ตอนที่ 188 ท่านโหวผิงอู่ สืออุน

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 188 ท่านโหวผิงอู่ สืออุน

เมื่อแม่ลูกทั้งสองร้องไห้อย่างหนักแล้ว

จนกระทั่งหลังจากนั้นครึ่งชั่วยามจึงได้หยุดร้องไห้

เซียวฮูหยินซับน้ำตา พลันพูด “เจ้าตั้งครรภ์อยู่ก็ไม่บอกข้าก่อน สตรีมีครรภ์จะร้องไห้เช่นนี้ได้อย่างไร ข้าให้คนไปเชิญไต้ฟูมาตรวจดูให้เจ้า”

เยียนอวิ๋นเฟยพูด “ข้าไม่เป็นอันใด”

เซียวฮูหยินตำหนิ “ไม่เป็นอันใดก็ต้องเชิญไต้ฟูมาตรวจ บุตรคนแรกของเจ้าจะเกิดความผิดพลาดใดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด เจ้าหน่ะ ให้ข้าตำหนิเจ้าอย่างไรดี กำลังตั้งครรภ์ อายุครรภ์ก็ยังน้อย เจ้ายังกล้าเดินทางไกลมาเมืองหลวง ต่อจากนี้จะทำเช่นนี้ไม่ได้”

เยียนอวิ๋นเฟยยิ้ม พลันพูด “ข้าตั้งใจเลือกเวลานี้มาเมืองหลวงเพื่อบุตรในท้อง ความจริงเริ่มแรงท่านโหวคิดจะส่งจ่างสื่อ[1]มาถวายพระพรในเมืองหลวง แต่ข้าพยายามอ้อนวอน จึงได้ครอบครองโอกาสในการเดินทางมาเมืองหลวงเพื่อถวายพระพรฝ่าบาท”

เซียวฮูหยินได้ยินจึงขมวดคิ้วมุ่น “สถานการณ์ของตระกูลสืออันตรายอย่างมากหรือ”

เยียนอวิ๋นเฟยเรียบเฉยอย่างมาก “ย่อมต้องระวังไว้ก่อน เด็กคนนี้มาในช่วงเวลาที่ยังไม่เหมาะสม แต่ในเมื่อมาแล้ว ข้าย่อมต้องปกป้องเด็กเอาไว้”

เซียวฮูหยินได้ยินจึงถอนหายใจ

“ต้องโทษบิดาของเจ้า! หากตอนนั้นเขายอมทวงความยุติธรรมให้เจ้า เจ้าก็ไม่ต้องแต่งงานกับท่านโหวผิงอู่ ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนในแต่ละวัน”

“ท่านแม่กล่าวเกินไปแล้ว! ตระกูลสือไม่ได้อันตรายเหมือนที่ท่านแม่คิด เพียงแค่ข้าไม่มีบุตร ทุกคนย่อมปลอดภัย หากตราบใดที่มีบุตร ความสงบในจวนย่อมต้องถูกทำลาย”

เซียวฮูหยินพูดด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นสตรี แต่งงานกับท่านโหวผิงอู่ตั้งแต่อายุยังน้อย จะไม่มีบุตรได้อย่างไร ตระกูลสือรังแกกันเกินไปแล้ว”

สีหน้าของเยียนอวิ๋นเฟยเรียบเฉย นางไม่ใส่ใจนัก “ตระกูลสือมีคนมาก ผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องจึงมาก ทุกคนในจวนต่างแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์กันอย่างรุนแรง บุตรของท่านโหวรวมกันมีสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนมีแผนการของตนเอง

แต่ว่าทุกคนต่างมีความเห็นเดียวกันคือไม่ต้องการให้มีบุตรชายที่กำเนิดจากภรรยาเอกอีก ดังนั้นการตั้งครรภ์ของข้าจึงไม่ใช่ข่าวดีสำหรับทุกคน ข้าหลีกเลี่ยงพวกเขาเป็นการชั่วคราวก่อน เมื่อบุตรให้กำเนิดออกมาแล้วจึงกลัวอวี้โจวในภายหลัง”

