ตอนที่ 58 วิชาควบคุมดาบ

หยางเย่เปล่งเสียงออกมาขณะใช้ก้าววายุที่ความเร็วสูงสุด ไม่นานเขาปัดดาบตรงหน้าลงได้ถึงสามสิบกว่าเล่ม

หยางเย่ไม่กล้าจะลังเลต่อไป ด้วยพลังที่ร้ายกาจของพลังปราณห้าธาตุทองคำ หยางเย่โจมตีไปอย่างสุดกำลังทำให้ดาบแทงทะลุผ่านอากาศอย่างรุนแรง ทุกพื้นที่ที่มันแทงผ่านจะปรากฏคลื่นลมออกมา เสียงเสียดแทงแก้วหูจากอากาศดังสนั่นไปทั่วห้องโถง

ปั้ง!

ปราณพลังระเบิดทำให้เสียงดังก้องไปทั่ว ปราณดาบที่ปะทะกับหยางเย่กระจัดกระจายออกไป ความเร็วที่ใช้ยังไม่ลดลงขณะจัดการปราณดาบที่เหลืออยู่ ร่างของเขาหยุดชะงักก่อนจะหันหลัง และพุ่งแทงออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมดาบปราณทองคำในมือ!

ปั้ง!

ปราณดาบอีกมากมายระเบิดออก การแทงของหยางเย่ทำลายปราณดาบตรงหน้าทั้งหมด ไม่นานเขาได้เริ่มโจมตีต่อไปอีกครั้ง และจากนั้นก็หันไปโจมตีอีกครั้ง…

ตั้งแต่ค่ายกลเริ่มทำงาน หยางเย่ทำการเคลื่อนไหวเช่นนี้ซ้ำไปมา เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำได้ในตอนนี้ ด้วยปราณดาบที่รวดเร็วและมากมาย มันที่เขาจะหลบพวกมันทั้งหมดได้ด้วยวิชาเดียว ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ปะทะโดยตรงกับพวกมัน!

แน่นอนมันต้องแลกกับราคาที่สูงพอตัว ไม่นานร่างกายหยางเย่รวมถึงใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ไม่มีจุดไหนที่ปกตินอกจากดวงตาทั้งคู่ ไม่พอบาดแผลพวกนั้นยังเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง…

คำของชายชราปรากฏขึ้นในหัวหยางเย่ ค่ายกลดาบนี้ไม่ใช่ชั้นที่ผู้มีขั้นพลังต่ำกว่าขั้นปราณสวรรค์จะต่อกรได้ หากไม่มีพลังทางกายภาพเทียบเท่ากับสัตว์อสูรระดับเก้า ความสามารถฟื้นฟูของพลังปราณห้าธาตุทองคำ หยางเย่คงไม่อาจต้านทานพวกมันได้เกินสิบห้านาทีแน่!

ถูกต้อง เพราะพลังทางกายภาพของเขาจึงสามารถป้องกันได้! แม้จะไม่สามารถหลบได้ทั้งหมด ปราณดาบนับร้อยก็ไม่อาจทำอันตรายหยางเย่ได้มากนัก พวกมันทำได้เพียงสร้างบาดแผลรอบกายเท่านั้น!

ปั้ง!

หยางเย่ฟันปราณดาบนับสิบลงด้วยการโจมตีเดียว อีกสิบกว่าเล่มที่เหลือพุ่งชนไหล่ แขนและขาของเขา

ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างเริ่มทำให้มุมปากของหยางเย่บิดเบี้ยว เขากล่าวในใจ ‘หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เราคงจะต้องตายจากค่ายกลดาบนี้แน่! ต้องรีบหาหนทางพิชิตมันให้ได้’

เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยางเย่แทงไปยังปราณดาบที่กำลังจะมาถึงตัวก่อนจะมองกวาดไปอย่างรวดเร็ว ‘มันมีวิธีแน่นอน มันต้องมีวิธี เราต้องหาหนทางที่จะจัดการปราณดาบเหล่านี้ มันเป็นหนทางเดียวที่จะผ่านชั้นนี้ได้!’

