หลานเสี่ยวถางมองเขา : “ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ก็คงไม่ทำตั้งแต่แรก”
สือเพ่ยหลินได้ยินประโยคนี้ ขอบตาก็ร้อนขึ้นมา เขาอยากจะพูดอะไร แต่เพราะว่าร่างกายที่ไม่สบายทำให้เขายากที่จะพูดด้วยน้ำเสียงปกติ อีกทั้งจะอธิบายว่าอย่างไร?
“อย่าไป” สือเพ่ยหลินมองหลานเสี่ยวถาง เขายังคงบีบแผลที่ฝ่ามือของเขา ความเจ็บปวดพอช่วยบรรเทาอาการที่เกิดจากสารเสพติดได้ : “เสี่ยวถาง อย่าไป……”
เขาคาดไม่ถึงว่า วันหนึ่งเขาจะต้องมาขอร้องเธอด้วยท่าทีที่ต่ำต้อยไร้ค่าเช่นนี้ แสดงความอ่อนแอและความน่ารังเกียจของตนเองต่อหน้าของเธอในตอนนี้
แต่ดูหมือนเขาจะพบว่ามีเธอคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาจึงพยายามต่อต้านความคิดที่จะยอมแพ้ในใจ เขาจึงไม่วิ่งออกไป แล้วขอร้องคนให้เอาสิ่งเสพติดนั้นให้เขา!
สือเพ่ยหลินพูดกับตนเองในใจ อีกสักพัก อดทนไว้เดี๋ยวก็ดีขึ้น……
ถึงแม้ว่าในเวลานั้นเฉินจื่อโร่วจะให้เขาสูบยาไปในปริมาณไม่น้อย แต่เพราะว่าสูบไปแค่ครั้งเดียว ฉะนั้นจึงนับว่าเป็นอาการอยากยาหลอกๆเท่านั้น เขาขอเพียงแค่ผ่านความทรมานสองครั้งนี้ไปได้ ต่อไปก็จะดีขึ้น!
หลานเสี่ยวถางเห็นร่างกายของสือเพ่ยหลินสั่นเทา เป็นเพราะเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ไม่นานเสื้อเชิ้ตก็เปียกชุ่ม เผยให้เห็นกล้ามเนื้อด้านในอย่างชัดเจน
และเลือดที่อยู่บนมือ เลือดสดๆหยดลงบนเสื้อเชิ้ต เหมือนดอกบ๊วยสีแดงที่เบ่งบานท่ามกลางหิมะ สีสันแสบตา
เธออดไม่ได้ที่จะหันหน้าออก : “มือของคุณจำเป็นต้องพันแผลหน่อยนะ”
สือเพ่ยหลินได้ยินคำพูดของเธอ ใบหน้าที่บูดเบี้ยวก็เผยรอยยิ้มออกมา : “เป็น ห่วง เหรอ?
เขาพูดออกมาอย่างยากลำบาก
เธอเป็นห่วงเขาใช่ไหม? เธอยังคงใจอ่อนกับเขา? เธอทนเห็นเขาบาดเจ็บไม่ได้ใช่ไหม ไม่อยากให้เขาตายใช่ไหม?
นึกถึงตรงนี้ สือเพ่ยหลินรู้สึกว่ามีบางอย่างในใจค่อยๆมีชีวิตชีวาขึ้นมา และดูเหมือนจะทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาด้วย
อาการเจ็บปวดกระดูกค่อยๆลดลงทีละน้อยๆ ดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นความหวัง
เธอยังมีความรู้สึกที่หลงเหลือต่อเขาอยู่ใช่ไหม? เช่นนี้เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเห็นเขาข่วนทำร้ายตนเองจนเป็นแผลใช่ไหม?
เธอยังคงรักเขาอยู่ใช่ไหม?
ในที่สุดอาการอยากยาก็หายไป สือเพ่ยหลินเหมือนกับถูกฉุดขึ้นมาจากน้ำ
เขาค่อยๆขยับเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแรงก็แทบจะล้มลงไป
เขาเกี่ยวราวจับข้างๆไว้ ค่อยๆลุกยืนขึ้นมา หลังพิงประตู ค่อยๆรวบรวมพละกำลัง
“เสี่ยวถาง——” เขามองเธอใกล้ๆ : “ขอบคุณนะ”
“ฉันจะไปแล้ว” หลานเสี่ยวถางรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เมื่อกี้เธออยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว ถ้าสือมูเฉินเข้าใจผิดจะไม่ดี
“เดี๋ยวสิ!” สือเพ่ยหลินยื่นมือออกไปต้องการจะไปดึงหลานเสี่ยวถาง เห็นว่าเธอหลบหลีกโดยสัญชาตญาณ มือของเขาจึงแข็งทื่อกลางอากาศ ไม่ขยับเคลื่อนไหว
“เสี่ยวถาง ฉันอยากจะถามคุณสักคำถามหนึ่ง” เขามองเธอภายใต้แสงไฟ
“คุณพูดมาสิ” หลานเสี่ยวถางพูดต่อว่า : “แต่จะตอบหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับฉันเป็นคนเลือก”
สือเพ่ยหลินยิ้มเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มถากถางตนเอง : “หลังจากที่คุณกับคุณอาอยู่ด้วยกัน ก็รู้จักการป้องกันตัวดีกว่าเมื่อก่อนจริงๆ เป็นไปอย่างที่คาดไว้ เขาสอนคุณมาไม่น้อย ดีกว่าที่ฉันเคยทำก่อนหน้านี้!”
