บทที่ 151 ถ้าคุณยังไม่ปล่อยอีก ฉันจะร้องเรียกคนแล้วนะ!

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

“จะปล่อยเธอไปแบบนี้มันก็ง่ายเกินไป——” เย่เหลียนอีพูดอย่างช้าๆ : “ถางถาง ฉันยังมีการแสดงให้เธอดูอีกหลายอย่างเลย ถ้าปล่อยไปก็ไม่มีคนแสดงแล้วสิ……”

หลานเสี่ยวถางมองไปที่หลานเล่อซิน เวลานี้ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง เพราะการวิ่งอย่างรวดเร็ว ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ

เส้นผมที่ตัดแต่งเป็นอย่างดีแปะติดอยู่บนใบหน้า การแต่งหน้าเมื่อเช้านี้ก็ถูกละลายไปกับน้ำตา บนใบหน้าเหมือนถูกจานสีพลิกคว่ำใส่

บางทีอาจจะเป็นเพราะความหวาดกลัว แววตาเธอจึงหดหู่เศร้าหมอง เสื้อผ้าบนตัวชำรุดจนแทบจะห่อหุ้มร่างกายไว้ไม่มิด

นี่เป็นครั้งแรกที่หลานเสี่ยวถางเห็นหลานเล่อซินมีสภาพเช่นนี้

มันเกินการแก้แค้นไปแล้ว ทันใดนั้น ความเหนื่อยล้าห่อเหี่ยวก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอ

หลานเล่อซินต้องการผูกพันกับสือมูเฉิน แต่หลานเล่อซินเวลานี้ แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว เธอมองหลานเล่อซินอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกหงุดหงิด อยากจะรีบไล่เธอไปให้พ้นหูพ้นตา

ด้วยเหตุนี้หลานเสี่ยวถางจึงพูดขึ้นว่า : “ช่างเถอะ ไม่อยากดูเธอแสดงแล้ว ไล่เธอไปให้ไกลๆก็พอ”

ที่ด้านล่าง หลานเล่อซินที่รอการตัดสินชี้ขาดความเป็นความตายอยู่ แววตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เธอกล่าวขอบคุณหลานเสี่ยวถางอย่างไม่ขาดปาก : “เสี่ยวถาง ขอบคุณนะ! ขอบคุณที่ปล่อยฉัน! ฉันจะไปเลย แล้วไม่อยู่ขวางหูขวางตาคุณอีก!”

เพราะเหตุนี้ เย่เหลียนอีจึงพยักหน้า ชายชุดสูทจึงพาหลานเล่อซินออกไป

รอคนรอบๆออกไปแล้ว เย่เหลียนอีจึงพูดว่า : “เสี่ยวถาง อันที่จริงฉันไม่ได้เตรียมการแสดงต่อไปไว้หรอก”

หลานเสี่ยวถางตกตะลึง : “ห๊ะ? ไม่มี?”

เวลานี้สือมูเฉินจึงพูดว่า : “โรคสตอกโฮล์ม”

เย่เหลียนอีหันไปมองสือมูเฉินแล้วยิ้ม : “ใจตรงกันเลย”

หลานเสี่ยวถางเห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง ทันใดนั้นก็บุ้ยปาก : “พวกคุณกำลังส่งรหัสลับอะไรกันอยู่ ยังมีลับลมคมในอะไรที่ไม่ได้บอกใช่ไหม? ฉันจะโกรธแล้วนะ!”