“เจ้าพาเด็กกลับอวี้โจวจะรับรองความปลอดภัยได้หรือ” เซียวฮูหยินกังวลอย่างมาก

เยียนอวิ๋นเฟยเม้มปากยิ้ม “องครักษ์ห้าร้อยนายที่ติดตามข้าแต่งเข้าตระกูลสือไม่ใช่เครื่องประดับ เด็กให้กำเนิดออกมาแล้ว ข้าย่อมต้องพยายามสุดความสามารถในการปกป้องเด็ก ผู้ใดกล้าลงมือ อย่าหาว่าข้าใจร้าย”

ความหมายคือเด็กอยู่ในท้องมีความอันตรายยิ่งกว่า

หากแท้งบุตร เด็กไม่มีแล้วก็ไม่อาจอาละวาดได้

หลังจากเด็กกำเนิดออกมาก็เป็นคนที่มีชีวิต ต้องมีชื่อบนลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลสือ

ผู้ใดกล้าลอบทำร้ายเด็ก ความผิดนั้นย่อมร้ายแรงกว่าการทำให้คนแท้งบุตร

ดังนั้นไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับเด็กอย่างง่ายดาย

อย่างน้อยก็ต้องมีความมั่นใจที่จะดึงตัวเองออกจากเรื่องนี้จึงจะกล้าลงมือ

เพียงแต่บนโลกนี้ไม่มีกำแพงที่ไม่มีลมพัดผ่าน

เตรียมการสมบูรณ์แบบอย่างไรก็ต้องมีข้อบกพร่อง

อีกทั้งในมือของเยียนอวิ๋นเฟยมีเงินมีคน ลงมือทำก่อนค่อยรายงาน ลงโทษคนที่ลอบทำร้ายก่อน ค่อยรายงานท่านโหวผิงอู่ สืออุน อย่างมากเขาก็แค่ตำหนินาง

เสี่ยงชีวิตเพื่อไปลอบทำร้ายบุตรของเยียนอวิ๋นเฟยต้องชดใช้อย่างหนัก!

เนื่องจากมูลค่าที่ต้องชดใช้สูง เพียงแค่เด็กกำเนิดออกมาอย่างปลอดภัย หลังจากกำเนิดจึงจะยิ่งปลอดภัย

เมื่อเห็นบุตรสาวเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เซียวฮูหยินก็โล่งใจ

แต่ว่านางยังคงเอ่ยเตือน “เจ้าก็อย่าชะล่าใจ คนที่ติดตามเจ้ามาเมืองหลวงคราวนี้เชื่อถือได้หรือไม่”

เยียนอวิ๋นเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่วางใจ คนที่ปรนนิบัติอยู่ข้างตัวข้าเชื่อถือได้ทั้งสิ้น คนของท่านโหวแทบจะเข้าใกล้ตัวข้าไม่ได้ เมื่อพวกเขามีเรื่องรายงาน ข้าจะไม่พบเขาเพียงลำพัง ข้างกายข้ามีคนอยู่ด้วยเสมอ”

เซียวฮูหยินพยักหน้าระรัว “สมควรเป็นเช่นนี้! ไม่ว่าอยู่ที่ไหน เวลาใด ข้างกายเจ้าจะขาดคนไม่ได้ เวลานี้เจ้ามาถึงเมืองหลวงก็อย่าชะล่าใจ ตระกูลสือมีเชื้อสายแยกอยู่ในเมืองหลวง ไม่แน่ว่าคนเหล่านี้อาจไม่มีเจตนาดีต่อเจ้า อีกทั้งการสานสัมพันธ์ทั่วไปก็อย่าชะล่าใจ ผู้ใดจะรู้ว่าคนเหล่านี้จะถูกคนของตระกูลสือผูดมัดใจแล้วหรือไม่”

“ขอบพระคุณท่านแม่ ข้าจะระวังให้มาก”