“ในเมื่อคุณรู้แล้ว อย่างนั้นจะต้องพูดอะไรอีก” หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นมอง : “ฉันต้องออกไปแล้ว ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด” พูดจบเธอก็ยื่นมือไปเปิดล็อก
“เสี่ยวถาง” สือเพ่ยหลินมองด้านหลังของเธอ : “คุณยังมีความรักความผูกพันต่อฉันอยู่ใช่ไหม?”
“ไม่มี” หลานเสี่ยวถางตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา แล้วเปิดล็อกออก เปิดประตูห้องน้ำออกเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็จะออกไปเลย
“อย่างนั้นก่อนหน้านี้ล่ะ?” สือเพ่ยหลินมองตัวเองในกระจก
ผมเปียกชื้นติดหน้าผาก แววตาหม่นหมอง สีหน้าซีดเผือด เนื้อตัวเหมือนตกลงไปในน้ำ เสื้อเชิ้ตสีขาวจึงเปลี่ยนรูปทรงไปหมดแล้ว
ร่างกายและริมฝีปากของเขาก็สั่นเทา : “เมื่อกี้คุณบอกว่า’ไม่มี’ แต่ไม่ได้โต้แย้งคำถามของฉัน พิสูจน์ได้ว่าก่อนหน้านี้คุณรู้สึกดีกับฉันใช่ไหม?”
เขาเห็นว่าหลานเสี่ยวถางดึงประตูเปิดแล้ว เขาจึงรีบเข้าไปกดหลังมือของเธอไว้ : “ถ้าคุณไม่ให้ยาฉัน ฉันตายไปแล้ว คุณจะจดจำฉันไปตลอดชีวิตใช่ไหม?”
หลานเสี่ยวถางเงยหน้าทันที : “คุณหมายความว่าอย่างไร?
เขาค่อยๆปล่อยเธอออก : “เสี่ยวถาง คุณเป็นคนจิตใจดี ฉันผิดเองที่ผ่านมาฉันไม่เห็นคุณค่าของคุณ ถ้าฉันโชคดีมีชีวิตรอดต่อไปได้ ฉันจะไม่ละความพยายามที่จะตามคุณกลับมา”
เขาจ้องมองเธอไม่ละสายตา แล้วพูดว่า : “ฉะนั้นคุณก็ต้องคิดให้ดีๆ ว่าท้ายที่สุดแล้วต้องการจะหายามาให้ฉันไหม”
หน้าอกของหลานเสี่ยวถางแปรปรวนไปหมด ความโกรธพุ่งขึ้นมาในจิตใจ
เธออยากจะด่าเขา อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็เลือกที่จะยอมแพ้ เธอเปิดประตูแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกี้ที่สือเพ่ยหลินตั้งใจพูดแบบนั้น ก็เพื่ออยากให้เธอลำบากใจ สุดท้ายก็ให้เธอตัดสินใจในสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดจากก้นบึ้งของหัวใจ!
เขาพูดถูก เพราะเธอเป็นคนจิตใจดี ฉะนั้นถ้าเธอไม่ให้ยาเขา เขาตายไปแล้ว แน่นอนว่าเธอต้องไม่สบายใจ จะต้องจดจำเรื่องนี้ จดจำเขาตลอดไป
แต่ถ้าเธอให้ เขาก็แสดงชัดเจนว่าจะรังควานเธอ!
หลานเสี่ยวถางกลับไปยังที่นั่งอย่างหงุดหงิด แล้วจึงตระหนักได้ว่าเมื่อกี้เธอต้องการจะไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้ความคิดสับสนยุ่งเหยิงไปหมด!
