ตอนที่ 176 ภาพวาดทุ่งหญ้าเขาหิมะ
เหลียงจีกำลังวุ่นอยู่ในห้องครัว พอได้ยินเสียงจากด้านนอกก็ดึงกระดาษที่ใช้สำหรับงานครัวมาเช็ดคราบน้ำที่มืออย่างไม่รีบร้อนแล้วเดินออกไป
“เจ้าหญิงน้อย อธิการบดีเจียง ผู้อำนวยการเฉิง คุณเฉิงน้อย เสี่ยวอิน” ยิ้มแย้มทักทายทุกคน
“เหลียงจี”
ทุกคนแทบจะเรียกพร้อมกัน
เหลียงจียิ้มกว้าง “เจ้าหญิงน้อยคะ ฉันขนเครื่องสัมฤทธิ์ที่วางไว้หลังโซฟาไปที่ห้องหนังสือแล้วนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“เจ้าหญิงน้อยคะ ครั้งนี้ฉันขนของมาเยอะเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่เก็บไว้ที่ตำหนักพระจันทร์ก่อนยกเว้นพวกของกินค่ะ”
มุมหนึ่งของห้องรับแขกมีลังผลไม้กับพวกของกินอื่นๆ วางกองอยู่
“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยดูก่อนไปเมืองหลวง ขนของกินกลับมาได้จังหวะพอดี อีกเดี๋ยวให้อาจารย์อาเล็ก ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่หญิงห้า และก็ศิษย์พี่หกแบ่งกลับไปด้วย”
อาจารย์อาเล็กอึ้งไปชั่วขณะ เขาถาม “เสี่ยวเยาเยา เรียกศิษย์พี่หญิงห้ากับศิษย์พี่หกมาด้วยเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้าพลางพูด “หนูคิดว่าพรุ่งนี้คงไม่มีเวลาเอาของไปให้พวกเขา ก็เลยให้พวกศิษย์พี่มากินข้าวเย็นด้วยกัน จะได้เอาของกลับไปด้วยค่ะ”
ปาอินพูดแทรก “เสี่ยวเยาเยา คนเยอะขนาดนี้วัตถุดิบในตู้เย็นพอหรือเปล่า ถ้าไม่พอฉันจะไปซื้อให้ตอนนี้เลย”
“พอ ไม่ต้องออกไปซื้อเพิ่มหรอก”
ปาอินพับแขนเสื้อขึ้นพลางพูด “งั้นทุกคนคุยไปนะคะ ฉันจะไปทำอาหาร”
คนเยอะก็ต้องทำกับข้าวมากหน่อย ใช้เวลาไม่น้อยเลยทีเดียว
เหลียงจี “ทำด้วยกัน เมื่อกี้พี่เพิ่งตั้งหม้อหุงข้าว”
“พี่เหลียงจี พี่ขับเครื่องบินมาสิบกว่าชั่วโมงจะต้องเหนื่อยมากแน่ พี่ไปพักผ่อน ฉันทำได้ค่ะ”
เฉิงอันนั่วพยักหน้า “ใช่ครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเรา พี่ไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะครับ”
เหลียงจียิ้มพูด “ไม่เป็นไร พี่ไม่เหนื่อย ช่วยกันทำจะได้เสร็จเร็วขึ้น อีกทั้งเจ้าหญิงน้อยก็ชอบกินฝีมือพี่ด้วย”
มู่เถาเยายิ้มบาง “พี่เหลียงจี เรียกฉันว่าเสี่ยวเยาเยาก็ได้ค่ะ ทุกคนก็เรียกแบบนี้”
ปาอินพยักหน้า “นั่นสิ เจ้าหญิงน้อยของพวกเราไม่ถือตัว เรียกชื่อก็พอ”
“ได้จ้ะเสี่ยวเยาเยา งั้นพวกเราไปทำอาหารนะ”
“พี่ก็เพิ่งมาถึงไม่นานหรือเปล่า ไม่ต้องพักผ่อนสักหน่อยเหรอคะ”
“ไม่ต้องหรอก พี่เคยเป็นทหารมาก่อนนะ!”