ตระกูลสือมีกำลังทรัยพ์มาก หากคิดจะผูกมัดใจคนในเมืองหลวงย่อมสามารถทำได้

ตระกูลสือเป็นการมีอยู่ที่แข็งแกร่งกว่าตระกูลหลิงเสียอีก

เพราะตระกูลสือมีสืออุน

สืออุนเป็นคนที่นำพาตระกูลสือเดินทางมาถึงทุกวันนี้

สืออุนถือคติผู้ใดแข็งแกร่งผู้นั้นชนะ ผู้ใดมีความสามารถผู้นั้นได้รับความสำคัญ

ดังนั้นจึงทำให้บุตรของเขาแย่งชิงกันอย่างดุเดือด

แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์เป็นเรื่องปกติ

ส่วนตัวเขาลืมตาข้างหลังตาข้าง เพียงแค่ไม่อันตรายถึงชีวิตก็พอ

โชคดีที่เยียนอวิ๋นเฟยมีองครักษ์ห้าร้อยนายเป็นสินสอด

หากอาศัยกำลังของนางเพียงคนเดียวในการเปิดสถานการณ์เรือนด้านหลังของตระกูลสือคงเป็นเรื่องยากลำบาก

ถึงแม้สุดท้ายนางจะเปิดสถานการณ์ได้ แต่ย่อมเชื่องช้าอย่างมาก

แม่ลูกทั้งสองมีเรื่องที่คุยกันไม่จบสิ้น

เวลาส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องของสตรี

เยียนอวิ๋นเกอไม่สนใจ ดังนั้นจึงลุกขึ้นไปห้องครัวเตรียมอาหาร

“พี่ใหญ่มีครรภ์ กินปลาได้หรือไม่ ข้าทำปลาให้ท่านกิน”

เยียนอวิ๋นเฟยเม้มปากยิ้ม “ระหว่างทางมาเมืองหลวง เรื่องที่ข้าภาวนาที่สุดก็คือการได้ปลาที่เจ้าทำ ไม่ได้ลิ้มรสชาติมาหลายปี ข้าอยากกินอย่างมาก”

“พี่ใหญ่รอก่อน วันนี้รับรองทำให้ท่านพึงพอใจ”

เยียนอวิ๋นเกอไปเตรียมการ

เมื่อเยียนอวิ๋นฉีรู้ว่าพี่ใหญ่เดินทางมาถึงเมืองหลวง นางก็แทบอยากจะเดินทางมาจวนท่านหญิงทันที

แต่นางมีครรภ์ อีกทั้งใกล้กำหนดคลอดแล้ว ไม่สะดวกออกจากจวน ทำได้เพียงส่งคนมาทักทายที่จวนท่านหญิง

เยียนอวิ๋นเฟยรับปากว่าจะเดินทางไปเยือนน้องสาว อวิ๋นฉีที่จวนองค์ชายสองด้วยตนเอง

บ่าวรับใช้ของจวนองค์ชายสองจากไปอย่างพึงพอใจ

เยียนอวิ๋นเฟยถามเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา “น้องสองอภิเษกกับองค์ชายสองแล้วมีชีวิตที่ดีหรือไม่ เถาฮองเฮากลั่นแกล้งนางหรือไม่”

เซียวฮูหยินส่ายหน้า “เถาฮองเฮาเอาตัวไม่รอด ไม่มีเวลากลั่นแกล้งอวิ๋นฉี เวลานี้อวิ๋นฉีตั้งครรภ์ เถาฮองเฮานอกจากส่งคนมาเยี่ยมเยือนเป็นเวลาแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่น”

เยียนอวิ๋นเฟยเลิกคิ้ว “ตระกูลเถาอนาถเพียงนี้เชียวหรือ สถานการณ์ของฮองเฮาย่ำแย่เพียงนี้เชียวหรือ”

เซียวฮูหยินพูดเสียงเบา “นับแต่ตระกูลเถาน้อมรับพระราชโองการสังหารเหล่าท่านอ๋องเป็นต้นมา ตระกูลเถาก็ถูกลิขิตให้ล่มสลาย”

“หากพูดให้ถูกต้องคือนับแต่วันที่เซียวอี้ลอบสังหารนายท่านรองตระกูลเถาเป็นต้นมา มา ตระกูลเถาก็ถูกลิขิตให้ล่มสลาย” เยียนอวิ๋นเฟยกระจ่างต่อสถานการณ์ในเมืองหลวงอย่างมาก