และหลังจากที่เธอออกไปแล้ว สือเพ่ยหลินจึงค่อยๆละสายตาจากหลานเสี่ยวถาง
เขาปิดประตู ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง
เมื่อกี้มือข้างที่สมบูรณ์นี้ ลูบอยู่บนหลังมือของหลานเสี่ยวถาง ดูเหมือนว่าอุณหภูมิของร่างกายยังคงหลงเหลืออยู่
เขาเอามือมาวางไว้ที่จมูก แล้วสูดดมเข้าไปอย่างแรง มุมปากเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา
เป็นเวลานาน เขาจึงได้ลืมตาขึ้น
เลือดที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาเริ่มแห้งกรังแล้ว เขาวางมือใต้ก๊อกน้ำ น้ำไหลลงมาโดยอัตโนมัติ ชะล้างคราบเลือดที่อยู่บนนั้น และเผยให้เห็นบาดแผลที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
ด้านบนมีรอยพิมพ์ฟันสองแถว แล้วก็รอยฉีกขาดหลายรอยที่ลึกอย่างมาก
เธอช่างโหดเหี้ยมจริงๆ ที่กัดลงไปแรงขนาดนี้!
แววตาของสือเพ่ยหลินเปลี่ยนไป และหัวเราะออกมาเบาๆ
เขาล้างคราบเลือดบนร่างกายและบนพื้นจนสะอาด แล้วก็สวมเสื้อเชิ้ตที่เปียกชื้นออกมาแบบนั้น
กลับไปถึงที่นั่ง หลานเสี่ยวถางที่คล้ายกับเพิ่งจะกลับมาจากห้องน้ำอีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นเขา ก็ดึงสายตากลับทันที จากนั้น ก็หลับตาไม่มองเขาอีก
ด้านข้าง สือมูเฉินที่ยังคงหลับสนิท ดูเหมือนว่า จะไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้โดยสิ้นเชิง
สือเพ่ยหลินยกยิ้มมุมปาก
นี่ถือว่าเป็นความลับระหว่างเขากับหลานเสี่ยวถางไหม?
ผ่านไปหลายชั่วโมง เครื่องบินก็ลงจอด พอหลานเสี่ยวถางเปิดเครื่อง ก็มีข้อความหลายข้อความเข้ามา
เมื่อเธอเห็นเนื้อหาด้านบน ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
สองสามวันมานี้เกิดเรื่องราวขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้น คาดไม่ถึงว่าเธอจะลืมเรื่องที่หลานไห่ฮว๋าและภรรยาให้เธอรวบรวมเงินสิบล้านไปจนสนิท
ก่อนหน้านี้เธอบังเอิญได้พบโครงการที่ทำกำไรโครงการหนึ่ง แต่ตอนนี้ เธอจะไปหาเงินเหล่านั้นจากที่ไหนกัน?
ถึงแม้จะรู้ว่าแม่ของตนเองร่ำรวยมาก แต่เธอก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว มิหนำซ้ำ เรื่องเหล่านี้คือเรื่องในอดีตตอนที่เธออยู่ตระกูลหลาน โดยสัญชาตญาณเธอไม่อยากให้แม่ของตนเองเข้าไปเกี่ยวข้อง
เวลานี้ สือมูเฉินที่อยู่ข้างๆเห็นหลานเสี่ยวถางจ้องมองมือถืออย่างเหม่อลอย จึงเข้าไปใกล้แล้วกล่าวถามว่า: “เสี่ยวถาง เป็นอะไรไปเหรอ?”
“ห๊ะ?” หลานเสี่ยวถางเก็บมือถือ: “ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
เดิมทีสือมูเฉินก็เพียงแค่ถามไปอย่างนั้น แต่เวลานี้เห็นการแสดงออกของหลานเสี่ยวถางก็รู้ว่าอันที่จริง’มีอะไรบางอย่าง’
เขาหรี่ตามอง น้ำเสียงหนักแน่นขึ้น: “มีความลับอะไร ที่ไม่อยากให้สามีของคุณรู้งั้นเหรอ?”
“ไม่มีค่ะ——” หลานเสี่ยวถางโบกไม้โบกมือ: “ฉันไม่ได้ทำเรื่องอะไรให้คุณต้องเสียใจหรอกค่ะ”
สือมูเฉินยื่นมือไปจับเอวของหลานเสี่ยวถางเอาไว้ ทำให้เธอจั๊กจี้เล็กน้อย: “ไม่บอกจริงๆเหรอ?”
สีหน้าของหลานเสี่ยวถางค่อนข้างลำบากใจ กลัวว่าสือมูเฉินจะคาดเดาไปเรื่อยเปื่อย จึงทำได้เพียงฝืนใจกล่าวอธิบายว่า: “คือเรื่องที่ฉันต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ค่ะ……..”