ได้ยินเธอพูดคำนี้ ทั้งสองคนต่างจับมือของหลานเสี่ยวถางไว้ แล้วพูดโน้มน้าวอย่างอ่อนโยนว่า : “เสี่ยวถาง ฟังพวกเราอธิบายก่อน”

ท้ายที่สุดสือมูเฉินก็อธิบายว่า : “เสี่ยวถาง โรคสตอกโฮล์มก็คือ เหยื่อที่เกิดความรู้สึกเห็นใจผู้กระทำผิด จนถึงขั้นช่วยเหลือผู้กระทำผิด พวกเหยื่อจะรู้สึกชอบพอผู้กระทำผิด ไว้เนื้อเชื่อใจ หรือถึงกับช่วยเหลือผู้กระทำผิด แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของเรากับเธอไม่สามารถเรียกว่าเหยื่อกับผู้กระทำผิดได้ แต่สถานการณ์ก็คล้ายๆกัน”

เขากล่าวต่อว่า : “ยกตัวอย่างเช่น ตัวประกันรู้สึกเห็นใจคนที่ลักพาตัวไป ความเป็นความตายของพวกเขาอยู่ในมือคนที่ลักพาตัวไป หากคนลักพาตัวไว้ชีวิตพวกเขา พวกเขาจะรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก”

เย่เหลียนอีพยักหน้า : “ฉะนั้นภายใต้สถานการณ์ที่ชีวิตหมดอาลัยตายอยากของหลานเล่อซิน เธอมอบชีวิตของตนเองไว้ในกำมือของพวกเรา ฉันบอกว่าต้องการให้แสดงต่อ แต่คุณบอกว่าให้ปล่อยเธอไป การกระทำอย่างนี้ แน่นอนว่าทำให้เธอเกิดความไว้วางใจ และยังรู้สึกว่าคุณกับเธอเป็นพวกเดียวกัน”

หลานเสี่ยวถางเข้าใจในทันที แต่ยังคงพูดอย่างตกใจว่า : “เธอเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ?” อย่างไรเสีย การแสดงออกก่อนหน้านี้ของหลานเล่อซินก็ทำให้คนตกใจจนพูดไม่ออก นั่นต้องเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง

“เท่าที่สังเกตเมื่อกี้นี้ ก็น่าจะใช่” เย่เหลียนอีพูดว่า : “แม้ว่าฉันจะใช้ความรุนแรงโดยตรงเป็นเครื่องยับยั้ง แต่ใจของคนนั้นซับซ้อน ถ้าไม่ใช่เรื่องของจิตวิทยา ก็บอกได้ยากมากจริงๆ ในสังคมแบบนี้ สู้กันซึ่งๆหน้าจะรับมือง่ายกว่าการแอบแทงข้างหลัง เป็นการใช้กลอุบายและวางแผนการอยู่เบื้องหลัง”

“แม่ คุณวางใจเถอะ” สือมูเฉินกล่าวว่า : “ฉันจะปกป้องเสี่ยวถางเป็นอย่างดี”

“อืม มีคุณอยู่ข้างๆเสี่ยวถาง เมื่อพวกคุณกลับประเทศจีนไป ฉันก็วางใจหน่อย” เย่เหลียนอีถอนหายใจเบาๆแล้วพูดว่า : “เสียดายที่ตลอดชีวิตนี้ฉันไม่รู้ว่าจะยังมีโอกาสได้ไปประเทศจีนอีกไหม”

“แม่ ขอเพียงแค่ฉันมีเวลาว่าง ก็จะมาเยี่ยมคุณอย่างแน่นอน” หลานเสี่ยวถางพูดว่า : “ใช่แล้ว ในเวลาปกติเราก็วิดีโอคอลหากันได้!”

“โอเค” เย่เหลียนอีลูบๆผมของหลานเสี่ยวถาง : “ดูแลตัวเองดีๆนะ ฉันจะไปส่งพวกคุณ”

สองสามชั่วโมงต่อมา หลานเสี่ยวถางและคนอื่นๆก็นั่งเครื่องบินบินกลับประเทศจีน

ตั๋วเครื่องบินถูกจองโดยสือมูเฉิน พวกเขาทั้งสี่คนอยู่ในชั้นเฟิร์สคลาส

หลานเสี่ยวถางสังเกตเห็นว่า ตลอดการเดินทาง หลานเล่อซินแทบจะไม่กล้ามองเธอเลย ถึงแม้ว่าจะสบตากันโดยบังเอิญ หลานเล่อซินก็ยิ้มให้เธอ