เซียวฮูหยินพยักหน้า “เจ้าพูดถูก หากกล่าวตามจริง นับแต่วันที่เซียวอี้ลอบสังหารนายท่านรองตระกูลเถาเป็นต้นมา เซียวอี้รับตำแหน่งในกองทัพใต้ นายท่านรองตระกูลเถาตายอย่างเปล่าประโยชน์ ตระกูลเถาไม่อาจแก้แค้นได้ ทำได้เพียกล้ำกลืนความทุกข์นี้ลงไป”

เยียนอวิ๋นเฟยยิ้มเสียดสี “เถาฮองเฮามีความสามารถด้านการอดทนเสียจริง! ฮ่องเต้สังหารพี่น้องของนาง บังคับให้บิดาของนางตาย นางยังอดทนมาจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งยังต้องแสร้งรักใคร่กับฮ่องเต้ ช่างรู้สึกลำบากแทนนาง”

เซียวฮูหยินพูด “นางไม่อดทนก็ต้องอดทน นางไม่เพียงต้องคำนึงแทนตระกูลเถา ยังต้องคำนึงแทนบุตรของตนเอง องค์ชายสามมีความโดดเด่นในทุกด้าน อีกทั้งยังเป็นบุตรจากภรรยาเอก มีโอกาสอย่างมากที่จะได้ครองบัลลังก์ เวลานี้หากนางไม่อดทนย่อมเท่ากับตัดขาดอนาคตขององค์ชายสาม”

เยียนอวิ๋นเฟยพูด “ลำบากเถาฮองเฮาแล้ว ต้องอดทนในเรื่องที่คนทั่วไปอดทนไม่ได้ ช่างน่าศรัทธา”

“เหตุใดเจ้าจึงสนใจเรื่องของเถาฮองเฮาเพียงนี้” เซียวฮูหยินถามด้วยความสงสัย

เยียนอวิ๋นเฟยครุ่นคิดสักพัก “คราวนี้ข้าเข้าเมืองหลวงมายังมีอีกหนึ่งภารกิจก็คือดูองค์ชายแต่ละองค์”

เซียวฮูหยินได้ยินจึงตกใจ “ท่านโหวผิงอู่ สืออุนคิดจะเลือกฝ่ายหรือ”

เยียนอวิ๋นเฟยทั้งพยักหน้าทั้งส่ายหน้า “ท่านโหวคิดจะลงพนันกับองค์ชาย แต่ว่าเวลานี้ฮ่องเต้ทรงมีการกระทำเช่นนี้ บางทีเขาอาจมีแผนการอื่น”

เซียวฮูหยินขมวดคิ้วมุ่น นางโบกมือเป็นเชิงให้บ่าวรับใช้ถอยไป

เมื่อเหลือเพียงพวกนางแม่ลูก นางจึงพูดขึ้นอย่างจริงจัง “เจ้าบอกความจริงกับข้า ท่านโหวผิงอู่ สืออุนมีใจก่อกบฏใช่หรือไม่ เขาให้เจ้ามาเมืองหลวง ไม่เพียงสำรวจองค์ชายแต่ละองค์ใช่หรือไม่”

เยียนอวิ๋นเฟยพูด “ท่านแม่ ไม่สำคัญว่าท่านโหวคิดจะก่อกบฏหรือไม่ หากแผ่นดินสงบ สามัญชนดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ถึงแม้เขาคิดจะก่อกบฏ แต่ก็ทำได้เพียงหลบอยู่ในอวี้โจว ไม่กล้ามีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย แต่หากแผ่นดินเกิดความโกลาหล ถึงแม้เขาไม่มีความคิดที่จะก่อกบฏ แต่สถานการณ์ก็จะผลักเขาออกมา”

“เจ้า…”

อารมณ์ของเซียวฮูหยินซับซ้อนอย่างมาก บุตรสาวเติบโตแล้ว สุขุมมากขึ้นแล้ว

นางสูดลมหายใจเข้า พลันถาม “เจ้าเห็นด้วยกับการกระทำของท่านโหวผิงอู่ สืออุนหรือ”

