคุณอย่างดี”
เมื่อได้รับคำยืนยันแบบนั้นเทียนหลางก็ยิ้มพร้อมกับตบมือเบาๆก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถของเขาให้กับแอนเดียร์พร้อมกับทำท่าเชื้อเชิญเธอ
”เอาหล่ะ ในเมื่อคุณตกลงแล้วงั้นเราไปคุยข้อตกลงกันดีกว่า”