ตอนที่ 59 ช่างน่าอัปยศอดสูนัก!

หยางเย่ส่ายหัวไปมาพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง สิ่งแรกที่เห็นคือชายชราสองถึงสามคน เขาทราบดีว่าชายชราเหล่านี้คือบรรดาผู้อาวุโส แต่เหมือนจะมีบางอย่างผิดแปลกไป เพราะชายชราทั้งหลายกำลังมองมาด้วยท่าทีตื่นเต้น พวกเขาจ้องมองราวกับว่าหยางเย่เป็นโจรแอบดูผู้หญิงแก้ผ้าอาบน้ำอยู่!

เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยางเย่รู้สึกไม่ค่อยดี ขณะกำลังจะกล่าวบางอย่าง ผู้อาวุโสเชียนได้เดินเข้ามา จากนั้นเขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “เสี่ยว เสี่ยวหยาง เจ้า… เจ้าสามารถผ่านชั้นที่ยี่สิบสองได้หรือไม่?” ผู้อาวุโสเชียนกำหมัดแน่นทันทีที่กล่าวจบ ไม่ใช่แค่เพียงเขา แม้กระทั่งผู้อาวุโสด้านข้างก็มีอาการเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างตื่นตระหนก หรือบางทีทุกคนกำลังตื่นเต้นยินดีอยู่!

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางเย่นึกถึงเสียงที่ได้ยินในห้องโถงก่อนหน้า “ผู้อาวุโสเชียน ข้าไม่ทราบว่าผ่านหรือไม่ แต่มันบอกว่า ข้าสามารถเข้าไปบ่มเพาะพลังในหอคอยผู้รับใช้แห่งดาบได้ในอนาคต และยังสามารถท้าทายชั้นที่เหลือเมื่อบรรลุขั้นปราณราชัน!”

เมื่อได้ยินหยางเย่กล่าว บรรดาผู้อาวุโสต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึง! ไม่นานผู้อาวุโสเชียนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถาม “เสี่ยวหยาง ที่… ที่เจ้าบอกมาเป็นเรื่องจริงหรือ? มีใครบางคนสนทนากับเจ้า?”

หากเป็นผู้อาวุโสท่านอื่นที่สงสัยในสิ่งที่ได้บอกไป หยางเย่คงรู้สึกไม่พอใจไปแล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นกับผู้อาวุโสเชียน เขารีบพยักหน้าตอบ “ผู้อาวุโสเชียน แม้ข้าจะเคยหลอกผู้อื่น แต่ข้าก็ไม่หลอกลวงท่านหรอก มีค่ายกลดาบอยู่ที่ชั้นยี่สิบสอง หลังจากปราณดาบของค่ายกลหยุดทำงาน ไม่นานเสียงนั้นก็ดังขึ้น และข้าก็ถูกส่งออกมาด้านนอก!”

ผู้อาวุโสหันไปมองตากัน เวลานี้พวกเขาไม่สงสัยอีกต่อไป อันที่จริงก็ไม่มีใครสงสัยเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ที่พวกเขาถามถึงสองครั้ง เพราะต้องการมั่นใจเพียงเท่านั้น นอกจากผู้อาวุโสเชียน บรรดาผู้อาวุโสที่เหลือไม่กล่าวสิ่งใดก่อนจะจากไปด้วยท่าทีเคร่งขรึม มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา พวกเขาต้องรีบแจ้งให้ผู้อาวุโสชั้นสูงทราบ!

หยางเย่ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของชายชราเหล่านั้น เขาพยุงตัวเองขึ้นพร้อมเหยียดแขนขาออกไป เวลานี้ สตรีผ้าคลุมแดงได้มาถึงตรงหน้า ทันทีที่เห็นภาพลักษณ์ของนาง หยางเย่เกิดความสงสัยขึ้นมาและแทบจะหยุดหายใจ

สตรีตรงหน้าช่างงดงามอย่างมาก ในชีวิตของหยางเย่มีเพียงชูซิงฉือเท่านั้นที่สามารถทัดเทียมกับนางได้ ถึงแม้รูปลักษณ์ทั้งสองจะไม่ต่างกัน แต่การแสดงอารมณ์กลับไปต่างกัน ชูซิงฉือแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าสง่างามและเย็นชาราวกับเทพธิดาจากสวรรค์!

