ตอนที่ 293 เกริ่นสักหน่อย ตอนที่ 294 พิจารณาใหม่อีกครั้ง

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 293 เกริ่นสักหน่อย

ซ่งอิงกลอกตาใส่เขาโดยไม่ชักสีหน้า

พูดแบบนี้ราวกับว่าเขาไม่เคยเล่นการพนันมาก่อน

แต่ซ่งหม่านซานอายุสิบห้าสิบหกปีก็เข้าโรงพนันแล้ว นางจำได้ว่าในความทรงจำของเจ้าของร่างยังมีฉากที่ซ่งเหล่าเกินเดือดดาลต้องการเล่นงานซ่งหม่านซานอยู่เลย

ชายชราทนเขาได้ทุกอย่าง ยกเว้นก็แต่การเล่นพนัน นั่นมันผลาญครอบครัวเกินไป

นางไม่รู้เช่นกันว่าควรชมซ่งหม่านซานหรือไม่ พูดถึงการพนัน เขาเล่นพนันมาไม่น้อย แต่ดูเหมือนไม่เคยติดการพนันเลยสักครั้ง ถึงขั้นว่าหลายปีก่อนเขามีของกินเล่นในมือมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ แล้วยังเสียสละแบ่งให้บรรดาลูกสมุนที่ติดตามเขาอีกด้วย เงินที่ซื้อของเอามาจากไหนหรือ เดิมพันโกงพนันคนอื่นเขามาอย่างไรเล่า เอาเป็นว่าไม่ได้ได้มาอย่างชอบธรรม

คนผู้นี้จะว่าแย่ก็แย่ แต่กลับไม่แย่ถึงขั้นสุด

ที่น่าทึ่งคือไม่มีคนมาเอาเรื่องเอาราวถึงที่กับตระกูลซ่ง!

กระทำเรื่องแย่ๆ ก็เป็นทักษะฝีมือแขนงหนึ่งเช่นกัน ซ่งอิงอดเลื่อมใสไม่ได้

“คนในเมืองไม่เคยเห็นอะไรต่อมิอะไรที่แปลกตามาก่อน คนที่เคยเห็นลาก็มีไม่มากเสียด้วย หากต้องการให้มันหัวเราะจะปล่อยให้หัวเราะตรงหน้าประตูนี้ไม่ได้เช่นกัน ขืนคนอื่นได้ยินเข้าจะคิดว่ามันเป็นปีศาจไป ถึงเวลาจับเชือดแล้วถลกหนังเผาจะทำอย่างไรเล่า ถึงตอนนั้นเนื้อลาก็ยังไม่ตกมาถึงปากข้าด้วยซ้ำ” ซ่งอิงให้คนจูงต้าไป๋ออกไป

ลาใบหูยาว แต่ในรูหูมีขนไม่น้อย นางไม่รู้เช่นกันว่าต้าไป๋ได้ยินหรือไม่

“ถึงแบ่งมาให้ข้าก็ไม่กินเช่นกัน ข้าชอบต้าไป๋ที่สุดแล้ว” ซ่งอิงเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกประโยคด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง

“เอ้อร์ยา นี่สมองเจ้าปกติดีอยู่หรือไม่ ไม่ใช่เพราะเรื่องราวก่อนหน้านี้จึงตื่นตระหนกจนโง่เขลาไปแล้วกระมัง” ซ่งหม่านซานพูดถึงเรื่องที่ฮั่วหลินถูกลักพาตัวไป

ซ่งอิงสบถฮึ

“เมื่อครู่ท่านมีเรื่องจะหารือกับข้าไม่ใช่หรือ” ซ่งอิงกล่าว

“ใช่แล้ว!” ซ่งหม่านซานตบมือ เกือบลืมไปแล้วเชียว “ร้านเรานี่ดูท่าจะขายแต่ยาสระผมไม่ได้ เจ้าว่าเอาอะไรมาเพิ่มอีกดี แต่การจะคิดค้นตำรับอะไรขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเราไม่มีเงินซื้อเสียด้วยและเราเพิ่งเริ่มบุกเบิก คงไม่ใช่เรื่องดีนักหากจะหาหุ้นส่วนร้าน”