หยางเย่ต้องการจะนั่งลงเพื่อคิดหาวิธีต่อกรกับมัน แต่ค่ายกลดาบจะให้โอกาสเขาหรือ? ปราณดาบนับร้อยที่มาถึงทุกช่วงห้าลมหายใจ และมันยังตรงเวลาเสียด้วย!! หยางเย่ต้องจัดการกับปราณดาบพร้อมกับครุ่นคิดหาวิธีอย่างรวดเร็วเพื่อเอาชนะมัน! ตอนนี้มันเป็นการทดสอบความคิดและไหวพริบโดยแท้จริง!

หนึ่งชั่วยามผ่านไปนอกจากจะยังหาวิธีไม่ได้ ร่างกายของเขาแทบจะไม่เป็นร่างมนุษย์แล้ว เสื้อผ้าที่ขาดรุ่ยหายไปหมดสิ้น ร่างกายทุกส่วนถูกเผยกลางอากาศ ไม่เพียงแค่นั้น ทั้งตัวยังเต็มไปด้วยเลือดราวกับได้อาบน้ำในบ่อโลหิต มันเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวและสยดสยองยิ่งนัก!

‘ค่ายกลบ้าอะไรกัน! ไอ้บ้าที่ไหนเป็นคนสร้างค่ายกลนี้นะ! มันใช้เพื่อทดสอบศิษย์จริงหรือ?’ ขณะที่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกาย หยางเย่ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากสบถในใจ ตั้งแต่ค่ายกลเริ่มทำงานจนถึงตอนนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่เขาทรมานที่สุด หากเป็นคนธรรมดามายืนอยู่ตรงนี้ คนผู้นั้นคงถูกจัดการลงด้วยปราณดาบเหล่านี้ในทันที

แต่หยางเย่ไม่ใช่! ตั้งแต่แรกเริ่มเขารู้สึกโชคดีที่พลังทางกายภาพพอรับมือไหว มันสามารถต้านทานปราณดาบพวกนี้ได้แม้จะบาดเจ็บ

หากเป็นร่างกายทางกายภาพของสัตว์อสูรขั้นราชันแล้ว ปราณดาบพวกนี้คงทำได้เพียงแก้คันเท่านั้น! แต่ปัญหาคือร่างกายทางกายภาพเขาไม่ได้แข็งแกร่งแบบนั้น! พลังป้องกันทางกายภาพอาจสามารถป้องกันได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจต้านทานได้ทั้งหมด มันจึงเป็นเช่นตอนนี้ ปราณดาบสามารถเฉือนผ่านผิวหนังได้แต่ไม่สามารถทำร้ายเขาได้

กล่าวโดยง่ายคือมันทำให้เจ็บปวด แต่ไม่สามารถสังหารเขา! หากไม่เรียกว่าการทรมานแล้วมันคืออะไรล่ะ?

ในอดีตหยางเย่ได้ยินมาว่ามีการลงโทษถึงตายจากการถูกมีดเฉือนนับพันครั้ง ถึงเขาไม่ได้เห็นมันกับตา แต่ก็ได้สัมผัสมันด้วยตนเองแล้ว!

อย่างไรก็ตามหยางเย่ก็เห็นเหตุการณ์นี้เป็นผลประโยชน์อยู่ ทุกครั้งที่ร่างกายโดนคมดาบ ตันเถียนน้ำวนข้างในจะทำปฏิกิริยากับสภาพร่างกายปัจจุบัน เพราะตันเถียนน้ำวนได้ส่งพลังปราณทองคำไปยังร่างกายเขาอย่างต่อเนื่อง และมันจะฟื้นฟูบาดแผลที่ร่างกายได้รับ!

เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าตันเถียนน้ำวนกระทำบางอย่างกับสภาพร่างกายตอนนี้? หยางเย่ได้สังเกตมันตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมา เมื่อร่างกายได้รับบาดแผลหรือโดนทำร้าย ตันเถียนน้ำวนจะฟื้นฟูร่างกายทันที เขาแทบไม่ต้องโคจรพลังปราณล้ำลึกในร่างกายด้วยซ้ำ ยิ่งกว่านั้นหากพลังปราณทองคำในตันเถียนธรรมดาไม่เพียงพอ ตันเถียนน้ำวนจะส่งพลังปราณทองคำให้เพิ่มตลอดเวลา เหตุใดมันถึงใจดีนัก!