ในอีกด้านหนึ่ง สตรีตรงหน้าเขาเป็นหญิงที่งดงามแบบยั่วยวน ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือการแต่งตัว พวกมันช่างดูยั่วยวนอย่างมาก แม้ไม่ได้เอ่ยคำหรือกระทำสิ่งใด เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นมันก็ทำให้เลือดของคนมองแทบจะทะลัก

หยางเย่ระงับความรู้สึกทั้งหมดไว้ในใจ ขณะกำลังจะกล่าวบางอย่าง สตรีตรงหน้าได้เอ่ยคำขัด “เจ้าได้ผ่านชั้นยี่สิบเอ็ดและยี่สิบสองแล้วงั้นหรือ?”

หยางเย่ชะงักเมื่อได้ยิน จากนั้นพยักหน้าก่อนจะถาม “ท่านคือ?”

สตรีผ้าคลุมแดงไม่ได้ตอบกลับหยางเย่ นางเงยหน้าขึ้นมองหอคอยผู้รับใช้แห่งดาบ ประกายเย็นเยือกปรากฏขึ้นในดวงตา จากนั้นไม่นานสายตานางมองลงมาที่หยางเย่อีกครั้ง “เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเป็นการทดสอบอะไรที่ชั้นยี่สิบเอ็ดและยี่สิบสอง? ข้าจะติดหนี้บุญคุณเจ้าครั้งนี้!”

หยางเย่ยิ้มพร้อมกล่าว “ท่านไม่จำเป็นต้องติดหนี้อะไรข้าหรอก มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ชั้นยี่สิบเอ็ดเป็นการทดสอบจิตใจ หากไม่มีปัญหาใดในจิตใจ เช่นนั้นก็สามารถผ่านได้อย่างง่ายดาย ส่วนชั้นยี่สิบสอง เป็นค่ายกลดาบ ปราณดาบนับร้อยจะโจมตีเข้ามาทุกห้าลมหายใจ และมันยากลำบากนัก!”

สตรีผ้าคลุมแดงยกคิ้วที่งดงามขึ้นก่อนจะถามหยางเย่ด้วยน้ำเสียงเบาอีกครั้ง “ชั้นที่ยี่สิบสองไม่ใช่ภาพมายางั้นหรือ?”

ขณะที่หยางเย่กำลังจะกล่าวบางอย่างต่อ ทันใดนั้นสายลมเย็นเยือกพัดผ่าน เขารู้สึกหนาวเย็นไปทั่วทั้งร่าง จากนั้นได้ก้มหัวลงมองโดยไม่รู้ตัว ไม่นานตัวหยางเย่ต้องแข็งทื่อก่อนจะร้องดังลั่นออกมา เขารีบปิดจุดลับด้วยมือทั้งสองและใช้ก้าววายุด้วยความเร็วสูงสุดหายไปพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน

ขณะที่พวกเขามองหยางเย่เปลือยหายไป ทุกคนต่างพากันหัวเราะในสิ่งที่เห็น แม้กระทั่งผู้อาวุโสเชียนยังหลุดขำออกมา ถูกต้องหยางเย่เปลือยทั้งร่างตั้งแต่ถูกส่งออกมา อันที่จริงทุกคนเห็นมันตั้งแต่แรก แต่พวกเขาไม่ได้บอกเพราะกำลังตกตะลึงอยู่

พวกเขาได้สติกลับขณะที่หยางเย่สนทนากับสตรีผ้าคลุมแดง ขณะที่มองทั้งคู่สนทนากัน พวกเขามองหยางเย่กล่าวพร้อมร่างที่เปลือยล่อนจ้อน ด้วยเหตุผลบางประการ ทุกคนรวมถึงผู้อาวุโสเชียนไม่มีใครเตือนหยางเย่สักคน

ผู้อาวุโสเชียนหัวเราะอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองทุกคนรอบหอคอย จากนั้นเริ่มกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “ทุกคนที่ไม่ใช่ผู้ทดสอบ กลับไปทำสิ่งที่พวกเจ้าควรทำ สำหรับผู้ทดสอบที่ผ่านตั้งแต่ชั้นห้าขึ้นไป ขอแสดงความยินดีด้วย พวกเจ้าเป็นศิษย์นอกของสำนักดาบราชันแล้ว สำหรับสิบอันดับแรกของการทดสอบ พรุ่งนี้พวกเจ้าจะได้รับรางวัลจากสำนัก! ตอนนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนได้แล้ว!”