“อาสี่ ท่านมีความคิดอะไรแล้วสินะเจ้าคะ?” ซ่งอิงเอ่ยถาม

“ข้ารู้จักพ่อค้าเร่กลุ่มหนึ่ง พวกเขามีช่องทางนำเข้าสินค้า เพียงแต่ไกลหน่อยก็เลยค่อนข้างเปลืองค่าแรงและเวลา ตอนนี้พวกเราเพิ่งเปิดกิจการ ค่าแรงคนงานก็ไม่เท่าไรหรอก ไว้รอชื่อเสียงของยาสระชิงซือดังกระฉ่อนออกไปก็ใช้ได้แล้ว” ซ่งหม่านซานกล่าวตรงไปตรงมา “วันนี้เจ้ามาได้จังหวะพอดี ข้ากำลังเตรียมงานใหญ่สำหรับอีกสองวัน เจ้าลองดูสิ อีกสองวันก็จะถึงเทศกาลจงหยวนแล้ว ในเมืองต้องคึกคักแน่ ถึงเวลาข้าซื้อหน้าม้าสักห้าหกคนไปโพนทะนาเกี่ยวกับยาสระชิงซือร้านเรา รับประกันว่าขายดีแน่”

“ป่าวประกาศแต่เนิ่นๆ หน่อยไม่ดีกว่าหรือ” ซ่งอิงจงใจเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา

“เจ้ายังเยาว์วัยไม่รู้ประสีประสา ตอนที่ข้าเพิ่งมา ร้านค้าข้างเคียงซ้ายขวาล้วนชะเง้อคอยืดคอยาวมองดูกันเป็นแถว สองวันนั้นหากจัดอย่างครึกครื้นเกินไปจะทำให้ผู้คนเขาไม่พอใจเอาได้ แล้วยังมีพวกอาชีพเดียวกันนั่นอีก พวกนั้นกดพวกเราได้อยู่หมัด ข้ายอมเขาสองวัน พวกเขาเห็นตอนที่เปิดกิจการดูเงียบๆ ก็จะไม่แยแสและไม่เก็บพวกเราไปใส่ใจมากเช่นกัน”

“อีกทั้งหาคนมาเป็นหน้าเลยตอนเปิดกิจการออกจะดูปลอมไปหน่อย แขกเหล่านั้นฉลาดกันทั้งนั้น ไม่มีทางเชื่อเป็นแน่ เปิดกิจการไปแล้วสักระยะค่อยทำให้ครื้นเครง คนเขาก็จะคิดว่ามีคนมาซื้อไปใช้แล้วคิดว่าดีอย่างไรเล่า” ซ่งหม่านซานกล่าวขึ้นอีก

ซ่งอิงยกนิ้วโป้งให้ “ท่านอาสี่นี่เก่งกาจจริงๆ”

เทศกาลจงหยวนนี้เป็นเทศกาลสำคัญ อย่าว่าแต่ในเมืองเลย แม้แต่หมู่บ้านชนบทก็ครึกครื้นเช่นกัน

ประกอบพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว จงหยวนผู่ตู้[1] เซ่นไหว้ผืนดิน ลอยโคมประทีป เซ่นไหว้วิญญาณ จุดเทียนหอมและมีกิจกรรมอีกมากมายเชียวละ ช่วงเวลานี้มีผู้คนมาร่วมงานในเมืองมากมาย มีคนออกมาลอยโคมก็ย่อมมีคนออกมาซื้อของ

“อาสี่ก็อย่าเพิ่งร้อนใจไป ท่านขายยาสระชิงซือไปก่อน ไว้อย่างมากสุดสักหนึ่งเดือนเราก็มีของเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างแล้ว ถึงเวลามีแต่รายรับจนเกรงว่าท่านจะนับไม่ไหวแน่ๆ” ซ่งอิงกล่าว

ซ่งหม่านซานได้ฟังก็เข้าใจทันที หลานสาวคนรองของเขาไม่ใช่คนโง่เขลา แต่ดันชอบทำตัวเป็นสาวน้อยผู้อ่อนน้อม นางจึงไม่พูดจามากความ เพียงแค่คลี่ยิ้ม “เอ้อร์ยา เจ้าลองเกริ่นให้อาสี่ฟังสักหน่อย เจ้ามีแผนจะทำสิ่งใดอีกหรือ”