ความผิดปกตินี้ ทำให้หลานเสี่ยวถางรู้สึกขนลุกเล็กน้อย เพียงแต่ลองสังเกตอย่างละเอียดแล้ว ก็รู้สึกว่าหลานเล่อซินไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ

จากสหรัฐอเมริกาถึงประเทศจีน ระยะทางค่อนข้างยาวนาน หลังจากหลานเสี่ยวถางทานอาหารเย็นบนเครื่องบินเสร็จ ก็นอนหลับไปสักพัก ระหว่างทางก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ

ไฟบนเครื่องบินถูกดับหมด มีเพียงแสงสลัวๆ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเงียบสงัดมาก

เพราะตอนกลางวันสือมูเฉินยุ่งมาก เลยนอนหลับสนิท

เมื่อหลานเสี่ยวถางออกจากห้องน้ำ กำลังจะกลับไปยังที่นั่ง ก็เดินผ่านคนคนหนึ่ง

เธอรู้สึกว่าฝีเท้าของคนข้างๆนั้นรวดเร็วมาก จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง

เป็นสือเพ่ยหลิน

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มองเห็นเธอ เขารีบดึงประตูห้องน้ำข้างๆหลานเสี่ยวถางออกอย่างรวดเร็ว

เพียงแต่เขาไม่ได้เดินเข้าไป แล้วก็ไม่ได้เคลื่อนไหว

หลานเสี่ยวถางมองอย่างไม่เข้าใจ สือเพ่ยหลินออกแรงจับราวจับบนเครื่องบินไว้แน่น เนื่องจากออกแรงมากเกินไป บนหลังมือของเขาจึงมีเส้นเลือดปูดนูนขึ้น และเหงื่อเม็ดใหญ่ๆก็ไหลออกมาจากหน้าผากของเขา

เขาพิงข้างประตู สีหน้าซีดขาว กัดฟันแน่นจนได้ยินเสียงขบฟันออกมาเบาๆ ดูเหมือนว่ากำลังอดทนกับอะไรบางอย่างอยู่

หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอาการป่วยของเขา

หรือว่า อาการป่วยของสือเพ่ยหลานกำเริบมาก่อนหน้านี้แล้ว?

อย่างนั้น จะให้ยาหรือไม่มันขึ้นอยู่กับเธอ ถึงเวลาที่เธอจะต้องตัดสินใจแล้วเหรอ?

เธออดไม่ได้ที่จะเดินหน้าไปสองก้าว แล้วกล่าวกับเขาว่า: “คุณเป็นอะไรไป?”

สือเพ่ยหลินรู้สึกเพียงว่าหัวใจเหมือนถูกมดนับพันนับหมื่นกำลังกัดแทะอยู่ ความรู้สึกที่ถูกกัดเซาะเข้าไปถึงกระดูกนั้น ทำให้เขาแทบจะบ้าคลั่ง เขาอาศัยความตั้งมั่นที่มีเพียงเล็กน้อย พยายามประคับประคอง ต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับสวรรค์อย่างต่อเนื่อง

แต่เวลานี้ ได้มีเสียงของผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ความคิดที่ไม่เข้มแข็งของเขาเปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้นมา

เขาเหลือบไปมอง ก็เห็นหลานเสี่ยวถางยืนอยู่ตรงหน้าเขา

เขาจับลูกบิดประตูห้องน้ำเอาไว้แน่น พูดตะกุกตะกักด้วยความยากลำบาก: “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?”