เมื่อกล่าวจบ ผู้อาวุโสเชียนมองไปที่หนุ่มสาวรอบด้านก่อนจะกล่าวอีกครั้ง “สำหรับผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบ พวกเจ้าสามารถพักที่นี่ในคืนนี้ได้ แต่พรุ่งนี้ต้องรีบออกจากสำนักโดยเร็ว หากถูกจับได้ว่ายังอยู่ในสำนักหลังจากวันพรุ่งนี้ สำนักดาบราชันจะขับไล่เจ้าอย่างไม่ปรานี!”

หนุ่มสาวทุกคนต่างพอใจเมื่อได้ยินผู้อาวุโสเชียนกล่าว ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นศิษย์สำนักดาบราชันแล้ว และทุกคนยังจะได้ทรัพยากรในการบ่มเพาะพลัง ส่วนหนุ่มสาวอีกด้านต่างถอนหายใจด้วยความเศร้าสลด พวกเขาผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงทุกคนจะมาพร้อมความหวังของตระกูล พวกเขาทุกคนยังคาดหวังในอนาคตของตนเอง โชคร้ายที่ไม่ผ่านการทดสอบครั้งนี้!

ดังเช่นที่กล่าว บางคนที่กำลังมีความสุขยินดี อีกส่วนหนึ่งก็กำลังโศกเศร้าเสียใจ!

ณ มุมหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดเห็น ชูซิงฉือเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ความคิดขณะมองไปที่หยางเย่ที่กำลังวิ่งหนี นางมาถึงตั้งแต่หยางเย่ได้ผ่านชั้นที่ยี่สิบ แต่นางเองก็ไม่ได้บอกใครให้ทราบว่าอยู่ที่นี่

กล่าวโดยแท้จริง การทดสอบของหยางเย่นั้นเหนือความคาดหมายไปมาก นางทราบดีถึงความร้ายกาจของชั้นที่สิบเก้าและยี่สิบของหอคอย

เวลานั้นชูซิงฉือพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับสัตว์อสูรขั้นราชัน นางไม่คาดคิดว่าหยางเย่จะสามารถเอาชนะมันได้ และยังผ่านไปถึงชั้นที่ยี่สิบสอง!

สิ่งนี้มันช่างเหนือความคาดหมายนัก!

เป็นเวลานานกว่าชูซิงฉือจะถอนสายตาออกมา จากนั้นนางมองไปที่คัมภีร์ในมือ เนื้อหาด้านในคือ – หยางเย่ เพศชาย อายุสิบเจ็ดปี มาจากเมืองทักษิณภิรมณ์จากจักรวรรดิต้าฉินแห่งอาณาจักรจิง เขามีนิสัยที่หนักแน่นมั่นคง และยังให้ความสำคัญกับผู้อื่นอย่างมาก แต่ก็มีปัญหาอยู่ เพราะมารดาและน้องสาวของเขาไม่ลงรอยกับตระกูลหลิวแห่งเมืองทักษิณภิรมณ์ ยี่สิบปีก่อน มารดาของเขา…

ชูซิงฉืออ่านคัมภีร์ในมืออยู่นานก่อนจะถอนหายใจออกมา จากนั้นนางออกแรงเล็กน้อย มันทำให้คัมภีร์ในมือกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ

“เจ้าเป็นคนของสำนักดาบราชัน…”

……

หุบเขาวายุเหมันต์

“น่าขายหน้านัก มันเป็นความอัปยศอดสูโดยแท้จริง ไอ้พวกผู้อาวุโสก็ไม่บอกอะไรเราสักอย่าง! ในอนาคตจะเอาหน้าไหนไปพบเจอผู้อื่นล่ะ! มันช่างน่าอาย…” ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้า หยางเย่สบถออกมาอย่างไม่สิ้นสุด เมื่อนึกถึงภาพเปลือยตนเองต่อหน้าผู้คนมากมาย และยังสนทนากับสตรีอีกเป็นเวลานาน หยางเย่อายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ‘เรายังจะมีหน้าไปพบใครอีกในอนาคต?’