ตอนที่ 294 พิจารณาใหม่อีกครั้ง

ทำอะไรน่ะหรือ ซ่งอิงขออภัยที่หนังหน้าหนาไปหน่อย บัดนี้เลยรู้สึกอายเล็กน้อย

ที่นางต้องการทำแน่นอนว่าเป็นสบู่ข้ามภพพร้อมสามอาวุธพิเศษ[2]

หลายวันมานี้นางได้เสาะถามมาบ้างแล้ว ยุคสมัยนี้มีสารที่มีฤทธิ์เป็นด่างตามธรรมชาติ ถึงไม่มีโซดาไฟ ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง ไว้กลับไปเอาสารที่เป็นด่างตามธรรมชาติมาทำปฏิกิริยากับปูนขาวหน่อยก็ออกมาเป็นโซดาไฟได้แล้ว ส่วนกรรมวิธีหลักๆ ต้องทดลองดูเสียก่อน

เมื่อมีโซดาไฟ สบู่ของนางก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม

แน่นอนว่าขี้เถาจากซากพืชก็ใช้ได้เช่นกัน เพียงแต่วิธีการวุ่นวายเกินไป

นางอยากทำกิจการค้าขายสบู่ หากจะใช้ขี้เถาจากซากพืช ไม่รู้ว่าต้องเผาหญ้ามากมายเท่าไร จะเป็นการดึงดูดสายตาผู้คนเกินไป อีกอย่างเมื่อถูกน้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่างก็จะเกิดสีเล็กน้อย กลัวว่าจะดูไม่สวยงาม

“อาสี่ก็ไม่ต้องคาดหวังจนเกินไปหรอกเจ้าค่ะ เป็นเพียงแค่ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ถึงเวลาข้าจะพยายามทำออกมาหลายๆ กลิ่น ถึงตอนนั้นก็จะทำให้ร้านค้าเราดูเต็มขึ้นมาหน่อย” ซ่งอิงกล่าว

ซ่งหม่านซานกลับหัวเราะออกมา “ของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน? เช่นนั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว! ขอเพียงเจ้าไม่เอาผลไม้ตากแห้งมาวางไว้เต็มร้าน ข้าขายได้สบายมากทั้งนั้น!”

“ผลไม้ตากแห้ง?” ซ่งอิงขมวดคิ้ว

“ก็ใช่น่ะสิ ไม่รู้ว่าอาสะใภ้สามเจ้าคิดอย่างไรจึงได้ให้อาสะใภ้สี่นำคำมาบอกข้าว่าที่บ้านกินเนื้อผลซิ่งกันไม่หวาดไม่ไหว พอจะเอามาวางขายในร้านเราได้หรือไม่ นางคิดว่าไม่ควรทำให้เจ้าไม่พอใจจึงไม่กล้าเอ่ยปาก แต่คิดว่าว่าข้าจะยินยอมตกลงหรืออย่างไร เลยถูกข้าบ่นกลับไปแล้ว” ซ่งหม่านซานสบถฮึ

“ก่อนหน้านี้อาสะใภ้สามเก็บผลซิ่งมาเยอะเกินไป เนื้อผลซิ่งที่เหลือต่อให้แจกจ่ายก็ไม่มีใครต้องการหรอก” ซ่งอิงหัวเราะ นางเคยชินเสียแล้ว

ตระกูลตัวเองมีร้านค้าแล้ว ในสายตาอาสะใภ้สาม ช่วยขายเนื้อผลซิ่งนิดๆ หน่อยๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่

ต่อให้เนื้อผลซิ่งไม่อร่อย ขายได้สักหนึ่งจินก็ยังดี นางไม่คิดอะไรมากไปกว่านั้น และยิ่งไม่คิดว่าจะเกิดผลกระทบใดต่อร้านค้า

เมื่อนึกขึ้นได้ ซ่งอิงพลันมุ่นคิ้ว “ข้าคิดไว้ด้วยว่าจะให้ท่านแม่ข้าร่วมกันขายของกินกับอาสะใภ้สาม”

“หากเจ้าให้อาสะใภ้สามเจ้าทำกันเองคงค่อยยังชั่วหน่อย นางจะทำให้ฐานะครอบครัวตัวเองดีขึ้นมาได้แน่ แต่ถ้าให้ทำกับพี่สะใภ้รอง ไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดความขัดแย้ง เจ้าเป็นเด็กรุ่นหลัง ไม่ค่อยเข้าใจในตัวนางสักเท่าไร แต่ข้าน่ะรู้ดีเชียวละ พี่สะใภ้สามนั้นตระหนี่ถี่เหนียวขั้นสุด หลานเซิ่ง หลานเวยและหลานอู่เป็นลูกชายของนางแท้ๆ เจ้าก็คงพอรู้นะว่าเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่มีสภาพเช่นไร?” ซ่งหม่านซานหัวเราะเหยียดหยามแล้วเอ่ยถาม