เนื่องจากเซถอยหลังไปเล็กน้อย ดังนั้นประตูห้องน้ำจึงถูกเขาดันถอยหลังไป ไฟเซนเซอร์จึงสว่างขึ้นเล็กน้อย เวลานี้หลานเสี่ยวถางจึงเห็นได้ชัดเจนว่า ใบหน้าที่เก็บซ่อนเอาไว้ของสือเพ่ยหลิน ได้บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย

เขาที่เดิมทีงดงาม เวลานี้ เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ บวกกับความขาวซีดที่ผิดปกติ ดูเหมือนจะแปลกไปอย่างมาก

“คุณเป็นอะไรไปเหรอ?” หลานเสี่ยวถางรู้สึกตื่นตัวเล็กน้อย เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง: “ฉันจะไปเรียกมูเฉินนะ”

“ไม่ต้องเรียกเขา!” สือเพ่ยหลินไม่รู้ว่าเอาพละกำลังมาจากไหน ทันใดเขาก็ปล่อยมือจากลูกบิดห้องน้ำ แล้วปิดปากของหลานเสี่ยวถางเอาไว้ จากนั้น ก็ถอยหลังพาหลานเสี่ยวถางเข้าไปในห้องน้ำทันที

เขาปิดประตูห้องน้ำที่อยู่ข้างตัว ถอยหลังเล็กน้อย แล้วใช้มือที่ว่างอยู่อีกข้างหนึ่งดันล็อกของด้านบน

จู่ๆก็ถูกดึงเข้าไปในพื้นที่ที่คับแคบและปิดสนิทแบบนี้ ทำให้หลานเสี่ยวถางตกใจอย่างมาก

เธอต้องการจะผลักสือมูเฉินออก แต่เขาปิดปากของเธอเอาไว้แน่น เวลานี้มืออีกข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ ได้จับเอวของเธอเอาไว้แน่น

หลานเสี่ยวถางหายใจหอบ หัวใจเต้นเร็ว อ้าปากกัดไปยังฝ่ามือของสือมูเฉินอย่างแรง

ทันใด ภายในปากก็ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

แต่สือเพ่ยหลินยังคงไม่ปล่อยเธอ เขาเหลือบตาไปมองเธอ หายใจหอบถี่ยิ่งกว่าเธอ

เพียงแต่ อาจเป็นเพราะความเจ็บจริงๆ มือที่เขาปิดปากของเธอเอาไว้จึงสั่นเล็กน้อย แล้วจึงถูกเธอผลักออกในทันที

“สือเพ่ยหลิน!” หลานเสี่ยวถางจ้องมองเขม็ง: “สารเลว!”

แต่เมื่อเธอด่าเสร็จ เขากลับไม่ได้ตอบสนองอะไร

เธอมองเห็นว่า มีเลือดสีแดงสดไหลลงมาตามฝ่ามือที่ได้รับบาดเจ็บ หยดลงติ๋งๆ แต่เหมือนกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกถึงมันเลย คนก็ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว หลังพิงติดกับประตูห้องน้ำอยู่อย่างนั้น

———หนังสือยอดนิยมที่สุด ที่ได้รับความสนใจในการค้นหาบนวีแชต [樱桃阅读] โหลดเลยจะได้ไม่พลาด———

“คุณรีบหลีกไปซะ ฉันจะออกไป” หลานเสี่ยวถางกล่าวอย่างใช้อำนาจบีบบังคับ: “ถ้าคุณไม่หลบไปอีก ฉันจะร้องเรียกคน! บนเครื่องบินมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนะ!”

แต่คำพูดของเธอเหมือนกับพูดลอยๆไปในอากาศ สือเพ่ยหลินไม่ได้มีการตอบสนองเลยแม้แต่น้อย เลือดของเขายังคงไหลอย่างต่อเนื่อง เหงื่อบนหน้าผากของเขาหยดติ๋งๆลงบนพื้น ผสมกับเลือดสีแดงสด จึงกลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆอย่างรวดเร็ว

หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เธอสังเกตเห็นความผิดปกติของสือเพ่ยหลิน เกรงว่าเขาจะทำเรื่องอะไรที่น่าหวาดกลัว ด้วยเหตุนี้ จึงอ้าปากจะร้องขอความช่วยเหลือ

แต่ในขณะนั้นที่เธอกำลังจะร้องตะโกนออกมา สือเพ่ยหลินที่เดิมทียืนนิ่งพิงอยู่หน้าประตู ก็เลื่อนตัวลงไปตามประตูห้องน้ำ

หลานเสี่ยวถางตกใจอย่างมาก: “เฮ้ คุณจะใช้กลอุบายอะไรอีกเนี่ย?”

แต่เสียงตะโกนของเธอ สือเพ่ยหลินไม่ได้ตอบสนอง ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน สีหน้าขาวซีดมากขึ้น แต่เพราะริมฝีปากที่แดง ดังนั้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็นความผิดปกติที่งดงามอย่างยากที่จะอธิบาย

“สือเพ่ยหลิน?” หลานเสี่ยวถางลังเลใจเล็กน้อย ยื่นมือเข้าไปเขย่าสือเพ่ยหลินเล็กน้อย

เขาจึงมีการตอบสนองเล็กน้อย แล้วค่อยๆเงยหน้ามองไปยังหลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถาง——”

“คุณป่วยเหรอ?” หลานเสี่ยวถางกล่าว: “ฉันจะออกไปเรียกหมอให้คุณนะ”

“ไม่ต้อง!” สือเพ่ยหลินตื่นเต้นเล็กน้อย เขายื่นมือไปดึงหลานเสี่ยวถาง เธอเห็นฝ่ามือที่เปื้อนเลือดของเขา อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง ใจฝ่อเล็กน้อย

“ตกลงคุณเป็นอะไรกันเนี่ย?” หลานเสี่ยวถางขมวดคิ้วแล้วกล่าวถาม

“ไม่ต้องเรียกคนหรอก อีกสักพักฉันก็ดีขึ้น…..” สือมูเฉินขากรรไกรสั่นเล็กน้อย คนขดงอตัวอยู่บนพื้นที่คับแคบ: “อยู่เป็นเพื่อนฉันสักพักนะ ขอร้องคุณล่ะ…….”

แต่ไหนแต่ไรหลานเสี่ยวถางไม่เคยเห็นสือเพ่ยหลินจนตรอก และต้องขอร้องคนอย่างไร้ค่าขนาดนี้มาก่อน เธอยืนนิ่งอยู่ในมุม แล้วก้มหน้าลงไปมองเขา: “โรคของคุณกำเริบเหรอ?”

เขาส่ายหน้า ยื่นมือไปคว้าบนพื้น บนหลังมือเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีเขียวที่น่าสยดสยอง

เป็นเวลานาน เขาจึงฝืนใจพูดมาประโยคหนึ่งว่า: “เฉินจื่อโร่ว ให้ฉัน เสพยาเสพติด……”

หลานเสี่ยวถางรูม่านตาขยายในทันที: “อาการติดยาของคุณกำเริบ?”

“อืม” ร่างกายของสือเพ่ยหลินเริ่มสั่นอย่างต่อเนื่อง: “ไม่ต้อง ไม่ต้องเรียกคน……”

เขาไม่เต็มใจที่จะให้คนมาเห็นสภาพจนตรอกของเขาในเวลานี้ เขาไม่คาดหวังที่จะเห็นหัวข้อข่าวบนเว่ยป๋อในวันรุ่งขึ้นว่า ‘คุณชายของTimes Groupเสพยาเสพติด จนไม่เป็นผู้เป็นคน’

อีกอย่าง เขาก็ไม่อยากให้มูเฉินมาเห็นสภาพปัจจุบันนี้ของเขา

ไม่ว่าจะด้วยความรักหรือธุรกิจ เขาก็ต้องพ่ายแพ้มาครั้งหนึ่งแล้ว ไม่อยากให้คนต้องมาหัวเราะเยาะอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือไม่อยากให้สือมูเฉินต้องมาหัวเราะเยาะ!