“ก็ได้ค่ะ กินข้าวเสร็จก็รีบพักผ่อนนะคะ”
“จ้ะ”
ปาอินคล้องแขนเหลียงจีพลางพูดกับทุกคน “งั้นพวกเราเข้าครัวก่อนนะคะ”
ทุกคนพยักหน้า
เฉิงอันนั่ว “ผมก็จะไปช่วยอีกแรง”
ถึงแม้เขาก็อยากไปดูหนังสือ แต่จะทิ้งผู้หญิงทำอาหารกันแค่สองคนไม่ได้
มู่เถาเยา “อันนั่ว อีกเดี๋ยวศิษย์พี่หญิงห้า พี่เขยห้า ศิษย์พี่หก พี่สะใภ้หกมาถึง นายช่วยเปิดประตูทีนะ พวกเราไปห้องหนังสือก่อน”
“ได้ครับ”
มู่เถาเยาหิ้วกล่องยาใบน้อยกับกระเป๋าคอมพิวเตอร์เดินขึ้นชั้นบนพร้อมอาจารย์อาเล็กกับเฉิงหราน
เครื่องสัมฤทธิ์ที่เหลียงจีขนขึ้นมาให้ถูกวางไว้ข้างเตาสี่ขา
อาจารย์อาเล็กกับเฉิงหรานไม่ได้สนใจพวกของโบราณเท่าไร แค่อยากดูหนังสือ พวกเขาจึงตรงไปยังมุมหนึ่ง
ลากลังออกมา ทั้งสองคนนั่งข้างลังหนังสือแล้วหยิบออกมาเปิดดูทีละเล่ม
ตะลึงงันทุกเล่ม ท่าทางเหมือนเด็กที่ค้นพบของเล่นมหัศจรรย์
มู่เถาเยา “…อาจารย์อาเล็ก ศิษย์พี่ใหญ่ ไปนั่งอ่านที่โต๊ะกันสิคะ”
มีทั้งเก้าอี้ทั้งโซฟา จำเป็นต้องมานั่งพื้นกันด้วยเหรอ
ทั้งสองคนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความดีใจ ไม่ได้ยินคำพูดของมู่เถาเยา
มู่เถาเยาจนปัญญาเลยต้องยกลังไปไว้ข้างโต๊ะเอง จากนั้นก็เอาหนังสือออกมาวางกองบนโต๊ะ
“อาจารย์อาเล็ก ศิษย์พี่ใหญ่ มานั่งอ่านตรงนี้ค่ะ”
สายตากับท่าทางของทั้งสองคนเคลื่อนไปตามตำราโบราณที่ถูกจับย้าย
มู่เถาเยาวางกองหนังสือให้เรียบร้อยแล้วไปจูงสองคนนั้นมาเหมือนจูงเด็ก จับคนทั้งสองที่อายุรวมกันเกินร้อยไปนั่งที่เก้าอี้ข้างโต๊ะ
“เสี่ยวเยาเยา”
มู่เถาเยามองไปนอกประตู ผุดรอยยิ้มน่าเอ็นดูออกมาทันที “ศิษย์พี่หญิงห้า พี่เขยห้า ศิษย์พี่หก พี่สะใภ้หก”
ในมือของศิษย์พี่หกมีผลไม้จานใหญ่ บนนั้นมีผลนมหมาป่าที่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ไว้
“อาจารย์อาเล็ก ศิษย์พี่ใหญ่”
ทั้งสี่คนเรียกขึ้นพร้อมกัน
อาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่ท่าทางเหมือนไม่ได้ยิน
ตำราโบราณกระชากวิญญาณพวกเขาไปแล้ว
ศิษย์พี่หญิงห้าขมวดคิ้ว
“เสี่ยวเยาเยา อาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่เป็นอะไรไปเหรอ”
“อ่านหนังสืออยู่ค่ะ ศิษย์พี่หญิงห้ารีบนั่งก่อนค่ะ ฉันจะจับชีพจรตรวจดูให้ว่าเยี่ยจั๋วสบายดีหรือเปล่า”
ศิษย์พี่หญิงห้าลูบท้องที่ยังไม่นูนออกมาด้วยความเคยชิน “สบายดีอยู่แล้ว! น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเธอเลย!”
“ต้องเป็นเด็กผู้หญิงแน่!” พี่เขยห้ายิ้มตาหยี
พี่สะใภ้หกทำหน้าอิจฉา “ดีจังเลยได้ลูกสาว!” เธอก็อยากได้ลูกสาวบ้าง!