“ข้าจะรู้ได้อย่างไรกัน!” ซ่งอิงพูดไม่ออก

ลูกพี่ลูกน้องทั้งสามล้วนเป็นผู้ชาย นางจะรู้มากมายขนาดนั้นเสียที่ไหนกันเล่า

“ก็จริง” ซ่งหม่านซานยิ้มเจื่อน “ตอนที่พ่อเฒ่าฉลองวันคล้ายวันเกิดครอบรอบหกสิบปี ข้าบังเอิญเห็นว่าเสื้อผ้าตัวในที่หลานเซิ่งใส่ขาดวิ่นหมดแล้ว เย็บแล้วเย็บอีกปะแล้วปะอีก ข้าถามเขาว่าเหตุใดจึงไม่เปลี่ยนเป็นตัวใหม่ เขาเอ่ยว่าแม่เขาเสียดายเกินกว่าจะทิ้ง! ต้องเก็บหอมรอมริบเงินไว้ให้พวกเขาแต่งเมีย!”

“ถุย! ไม่รู้จักมองการณ์ไกลเอาเสียเลย! เด็กหนุ่มดีๆ สามคน กลับเลี้ยงอย่างอดๆ อยากๆ แม้แต่เสื้อผ้าใหม่สักตัวยังไม่มีให้สวมใส่ แล้วจะหาภรรยาดีๆ ได้หรือ เห็นหญิงสาวเหล่านั้นเป็นพวกโง่เขลาหรือไร ต่อให้พวกนางเป็นคนโง่ แต่ผู้อาวุโสในครอบครัวก็มองออกนี่ ครอบครัวคนตระหนี่ถี่เหนียวไม่มีวันได้ใช้ชีวิตสุขสบายหรอก แล้วจะกล้าให้แต่งเข้าครอบครัวพวกเขาได้อย่างไรเล่า!” ซ่งหม่านซานหัวเราะเยาะ ทำท่าทางดูถูกพี่สะใภ้สามของเขาอย่างมาก

ซ่งอิงรู้ว่าเจียวซื่อตระหนี่ถี่เหนียว แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะขี้เหนียวขนาดนี้

จะว่าไป…

ครอบครัวอาสะใภ้สามก็ค่อนข้างลำบากตรากตรำ ต้องเลี้ยงดูบุตรตั้งสี่คน พ่อเฒ่าก็แบ่งที่ดินให้บ้านสามมากที่สุด คงไม่ถึงขั้นเย็บเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ลูกใส่ไม่ได้กระมัง

ซ่งอิงอดพินิจพิจารณาอย่างหนักครู่หนึ่งไม่ได้

หากเพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างประหยัดในแต่ละวัน นางคิดว่านี่ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง ตอนทำกิจการก็จะไม่ถูกคนเอาเปรียบและขาดทุน

แต่หากถึงขั้นเสียสละเพื่อลูกชายไม่ได้ เช่นนั้นอาสะใภ้สามก็ยิ่งเสียสละเพื่อมารดานางไม่ได้ไปกันใหญ่ อีกทั้งของที่ขายให้ผู้อื่นหากขาดนี่ขนาดนั่น…

—————————

[1] จงหยวนผู่ตู้ (中元普渡) เป็นงานที่จัดขึ้นตามความเชื่อของชาวจีน โดยจัดตั้งแต่วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ในช่วงเทศกาลดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเซ่นไหว้บูชาวิญญาณบรรพบุรุษ และยังมีวัตถุประสงค์อีกประการคือการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณไร้ญาติ

[2] สามอาวุธพิเศษ (三大法宝) ในที่นี้หมายถึงหลักการสำคัญของพรรคเหมาเจ๋อตุง 3 ประการอันได้แก่ สร้างความเข้มแข็งให้กับงานแนวหน้าที่เป็นเอกภาพ เสริมสร้างความทันสมัย และเพิ่มความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง