บทที่ 138 แก้กลของซุนซื่อ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ตอนที่ 138 แก้กลของซุนซื่อ

ตอนที่ 138 แก้กลของซุนซื่อ

“ใช่แล้ว ๆ เฮ้อ อย่าพูดเลย ซุนซื่อช่างใจกว้าง! ขนาดเฉาซื่อหาเรื่องซุนซื่อแล้วบอกว่าซุนซื่อตระหนี่เรื่องเงินสิบตำลึงและตบหน้านางอย่างแรง แม้แต่กู้ฉวนโซ่วก็ทนไม่ไหวจนเกือบจะหย่ากันแล้ว”

“ไม่แปลกใจเลย! ไม่แปลกใจเลย ใช่แล้ว ซุนซื่อใจดีมาเยี่ยมกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ทำไมนางถึงโดนไอ้เด็กบ้าทุบตี หึ ๆ ดูสิ พวกผู้ใหญ่ก็ไม่โต้กลับ เด็กพวกนี้นี่………”

“ไม่ มันเหมือนขอทานที่หาของกินทั้งวัน ถ้าครั้งนี้ทุบตีซุนซื่อ ไม่ใช่แค่ต้องการระบายความโกรธ แต่โทษซุนซื่อที่ไม่ดูแลพวกเขา……”

“หึ ๆ นี่ไม่ใช่แม่แท้ ๆ นะ ถ้าคนอยากดูแลก็ดูแลได้ ถ้าไม่ดูแลก็ให้ผ่านไป มาลงไม้ลงมือเช่นนี้ได้อย่างไร……”

“ใช่แล้ว……” สตรีผู้หนึ่งทนไม่ไหว นางก้าวไปข้างหน้าแล้วช่วยพยุงซุนซื่อลุกขึ้นพลางปัดฝุ่นบนตัวให้นาง “เพราะเห็นแก่ทุกคนแท้ ๆ เจ้าเป็นคนใจดี แต่คนอื่นกลับไม่เห็นค่า เจ้าไม่ตอบโต้เมื่อถูกเด็กพวกนี้ทุบตี ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ ฮึ่ม……” หลังจากพูดจบ นางก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชาและมองดูพวกกู้เสี่ยวหวานด้วยความรังเกียจ

สตรีที่พูดคือกุ้ยซื่อ

กุ้ยซื่อไม่ชอบพวกกู้เสี่ยวหวานมานานแล้ว เพราะนางเห็นว่าพวกเขาตัดเสื้อผ้าใหม่โดยไม่รู้ว่าหาเงินได้จากไหน พวกเขาเต็มใจบอกครอบครัวจาง แต่กลับปฏิเสธที่จะบอกตน มันช่างน่าหงุดหงิดนัก…

เมื่อกู้เสี่ยวหวานยืนตรงหน้าสตรีคนนี้ นางก็รู้แล้วว่าสตรีผู้นี้เป็นใคร

ตามคำกล่าวที่ว่าหนูกับงูอาศัยอยู่ในรังเดียวกัน* และนี่เป็นเรื่องจริง ซุนซื่อช่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย และกุ้ยซื่อก็ใจแคบ

*คนเลวจะสมรู้ร่วมคิดกัน

กู้หนิงผิงได้ยินพวกชาวบ้านกล่าวหาพวกเขาอย่างหยาบคาย เขาก็เกิดบันดาลโทสะขึ้นมา แต่เมื่อมีชาวบ้านหลายคนมารวมตัวกันที่นี่ กู้เสี่ยวหวานที่ยืนเคียงข้างกู้หนิงผิงเห็นว่าเขาทนไม่ไหวและอยากจะพูดอธิบาย นางกลับดึงตัวเขาไว้เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าเขาควรจะสงบลง

กู้หนิงผิงรู้ดีว่าพี่สาวของเขาหมายถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงระงับโทสะในใจของเขา หลังจากฟังคำพูดของชาวบ้านแล้ว โทสะในใจของเขาก็แทบจะระเบิด เขาจ้องมองซุนซื่ออย่างเคียดแค้น ดวงตาของเขาบวมแดงก่ำด้วยความคับแค้นใจ

ซุนซื่อไม่เคยเห็นสายตาของเด็กที่สามารถทำให้คนกลัวได้ หลังจากนางพูดจบก็ทำท่าจะหนีไป อย่างไรเสียพวกชาวบ้านก็อยู่เคียงข้างนาง ต่อให้เรื่องราวจะยังไม่คลี่คลาย นางก็ไม่ได้เสียหน้า เกรงว่าเมื่อกู้เสี่ยวหวานโต้กลับและพูดความจริงออกมา ไม่เพียงแต่นางจะเสียหน้าแล้ว นางยังเสียความน่าเชื่อถือไปด้วย และมันก็จะจบเห่

ซุนซื่อลูบมือกุ้ยซื่อและกล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า “ท่านพี่ ขอบคุณนะเจ้าคะ เฮ้อ พวกเด็ก ๆ คงยังไม่ยอมยกโทษให้ข้า ข้าเลยว่าจะกลับไปก่อน”

หลังจากพูดจบ นางก็ทำท่าจะจากไป แต่กู้เสี่ยวหวานจะปล่อยให้นางพูดเรื่องไร้สาระและใช้ข้อได้เปรียบทั้งหมดจากไปแบบนี้ได้อย่างไร?

“ท่านป้า ท่านอย่าเพิ่งไป” กู้เสี่ยวหวานก้าวไปข้างหน้า และพูดรั้งซุนซื่อที่ต้องการจะจากไป

“ท่านป้า น้องชายของข้าตีท่าน เป็นน้องชายของข้าที่ผิด ดังนั้นข้าจะขอโทษท่านที่นี่” ไม่มีใครคิดเลยว่าหลังจากพูดจบแล้ว กู้เสี่ยวหวานจะคุกเข่าลงและโขกหน้าผากลงคำนับกับพื้น

เดิมทีซุนซื่อต้องการจะจากไป แต่กลับไม่คาดคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะคุกเข่าลง นางทำได้เพียงมองดูกู้เสี่ยวหวานเอาหน้าผากกระแทกพื้นอยู่ที่นั่น จะไปก็ไม่ดี ไม่ไปก็ไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“ท่านพี่ ท่านคุกเข่าทำไม?” โทสะของกู้หนิงผิงกลายเป็นความงุนงง ต่อหน้าหญิงชั่วร้ายคนนี้ พี่สาวกลับคุกเข่าขอโทษนาง ทำให้เขาทำท่าจะก้าวไปข้างหน้าและดึงกู้เสี่ยวหวานขึ้น

กู้หนิงอันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นการเคลื่อนไหวของพี่สาว และเข้าใจในทันทีว่าพี่สาวของเขาหมายถึงอะไร

การเคลื่อนไหวของพี่สาวคือการป้องกันไม่ให้ซุนซื่อกลับไปต่อหน้าทุกคน ถ้าซุนซื่อกลับไปไม่ได้ พี่สาวก็จะมีโอกาสโต้กลับเป็นธรรมดา

กู้หนิงอันเห็นว่ากู้หนิงผิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงพี่สาวขึ้น เขาก็กลัวว่ากู้หนิงผิงจะขัดขวางแผนการของพี่สาว ดังนั้นเขาจึงรีบสะกิดมือของกู้หนิงผิง

“ท่านพี่…… ท่านพี่……” กู้หนิงผิงไม่คิดว่าพี่ชายจะรั้งตนเองไว้ จึงมองซ้ายทีขวาที คนหนึ่งคุกเข่าลงต่อหน้าสตรีผู้โหดเหี้ยม ส่วนอีกคนก็รั้งเขาไว้ไม่ให้มาข้างหน้า ไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้ และหัวใจก็เต็มไปด้วยความสงสัย