ศิษย์พี่หกพยักหน้า “นั่นสิๆ ลูกสาวอ่อนโยน กตัญญูกว่าลูกชายเยอะ”
(เว่ยหลิงที่ถูกพ่อแซะว่าอกตัญญูถึงกับร้องไห้อยู่ในห้องน้ำขึ้นมาทันที)
มู่เถาเยาอดพูดด้วยความยุติธรรมไม่ได้ “อันที่จริงเด็กผู้ชายก็ดีเหมือนกันนะคะ”
เยี่ยนหังเป็นเด็กดี
ไหนจะพวกเจ้าถุงลมน้อยอีก
ศิษย์พี่หญิงห้า “เสี่ยวเยาเยาบอกว่าดีก็แสดงว่าดีจริง เยี่ยจั๋วของพวกเรามีอาเถาเยาเป็นแบบอย่าง ต้องเป็นเด็กดีแน่นอน”
มู่เถาเยาจับชีพจรให้ศิษย์พี่หญิงห้าเสร็จก็ยิ้มให้
เด็กน้อยแข็งแรงดีตามคาด
สองคู่สามีภรรยากับมู่เถาเยานั่งกินผลนมหมาป่าพลางคุยเรื่องคลอดลูกเลี้ยงลูก
ถึงแม้มู่เถาเยาจะเพิ่งอายุสิบแปด แต่เธอเป็นหมอเทวดา คุยเรื่องคลอดลูกเลี้ยงลูกได้สบาย
ศิษย์พี่หก “เสี่ยวเยาเยา อาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่อ่านหนังสืออะไรกันเหรอ พวกเรามาตั้งนานแล้ว แต่พวกเขาทำเหมือนไม่เห็นไม่ได้ยิน มองข้ามพวกเราไปเลย”
“…อ่านตำราแพทย์ค่ะ อาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่อาจไม่เห็นไม่ได้ยินจริงๆ…”
ศิษย์พี่หญิงห้ายิ้มถาม “ตำราแพทย์แบบไหนถึงได้จดจ่อกันขนาดนี้”
“ตำราโบราณที่ฉันไปขุดมาได้จากเมืองโบราณค่ะ”
“ตำราโบราณ!”
ศิษย์พี่หญิงห้ากับศิษย์พี่หกหยุดหายใจไปชั่วขณะอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ตะโกนด้วยความตะลึงพร้อมกัน
น้ำเสียงปะปนไปด้วยความดีใจ
“ค่ะ”
ศิษย์พี่หกลุกพรวด สาวเท้าเดินไปที่โต๊ะหนังสือ
มู่เถาเยากับพี่เขยห้ารีบคว้าศิษย์พี่หญิงห้าไว้ได้ทัน
“ที่รัก ระวังหน่อย ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น เดี๋ยวเสี่ยวจั๋วจั๋วตกใจ”
ศิษย์พี่หญิงห้ารู้สึกเขินอายนิดหน่อย
เมื่อครู่เธอเกือบลืมไปว่าตัวเองตั้งท้องอยู่
“ศิษย์พี่หญิงห้านั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้ดูเล่มหนึ่ง”
“จ้ะ”
มู่เถาเยาเดินเข้าไปหยิบตำราสมุนไพรมาให้ศิษย์พี่หญิงห้าดู
ศิษย์พี่หญิงห้าเปิดอ่าน จากนั้นก็ต้องมนต์สะกดไม่ต่างจากอาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่
มู่เถาเยา “พี่เขยห้าคะ เดี๋ยวถ้าศิษย์พี่หญิงห้าอยากเอากลับไปอ่าน พี่ต้องคอยดูนะคะ อย่าให้นั่งอยู่กับที่นานเกินไปโดยไม่ขยับเลย”
“เข้าใจแล้ว เสี่ยวเยาเยาไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
พี่สะใภ้หกยิ้มพลางพูด “ลูกศิษย์ของอาจารย์รักการอ่านกันทุกคนเลยนะ”
เว่ยฉางหย่วนสามีของเธอก็เหมือนกัน
บอกว่าอ่านจนลืมกินข้าวก็ยังไม่พอ
“ตำราโบราณหายากนะ” พี่เขยห้าพอเข้าใจได้
ก็เหมือนกับเขาได้ภาพเขียนอักษรมา แทบไม่อยากวางหรือละสายตาไปไหนเลย
ทันใดนั้นได้หันไปเห็นภาพแขวนบนกำแพง พี่เขยห้าราวกับถูกสกัดจุด แน่นิ่งไม่ขยับ มองตาไม่กะพริบ
มู่เถาเยากับพี่สะใภ้หกเห็นเขาดูผิดปกติ จึงมองตามสายตาไป
“เสี่ยวเยาเยา พี่เขยห้ากำลังดูภาพวาดทุ่งหญ้าเขาหิมะเหรอ”
“เหมือนจะใช่นะคะ”
“ดูจากท่าทางเหม่อลอยของพี่เขยห้า น่าจะวาดโดยคนดังคนไหนหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันวาดเอง”
นี่เป็นภาพวาดสถานที่จริงตอนเธอไปเที่ยวที่ราบสูง
ฟ้าสีคราม เขาหิมะ ลำธาร ทุ่งหญ้า วัวแพะ อยู่รวมกันให้ความสบายตา
พอกลับมาเธอก็เลยวาดภาพบรรยากาศนี้เก็บไว้