เยียนอวิ๋นเฟยพูดอย่างมั่นใจ “ข้าเป็นภรรยาของเขา ย่อมต้องเดินหน้าถอยหลังร่วมกันเขา”

“เจ้าไม่กังวลหรือ” เซียวฮูหยินวิตกกังวล “มันเป็นเส้นทางที่ไม่อาจถอยหลังได้”

เยียนอวิ๋นเฟยหัวเราะเสียงเบา “ท่านแม่ นับแต่ข้าแต่งงานกับท่านโหวก็ไม่อาจถอยหลังได้แล้ว ไม่เดินหน้าไปพร้อมกับเขาก็ต้องถูกเนรเทศ ข้างกายของท่านโหวไม่ต้องการคนที่เป็นตัวถ่วง แม้แต่ภรรยาก็ไม่ได้”

เซียวฮูหยินกัดฟัน “สืออุนผู้นี้ช่างมีความทะเยอทะยาน ดูจากการสั่งสอนบุตรของเขาก็พอรู้ เจ้า เฮ้อ…ข้าไม่รู้ควรพูดอย่างไรดี ล้วนเป็นโชคชะตา!”

เยียนอวิ๋นเฟยพูดอย่างเคร่งขรึม “ท่านแม่ไม่ต้องกัวลแทนข้า ข้าไม่มีทางยอมรับในโชคชะตา ข้าจะเดินหน้าเพื่อแย่งชิง”

“ลำบากเจ้าแล้ว!”

เซียวฮูหยินสามารถจินตนาการชีวิตของบุตรสาวในตระกูลสือได้ นางย่อมต้องรู้สึกกดดัน ไม่กล้าชะล่าใจแม้แต่วินาทีเดียว

ตระกูลสือแตกต่างจากตระกูลหลิง

ตระกูลหลิงเหมือนเป็นบัณฑิตมากกว่า ทุกเรื่องย่อมยึดหลักกฎเกณฑ์

ตระกูลือเหมือนตระกูลแม่ทัพ ใช้ความสามารถในการพูด

การกระทำของสืออุนก็เป็นรูปแบบของแม่ทัพ

เยียนอวิ๋นเฟยแอบบอกข่าวหนึ่งแก่เซียวฮูหยิน “ท่านโหวแอบส่งกองกำลังทหารม้าสามพันนายเข้าไปในแคว้นซ่างกู่ แทรกซึมเข้าไปในกองทัพของท่านพ่อ”

เซียวฮูหยินหัวเราะเสียงเย็น “ตอนที่ท่านโหวผิงอู่ สืออุนปรากฎตัวในแคว้นซ่างกู่อย่างเงียบๆ ข้าก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา บิดาเจ้าช่วยสืออุนฝึกฝนกองกำลังทหารม้า เขาได้ประโยชน์ใด สืออุนใช้สิ่งใดแลกเปลี่ยนกับบิดาเจ้า”

เยียนอวิ๋นเฟยพูดเสียงเบา “ท่านโหวใช้อาวุธแลกเปลี่ยนกับท่านพ่อ”

อวี้โจวมีเหมืองเหล็กอุดมสมบูรณ์

ท่านโหวผิงอู่ สืออุนในฐานะชื่อสื่อแห่งอวี้โจว การโยกย้ายหินจากเหมืองเหล็กมาผลิตอาวุธไม่ใช่เรื่องยาก

เขาเลือกที่จะร่วมมือกับเยียนโส่วจ้านก็เป็นเพราะทั้งสองฝ่ายได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ

ฝ่ายหนึ่งต้องการอาวุธ อีกฝ่ายหนึ่งต้องการกองกำลังทหารม้า

ทั้งสองมีความเห็นตรงกัน สมบูรณ์แบบ!

เซียวฮูหยินพูด “สืออุนร่วมมือกับบิดาเจ้าก็มีผลดีต่อเจ้า เพียงแค่ยังร่วมมือกันอยู่ สืออุนย่อมจะยืนอยู่ฝ่ายเจ้า ปกป้องเจ้า”

[1]จ่างสื่อ หมายถึง หัวหน้าขุนนาง

———————————————-