“อย่าไป นี่เป็นความตั้งใจของท่านพี่!” กู้หนิงอันกระซิบข้างหูของกู้หนิงผิง กู้หนิงผิงจึงมองไปที่กู้หนิงอันอย่างสงสัย และกู้หนิงอันก็พยักหน้าให้เขา หมายความว่าควรใจเย็น กู้หนิงผิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้ ยืนอยู่ข้างพี่ชายของเขาและมองพี่สาวโขกหน้าผากลงกับพื้นเพื่อขอโทษซุนซื่อ

กู้เสี่ยวหวานโขกหน้าผากกระแทกพื้นสามครั้ง หลังจากโขกคำนับเสร็จ โดยไม่รอให้ซุนซื่อพูด กู้เสี่ยวหวานก็ยืนขึ้นด้วยตัวเอง ปัดฝุ่นบนเข่าแล้วยืนตัวตรง

หลังจากมองไปรอบ ๆ กู้เสี่ยวหวานก็พูดช้า ๆ “ท่านป้า ถ้าท่านคิดว่าครอบครัวของท่านไม่มีเงินเลี้ยงพี่เหวิน ก็ส่งพี่เหวินไปให้ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ห่างไกลของท่านเถอะ ท่านไม่ได้บอกว่าลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ห่างไกลของท่านต้องการรับเลี้ยงเด็กผู้ชายหรอกหรือ?”

“เออ……” เสียงของกู้เสี่ยวหวานไม่ดังหรือเบาเกินไป แต่ก็ทำให้ทุกคนรอบตัวนางได้ยินอย่างชัดเจน

ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานพูดจบ ชาวบ้านที่ฉลาดบางคนก็เข้าใจความหมายจากคำพูดของกู้เสี่ยวหวานได้ทันที

“กู้เสี่ยวหวานหมายความว่าอย่างไร? ลูกพี่ลูกน้องที่ห่างไกลของซุนซื่อ? ”

“หือ? ใช่แล้ว ซุนซื่อเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือว่านางมีลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ห่างไกลและรวยมาก?”

“เป็นไปได้ไหมว่าซุนซื่อมาที่บ้านกู้ฉวนฟู่เพื่อส่งสองพี่น้องกู้หนิงอันไปบ้านลูกพี่ลูกน้องของนาง”

“ใช่หรือ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? หากเป็นเช่นนี้ ครอบครัวของกู้ฉวนฟู่จะถึงคราวหายนะไม่ใช่หรือ?”

ทุกคนเริ่มกระซิบและในตอนท้ายเสียงก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ และทุกประโยคก็ประณามซุนซื่อ “ซุนซื่อ เจ้าจงพูดมาให้ชัดเจนเสีย!”

“การแต่งงานกับกู้ฉวนฟู่และดูแลบ้านหลังใหญ่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เงินสำหรับกู้ฉวนโซ่วเพื่อแต่งงานกับภรรยาของเขานั้นก็ล้วนเป็นภาระของครอบครัวของกู้ฉวนฟู่ เจ้ายังจะมายุ่งกับลูกชายสองคนของเขาอีก ไม่กลัวว่ากู้ฉวนฟู่จะคลานออกมาจากหลุมเพื่อจัดการเจ้าหรือ!” ชาวบ้านในหมู่บ้านทุกคนต่างคิดเช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดยึดถือแนวความคิดเดิมว่าลูกชายเป็นเส้นเลือดหลักของครอบครัว นี่เป็นสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานจับความได้ว่า ซุนซื่อต้องการส่งสองพี่น้องไปไม่ใช่หรือ?

ดูจากสิ่งที่ชาวบ้านแถวนี้พูดก็ได้

“อย่างนี้นี่เอง กู้ฉวนฟู่และภรรยาของเขาด่วนจากไปเร็ว จนลูก ๆ ของเขาต้องใช้ชีวิตกันเอง แต่เจ้ากลับมาพาเด็กชายสองคนไป เจ้ามันใจร้ายจริง ๆ !”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

แก้เกมได้เก่งมากเลยเสี่ยวหวาน แป๊บเดียวสถานการณ์พลิกอีกแล้ว

ไหหม่า(海馬)