“จำเป็นต้องเขินอายอะไรขนาดนั้น? มันก็แค่ก้อนเนื้อหนักไม่กี่กิโลกรัมเองไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นแล้วผู้ใดจะมาชายตามองล่ะ?” ทันใดนั้นสตรีผ้าคลุมแดงปรากฏด้านหลังหยางเย่

หยางเย่ประหลาดใจทันทีที่ได้ยิน จากนั้นจึงหันกลับไปมองสตรีที่แสดงท่าทีน่าอึดอัดออกมา! เขาไม่ได้สังเกตเห็นสตรีผ้าคลุมแดงมาอยู่ด้านหลังแม้แต่น้อย เช่นนั้นหากนางตั้งใจจะโจมตีเขา… หยางเย่แทบไม่กล้าจะคิดต่อ

“ท่านเป็นใครกัน?” หยางเย่เอ่ยถาม

“มู่หรงเหยา!” สตรีผ้าคลุมแดงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ทุกคนมักจะเรียกข้าว่าสตรีปีศาจ ถูกต้องข้าคือคนที่ผ่านชั้นยี่สิบได้!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางเย่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านคือสตรีปีศาจที่อยู่อันดับสูงสุดของเทียบอันดับสำนักนอกงั้นหรือ?”

หยางเย่เคยได้ยินชื่อสตรีปีศาจมาก่อน แต่ก็ไม่เคยเจอนาง ยิ่งกว่านั้นเพราะถูกลดขั้นไปเป็นศิษย์แรงงาน เขาไม่ได้สนใจผู้คนในเทียบอันดับสำนักนอก แต่ก็ยังได้ยินชื่อเสียงของสตรีปีศาจอยู่บ้างบางครั้ง

หากเป็นเช่นนั้น สตรีปีศาจผู้นี้ต้องเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก และนางยังอยู่ยงคงกระพันในสำนักนอก แม้กระทั่งผู้อาวุโสบางคนยังไม่กล้าปะทะกับนาง ในอดีตหยางเย่เองก็สงสัยในสิ่งนี้ แต่บัดนี้เขาเชื่อทันที ไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใดมากมาย เพียงแค่กระบวนท่าและความสามารถของนาง ทั้งหมดที่ปรากฏออกมาก็เป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสเฟิงอวี่ และผู้อาวุโสเชียนไม่สามารถทัดเทียมได้

มู่หรงเหยาไม่ตอบคำถามหยางเย่แต่กลับเอ่ยถามกลับแทน “ผู้ทดสอบทุกคนที่ถูกส่งออกมาจากหอคอยผู้รับใช้แห่งดาบรวมถึงข้า พวกเราต่างก็มีแค่สภาพจิตใจที่เหนื่อยล้า แต่ร่างกายของเจ้ากลับเต็มไปด้วยบาดแผล เช่นนั้นชั้นที่ยี่สิบสองคงไม่ใช่ภาพมายาแต่เป็นของจริงใช่หรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางเย่เงียบไปชั่วขณะก่อนจะกล่าว “ข้ารู้สึกว่ามันเป็นของจริง ไม่ต้องกล่าวสิ่งใด แค่บาดแผลทั่วร่างข้าก็สามารถพิสูจน์ได้แล้ว!”

มู่หรงเหยาเงียบไปเช่นกัน จากนั้นนางถามอีกครั้ง “ทำไมเจ้าไม่ไปต่อ?”

หยางเย่ส่ายหัวพร้อมกล่าว “หลังจากพิชิตค่ายกลดาบชั้นยี่สิบสองได้ ข้าก็ถูกส่งออกมาในทันที สำหรับเหตุผลว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นกัน!” หยางเย่ไม่ได้บอกนางทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเขายังไม่คุ้นเคยกับสตรีปีศาจผู้นี้มาก!

“โอ้” มู่หรงเหยากล่าว จากนั้นนางมองไปที่หยางเย่และไม่มีคำถามใดอีก “ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์สำนักนอกเต็มตัวแล้ว ไว้มาประลองกันสักครั้งหากเจ้ามีเวลาในอนาคต!”

ทันทีที่กล่าวจบ นางหันหลังและจากไปโดยไม่รอหยางเย่ตอบกลับ จากนั้นไม่นานก็หายไปตรงทางเข้าของหุบเขา

ช่างเป็นสตรีที่แปลกประหลาด! หยางเย่ส่ายหัวพร้อมเผยรอยยิ้มขณะมองไปยังจุดที่มู่หรงเหยาจากไป จากนั้นจึงเดินไปที่ทางเข้าหุบเขา หยางเย่นึกได้ว่ามีบางคนติดหนี้เดิมพันอยู่ ดาบขั้นสีดำ และผลไม้สีชาดที่สหายตัวจ้อยอยากได้นักหนา จนมันแทบจะไปหยิบมันด้วยตนเอง!