ตอนที่ 257 เฉียวฉู่ (1)
เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์นี้ของเขา จวินอู๋เสียก็จำได้ในทันที ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่คนที่ขายตำราโบราณให้นางตอนอยู่ในเมืองผีนั้นหรอกหรือ
เพราะเขาล้างหน้าล้างตาจนสะอาดสะอ้าน นางจึงจำเขาไม่ได้
“จำข้าได้แล้วหรือยัง” ชายหนุ่มกะพริบตาและมองนางอย่างมีความหวัง
“เป็นเจ้าเองหรอกหรือ” จวินอู๋เสียตอบเสียงเรียบ
ชายหนุ่มเช็ดใบหน้าของเขาแล้วพูดว่า “ในที่สุดเจ้าก็จำข้าได้”
จวินอู๋เสียพยักหน้ารับเล็กน้อย นางเคยไปปรากฏตัวในเมืองผีด้วยการแปลงโฉมเพียงครั้งเดียว แต่ผ่านมาหลายเดือนแล้วชายหนุ่มผู้ร่าเริงคนนี้ก็ยังจำหน้านางได้
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเองก็จะมาที่สำนักชิงอวิ๋นด้วย แต่ดูเจ้าไม่น่าจะต้องการอะไรจากที่นี่ไม่ใช่หรือ” ชายหนุ่มถามพลางยกแขนเสื้อของเขาขึ้นเช็ดหน้าจนสะอาด ตอนที่เขาเห็นจวินอู๋เสียจากที่ไกลๆ ตอนแรกยังคิดไปว่าตัวเองตาฝาด ด้วยอย่างไรก็คิดไม่ตก ต้องรู้ก่อนว่าทักษะการปรุงยาของเด็กหนุ่มตรงหน้านี้เหนือล้ำยิ่งกว่าศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเสียอีก เขาไม่เข้าใจว่าจวินอู๋เสียจะถ่อมาตั้งไกลเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์สำนักชิงอวิ๋นเพื่ออะไร
จวินอู๋เสียมองเหลือบมองชายหนุ่มที่แสนตรงไปตรงมานี้ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
คลับคล้ายกับจะตระหนักได้ถึงสายตาที่มองมาราวกับจะบอกว่าอย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องของจวินอู๋เสีย ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างหดหู่ รีบร้อนอธิบาย แก้ตัวไปว่า “ข้าไม่ได้พยายามสอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านะ เพียงแต่ข้าแค่ดีใจที่มีคนที่ข้ารู้จักมาที่นี่ด้วย ก็เลยตื่นเต้นเกินไปหน่อยก็แค่นั้น”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นมองเขาเบาๆ นางไม่เห็นรู้เลยว่าตัวเองไปสนิทสนมกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ตอนไหน
แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้สะทกสะท้านต่อสายตาที่มองมาอย่างเย็นชาของจวินอู่เสียเลยสักนิด กลับกันเขายิ่งกระตือรือร้น พยายามที่จะใกล้ชิดสนิทสนมกับนางมากขึ้นเรื่อยๆ
สวนทางกับเด็กหนุ่มอีกคนที่เพิ่งถูกจับโยนออกไปจากจุดที่ยืนอยู่เมื่อสักครู่ หลังจากร่างของเขากระแทกกับต้นไม้ เขาก็ใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะหยัดตัวลุกยืนขึ้นมาได้ เขาเอามือจับก้นของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด ถลึงตาจ้องใส่ชายหนุ่มที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาแล้วทำร้ายเขาด้วยความโกรธแค้น
“เจ้าเป็นบ้าอะไรของเจ้ากัน! กล้าดีอย่างไรถึงได้มาลงมือกับข้าแบบนี้!” เด็กหนุ่มที่ถูกจับโยนออกไปจนร่างกายสะบักสะบอม ชี้หน้าด่าชายหนุ่มที่ลงมือทำร้ายเขาท่ามกลางการประคองและช่วยเหลือของสหายกลุ่มเดียวกัน
จะโอหังเกินไปแล้ว! ดูก็รู้แล้วว่าไอ้หมอนี่เป็นเพียงยาจกข้างถนนคนหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันกระโดดโผล่ออกมาจากที่ไหนถึงได้กล้ามาทำร้ายเขา จับเขาโยนออกไปจนหน้าทิ่มพื้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาเกือบจะหมดสติไปแล้ว!