เหตุการณ์นี้ทำให้หยางเย่สับสนอย่างมาก แต่เขาก็ไม่มีเวลามานั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน เพราะปัญหาที่ต้องเจอตอนนี้คือการหาวิธีเอาชนะค่ายกล

หยางเย่หัวหมุนอย่างหนัก เขาต้องคิดหาวิธีให้เร็วที่สุด เพราะหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องทรมานจนถึงตายแน่นอน ถึงแม้ตันเถียนน้ำวนจะฟื้นฟูร่างกายได้ แต่บาดแผลที่เพิ่มขึ้นมันเพิ่มเร็วกว่าการฟื้นฟู หยางเย่ไม่กล้ามั่นใจว่ายังอยู่ในภาพมายา ความร้ายกาจและคุณลักษณะอื่นก็เป็นอย่างที่ชายชราได้บอกไว้ทุกอย่าง ดังนั้นชายชราอาจจะไม่ใช่ภาพมายา หรือหากเป็น คำเตือนของเขาก็เป็นเรื่องจริง

กล่าวคือไม่ว่ายังไงหยางเย่ก็ไม่กล้าจะเสี่ยงกับมัน เช่นนั้นเขาต้องเอาชีวิตรอดถึงแม้มันจะเป็นเพียงภาพมายาก็ตาม!

ครึ่งชั่วยามผ่านไป หยางเย่เริ่มแสดงท่าทีเหน็ดเหนื่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นกำลังหรือความเร็ว พวกมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้ทำให้ขนทั้งตัวของหยางเย่ลุกตั้ง เพราะการต่อสู้กับผู้รับใช้แห่งดาบก่อนหน้า มันทำให้เหนื่อยล้าและหมดแรงอย่างหนัก แต่สภาพร่างกายเขากลับสมบูรณ์ดี แต่ตอนนี้บาดแผลได้เกิดขึ้นบนร่างกายเขา มันหมายความว่ายังไงงั้นหรือ? มันหมายความค่ายกลนี้อาจไม่ใช่ภาพมายาแน่นอน

หยางเย่สูดหายใจลึกขณะพยายามทำให้ตนเองสงบที่สุด หากไม่สามารถสงบลงได้ เขาคงไม่สามารถรอดพ้นความตายครั้งนี้ได้ ทันใดนั้นดวงตาหยางเย่เปล่งประกายขึ้นมาราวกับคิดหนทางได้แล้ว!

เขาทำทันทีที่ขณะที่คิดว่ามันต้องสำเร็จ! เมื่อสามสิบปราณดาบกำลังจะมาถึงหยางเย่ เขาไม่ปะทะกับพวกมันอย่างที่ผ่านมา ทั้งยังละทิ้งการป้องกันทุกอย่างและเปลี่ยนมาใช้วิชาควบคุมดาบแทน

เมื่อปราณดาบเหล่านั้นแทงไปที่ใบหน้า อก และจุดสำคัญทั้งหลายของหยางเย่ เหตุการณ์ประหลาดก็ได้เกิดขึ้น ภายใต้การควบคุมของหยางเย่ ปราณดาบทั้งหมดขยับไปด้านข้างสองถึงสามเซนติเมตร!

ฟู่!

ปราณดาบกว่าสามสิบเล่มปะทะเข้ากับร่างหยางเย่ มันทำให้เลือดเขาออกอีกครั้ง แต่ดูเหมือนหยางเย่จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดครั้งนี้ เขารู้สึกตื่นเต้นจนอยากกระโดดดีใจอย่างมาก เพราะวิชาควบคุมดาบนี้ มันสามารถควบคุมปราณดาบที่ไร้เจ้าของได้!

การค้นพบครั้งนี้ทำให้หยางเย่รู้สึกราวกับเจอแสงไฟใต้เหวลึก เช่นนั้นจะไม่ให้เขาตื่นเต้นดีใจได้อย่างไร?

หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หยางเย่รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก เขาใช้กำลังเขาต่อสู้กับปราณดาบก่อนในครั้งแรก จากนั้นจึงใช้วิชาควบคุมดาบกับปราณดาบที่เหลือพร้อมเปลี่ยนทิศทางมัน ไม่มีคำกล่าวใดนอกจากว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุด ด้วยวิธีนี้ ความเจ็บปวดที่ได้รับจากปราณดาบก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง!

ความสามารถหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในสถานการณ์ที่สิ้นหวังนั้นสำคัญมาก เมื่อหยางเย่ฝึกฝนวิชาควบคุมดาบในอดีต ความสำเร็จในการฝึกฝนนับว่าช้าเป็นเต่า แต่ตอนนี้เขาสามารถพัฒนามันได้รวดเร็วราวกับเหยี่ยว ในตอนแรกเขาสามารถควบคุมปราณดาบได้เพียงไม่กี่ชิ้น แต่หลังจากสองชั่วยามผ่านไป เขาเริ่มควบคุมได้ถึงสิบปราณดาบ สี่ชั่วยามผ่านไปเป็นยี่สิบและสามสิบปราณดาบเพิ่มขึ้นตลอดเวลา!

เวลาที่ผ่านไปทุกนาที หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน หยางเย่สามารถควบคุมได้ถึงห้าสิบปราณดาบ อย่างไรก็ตามหยางเย่สามารถทำมันสำเร็จได้เพียงในพื้นที่จำกัด แต่มันก็เพียงพอแล้ว ทันทีที่ปราณดาบมาถึงในระยะสามสิบเมตรรอบตัวเขา มันจะถูกบังคับให้เปลี่ยนทิศทาง และหันไปชนกับปราณดาบอื่น อาจกล่าวได้ว่าหยางเย่สบายขึ้นมากในเวลานี้!

สามวันผ่านไป นอกจากร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือดจนดูน่าสะพรึงกลัว หยางเย่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะที่แย่ไปมากเท่าไหร่ เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น และไม่มีท่าทีเคร่งเครียดกระวนกระวายเหมือนตอนแรกอีก บัดนี้หยางเย่รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยผ่อนคลายนัก!

สัญลักษณ์รอบด้านสั่นสะเทือนเหมือนจะเริ่มยิงรอบใหม่ ปราณดาบร้อยเล่มเริ่มพุ่งใส่หยางเย่อีกครั้ง พวกมันยังพุ่งมารวดเร็วเหมือนเดิม

ขณะที่มองไปยังปราณดาบกำลังพุ่งมาที่เขา หยางเย่ที่ใบหน้าชุ่มเลือดเผยรอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็นออกมา เมื่อปราณดาบร้อยเล่มมาถึงยังระยะสามเมตรรอบตัวเขา ทันใดนั้นพวกมันหันไปชนพร้อมระเบิดออกในทิศทางอื่น

ปั้ง

ปราณดาบร้อยเล่มปะทะเข้ากับกำแพง และการปะทะนี้ทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่

ขณะที่หยางเย่กำลังรอการโจมตีจากรอบต่อไป เสียงลึกลับได้ดังก้องขึ้นทั่วห้อง “กำลังเยี่ยม วิชาเยี่ยม ความสามารถทางกายภาพเยี่ยม เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก ในอนาคตเจ้าสามารถมาที่นี่เพื่อฝึกฝนต่อได้ และสามารถท้าชั้นที่เหลืออีกเจ็ดชั้นจากบรรลุขั้นปราณราชัน!”

ทันทีที่กล่าวจบหยางเย่ดูเหมือนจะกล่าวบางอย่างออกมา เขารู้สึกเหมือนทั่วทั้งจักรวาลกำลังหมุนไปมา อาการวิงเวียนได้เกิดขึ้นในหัว หลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง หยางเย่รู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงผู้คนเรียกชื่อตนเองอยู่รอบด้าน

“หยางเย่ออกมาแล้ว! เขาออกมาแล้ว!”