ชายหนุ่มทำเพียงปรายตามองเด็กหนุ่มอย่างไม่แยแส ก่อนจะหันกลับมาแนะนำตัวกับจวินอู่เสียด้วยท่าทางระริกระรี้ว่า “จริงสิ ข้าชื่อเฉียวฉู่ แล้วเจ้าล่ะ”
จวินอู๋เสียหยุดมองไปที่ชายหนุ่มที่คุ้นเคยพักหนึ่ง ผ่านไปกว่าอึดใจถึงเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบว่า “จวินเสีย”
ฝั่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล กลิ่นอายโทสะของเด็กหนุ่มระเบิดออกไปในอากาศอีกครั้ง เห็นว่าชายหนุ่มที่ชื่อว่าเฉียวฉู่ไม่แม้แต่จะสนใจเขาเลย แถมยังก้าวขึ้นไปแนะนำตัวกับไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนอย่างสนิทสนม เขาก็กำหมัดแน่น เตรียมชกไปที่หน้าของเฉียวฉู่ด้วยความโกรธ
“ไก่อ่อนปวกเปียกอย่างเจ้า ข้าเพียงคนเดียวก็ล้มได้เป็นสิบตัว!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยการคุกคามและข่มขู่อย่างเห็นได้ชัด
เขาอยากจะเห็นไอ้หนุ่มที่ชื่อว่าเฉียวฉู่เจ็บปวดทุกข์ทรมานกับหมัดของเขา จินตนาการถึงสภาพที่อีกฝ่ายกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว คุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิตอยู่ใต้แทบเท้าของเขา เด็กหนุ่มก็สั่นเทา แววตาเปี่ยมไปด้วยความมาดร้าย
จวินอู๋เสียเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมาบ้างเล็กน้อยแล้ว เหลืออีกเพียงสองนาทีก่อนที่เวลาจะสิ้นสุดลง นางไม่ได้วางแผนที่จะมาเสียเวลากับเจ้าพวกโง่พวกนี้
จวินอู๋เสียก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วโยนสมุนไพรที่อยู่ในมือของตนให้กับเด็กหนุ่มที่ตะโกนแหกปากลั่นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ไสหัวไปซะ”
ชายหนุ่มในสภาพใบหน้าเปื้อนดินโคลน เสื้อผ้ามีรอยฉีกขาดเบิกตากว้างทันทีที่เห็นสิ่งที่ตกลงบนพื้นตรงหน้าเขา เขารีบก้มไปหยิบมันขึ้นมา เมื่อเห็นแล้วว่าไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนตรงหน้านี้มันโยนสมุนไพรที่เขาต้องการมาให้จริงๆ ความโกรธฉับพลันก็มลายหายไป เขาตบแขนเสื้อของตัวเองอย่างโอหัง คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าต้องหวาดกลัวเขาแน่ๆ ถึงได้ยอมมอบหญ้าแสวงหาให้กับเขา ก็ให้ได้ใจใหญ่ แค่นเสียงพูดใส่หน้าจวินอู๋เสียกลับมาอย่างเหนือกว่าว่า
“เหอะ นับว่าเจ้ายังพอมีสมองอยู่บ้าง! ไปกันเถอะพวกเรา!” เขาจะปล่อยไอ้เด็กนี่ไปก่อนก็ได้ ในเมื่อตอนนี้เขาได้หญ้าแสวงหามาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับไอ้หนูนี่อีก เพียงแค่หญ้าในมือของเขาต้นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแบ่งให้กับสหายของเขาพอที่ทุกคนจะสอบผ่านเข้าสำนักได้
เฉียวฉู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างเบิกตากว้าง มองดูการกระทำทั้งหมดนี้ของจวินอู๋เสียอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“เจ้า…เจ้าโง่ไปแล้วรึ!”
ตอนที่ 258 เฉียวฉู่ (2)
จวินอู๋เสียไม่สนใจว่าเฉียวฉู่จะหดหู่กับการกระทำนี้ของนางหรือไม่ นางหันหลังกลับและเดินไปที่กองสมุนไพรกองใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะรื้อค้นหาหญ้าแสวงหาที่สมบูรณ์กว่าต้นเมื่อสักครู่นี้ออกมา แล้วเดินไปรายงานภารกิจโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่นิดเดียว
เฉียวฉู่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิมตรงนั้น จนกระทั่งจวินอู๋เสียเดินห่างออกไปไกลแล้ว เขาถึงเพิ่งได้สติแล้วรีบวิ่งไล่ตามหลังนางขึ้นไป
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถ แต่เจ้าก็ไม่ควรให้เจ้าพวกสาระเลวพวกนั้นเอาเปรียบเจ้าสิ” เฉียวฉู่ไม่เคยสงสัยในความแข็งแกร่งของจวินอู๋เสีย แต่เขาก็อดอารมณ์เสียไม่ได้เมื่อคิดว่าเจ้าพวกไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำพวกนั้นจะได้ผลประโยชน์ไปจากนางเปล่าๆ ปลี้ๆ
การได้พบกับจวินอู๋เสียอีกที่นี่ครั้ง ได้สร้างประหลาดใจอย่างมากแก่เฉียวฉู่
ตอนนั้นหลังจากที่เขากลับไปจากเมืองผี แม้ในมือของเขาจะมีไข่มุกบูรพา แต่หลังจากที่เขาบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองผีให้กับเหล่าสหายของเขาได้ฟัง เขาก็ถูกกลุ่มสหายรุมดุด่าและต่อว่าว่าเป็นคนงี่เง่าไปพักใหญ่ พวกเขายังบอกให้เขารีบกลับไปที่เมืองผีอีกครั้งแล้วไปหาเด็กหนุ่มที่เคยทำการค้าร่วมกับเขาให้เจอด้วย ทว่ารอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นวี่แววของเด็กหนุ่มเสียที จนวันเวลาล่วงเลยผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน เมื่อไม่เห็นเด็กหนุ่มที่รอก้าวกลับเข้ามาในเมืองผีอีก จึงได้แต่คอตกกลับไป เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำเอาเขาเจ็บปวดจนแทบกระอักโลหิตออกมา
ผู้ใดจะรู้ว่าเด็กหนุ่มที่เขาตามหาอย่างยากเย็นแสนเข็ญนั้น กลับมาปรากฏตัวอยู่ในการทดสอบศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นนี้!
เฉียวฉู่ตัดสินใจแล้ว แม้คราวนี้เขาจะถูกมองว่าหน้าด้าน ทำตัวเป็นปลิงเกาะไม่ยอมปล่อย เขาก็จะติดตามและไม่ยอมอยู่ห่างจากจวินอู๋เสียแม้แต่ก้าวเดียว เขาจะไม่มีวันปล่อยอัจฉริยะตัวน้อยนี้ที่เขาตามหาเลือดตาแทบกระเด็นหลุดมือไปอีกแล้ว!
ตกลงปลงใจกับตัวเองได้แล้วว่าจะล่อลวงและลักตัวจวินอู๋เสียให้มาอยู่กับตน เฉียวฉู่ก็ระบายลมหายใจออกมา ช่างเถอะ เจ้าพวกโง่นั้นได้ประโยชน์จากจวินเสียไปแล้วก็แล้วไป หากไม่ใช่เพราะเขายังมีเรื่องต้องไปจัดการในสำนักชิงอวิ๋น เขาจะอัดไอ้หนูพวกนั้นให้หน้าบวมจนมารดาของพวกมันจำหน้าพวกมันไม่ได้เลย!
รอจนจวินอู๋เสียนำหญ้าแสวงหาต้นใหม่ไปส่งมอบภารกิจ เฉียวฉู่ก็ไม่มาวอแวข้างหูนางให้รำคาญใจอีก จวินอู๋เสียสูดหายใจเข้าลึก นางหันไปมองเฉียวฉู่…
แบบนี้รู้สึกสงบขึ้นมากจริงๆ
เฉียวฉู่ผงะ กะพริบตามองนางเหมือนถูกใส่ร้าย
“ของของข้า ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถชิงมันไปจากมือของข้าได้” จวินอู๋เสียพูดโพล่งขึ้นมาดื้อๆ นางส่งสมุนไพรในมือให้กับศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเพื่อให้พวกเขาตรวจสอบ หลังจากการทดสอบด่านแรกผ่านไปได้แล้ว เฉียวฉู่ที่ตามหลังนางมาติดๆ ก็ยื่นสมุนไพรในมือของตัวเองให้พวกเขาตรวจสอบบ้าง ช่วงเวลาสั้นๆ นี้เขาไม่อาจทำความเข้าใจกับคำพูดที่ไม่มีที่มาที่ไปนี้ของจวินอู๋เสียได้เลย
เฉียวฉู่กะพริบตาด้วยความสับสน ทว่าทันใดนั้นเองเสียงร้องตะโกนและคำสาปแช่งก็ดังมาจากอีกฝั่งที่อยู่ไม่ไกล เฉียวฉู่หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นว่าที่มาของเสียงนั้นคือกลุ่มเด็กอันธพาลที่มาข่มขู่เอาสมุนไพรไปจากมือของจวินอู๋เสียเมื่อสักครู่นี้นี่เอง พวกเขากำลังโต้เถียงกับศิษย์สำนักชิงอวิ๋นที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสมุนไพรอย่างหน้าดำคร่ำเครียด
หนึ่งในนั้นยื่นมือออกไป สมุนไพรที่อยู่ในมือของเขาไหนเลยจะยังมีความสดใหม่และคงเอกลักษณ์ของหญ้าแสวงหาอยู่ มันทั้งเหี่ยวแห้งและดำคล้ำ แต่ที่น่าประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นคือมือของชายหนุ่มที่ถือสมุนไพรต้นนั้นอยู่ บัดนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำจางๆ แล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังติดพิษ!
เฉียวฉู่หดคอกลับมาด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน คิดถึงคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของจวินอู๋เสีย ไม่รู้ทำไมแต่ร่างกายของเขาหยุดสั่นไม่ได้เลย
ไอ้หนุ่มสองคนนั่นที่กล้ามาแย่งสมุนไพรไปจากมือของจวินเสียช่างรนหาที่ตายโดยแท้! พวกนั้นคงไม่เคยคิดเลยกระมังว่าฝันหวานที่พวกมันได้ไปนั้นจะเร่งเวลาตายทำให้พวกมันได้ไปพบกับยมบาลเร็วขึ้น สมน้ำหน้าจริงๆ!
ว่าแต่ จวินเสียไปแอบใส่ยาพิษลงในสมุนไพรต้นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เฉียวฉู่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว พยายามนึกย้อนไปถึงสถานการณ์ตอนนั้นให้ได้มากที่สุด
จวินอู๋เสียลงมือเมื่อไหร่ น่ากลัวว่าคงมีเพียงนางเท่านั้นที่รู้!
พลังวิญญาณของนางแม้ว่าจะพัฒนาและยกระดับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วมากในช่วงเวลาสั้นๆ แต่พลังระดับสีส้มก็ไม่นับว่าเป็นอะไรเลยสำหรับผู้คนบนโลกใบนี้ จุดประสงค์หลักที่จวินอู๋เสียอุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่ นางไม่ได้มาเพื่อเที่ยวเล่นแต่มาพร้อมกับปณิธานที่ยิ่งใหญ่อย่างการต้องล้มล้างสำนักชิงอวิ๋นให้ได้ แล้วแบบนี้นางจะมามือเปล่าโดยไม่มีการเตรียมการอะไรไว้เลยได้อย่างไรกัน
จวินอู๋เสียสวมกำไลข้อมือที่ไม่สะดุดตาไว้บนข้อมือข้างหนึ่ง เนื่องจากมันถูกซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อ จึงไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งนี้
อย่างไรก็ตามกำไลธรรมดาๆ นี้กลับมีพิษร้ายแรงที่แตกต่างกันถึงเจ็ดชนิดถูกซ่อนเอาไว้ มันสามารถปลิดชีวิตผู้คนได้ในพริบตาเพียงแค่สัมผัสโดน