สือมูเฉินขมวดคิ้ว: “พวกเขากลับมาหาคุณอีกแล้วเหรอ?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า
———หนังสือยอดนิยมที่สุด ที่ได้รับความสนใจในการค้นหาบนวีแชต [樱桃阅读] โหลดเลยจะได้ไม่พลาด———
“พวกเขาไม่ไปหาลูกสาวแท้ๆของพวกเขา แต่กลับมาหาคุณอย่างนั้นเหรอ?” สือมูเฉินกล่าวถามอีกครั้ง
หลานเสี่ยวถางกล่าวว่า: “พวกเขาอาจจะเห็นว่าหลานเล่อซินก็คงไม่มีเงินเหมือนกัน”
“ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้น?” สือมูเฉินกล่าวถามอย่างจริงจัง: “เสี่ยวถาง พวกเราแต่งงานกันแล้วนะ คุณเจอเรื่องลำบากอะไรก็ต้องบอกฉันเป็นคนแรกสิ ไม่ใช่เก็บไว้ในใจของตัวเอง”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกซาบซึ้งใจ ด้วยเหตุนี้ จึงเล่าเรื่องทั้งหมดคร่าวๆให้ฟังรอบหนึ่ง แล้วกล่าวตอนสุดท้ายว่า: “คาดว่าที่พวกเขามาหาฉันคือต้องการให้ฉันใช้จำนวนเงินที่เหลือให้ครบ”
“เสี่ยวถาง คุณนัดพวกเขาออกมา พรุ่งนี้ตอนบ่าย” สือมูเฉินกล่าว: “ถึงเวลา ฉันจะไปพบพวกเขา”
“ห๊ะ?” หลานเสี่ยวถางแปลกใจ: “คุณจะไปเองเหรอ?”
“ใช่” สือมูเฉินกล่าว: “ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกเขารังแกภรรยาของฉันอีกต่อไป”
ในวันเดียวกัน ทุกคนต่างเจ็ตแล็กอยู่ในบ้าน ตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น สือมูเฉินมาถึงร้านกาแฟในมุมหนึ่ง ตามที่นัดหมายกันไว้
เขานั่งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เป็นจุดสนใจ ร่างกายส่วนใหญ่ถูกต้นไม้สีเขียวกำบังไปกว่าครึ่ง
นั่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นหลานไห่ฮว๋าและภรรยาเดินเข้ามาจากด้านนอก ทำท่าทีเหลียวซ้ายแลขวามองหาตำแหน่งที่นั่ง
สือมูเฉินจึงลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ เดินด้วยฝีเท้าเบาๆ ไปยังตรงหน้าของคนทั้งสอง
คนทั้งสองหันกลับมา ก็เห็นสือมูเฉินดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงตรงหน้าแล้ว
“คุณ——” หลานไห่ฮว๋าสีหน้าเปลี่ยนไป: “เสี่ยวถางล่ะ? ทำไมถึงเป็นคุณ? คุณพาคนมากี่คน?”
“วางใจเถอะ” สือมูเฉินหยิบถ้วยกาแฟถ้วยที่เขาดื่มอยู่ก่อนหน้านี้: “หลังจากนี้ไป เสี่ยวถางจะไม่มาพบพวกคุณเพียงลำพัง พวกคุณมีเรื่องอะไร บอกกับฉันได้โดยตรง”
คนทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้น หลานไห่ฮว๋าก็กล่าวอย่างสงสัยว่า: “สือมูเฉิน คุณชอบเสี่ยวถางมากเลยเหรอ?”
สือมูเฉินยิ้มมุมปาก: “ฉันไม่ว่างพอที่จะมาคุยเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญกับพวกคุณหรอกนะ ที่ฉันมาวันนี้ ก็ไม่ได้มีเมตตา แต่จะบอกกับพวกคุณว่า จะไม่มีเงินแม้แต่หยวนเดียว!”
“สือมูเฉิน!” หูซิ่วจูสีหน้าเปลี่ยนไป: “คุณอย่าโหดเหี้ยมเกินไปเลย! พวกเรารู้ความจริงของเสี่ยวถาง แล้วก็ความจริงของคุณแล้ว คุณว่า ถ้าหากพวกเราขายเรื่องที่เมื่อก่อนเสี่ยวถางกับเพ่ยหลินเคยแต่งงานกันออกมา Times Groupของพวกคุณ จะยังดูดีอยู่ไหม? แล้วคุณสือมูเฉินจะยังดูดีอยู่หรือเปล่า?!”
“ที่คุณพูดมา มันก็เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว” สือมูเฉินกล่าวอย่างไม่แยแสว่า: “ต่อให้ขายไป คุณคิดว่าฉันต้องแคร์ไหม?”
หลานไห่ฮว๋าหรี่ตามอง: “คุณไม่แคร์จริงๆเหรอ? สือมูเฉิน คุณอย่าลืมสิว่า ก่อนหน้านี้คุณเป็นคู่หมั้นกับเล่อซินของเรา นั่นคือเรื่องที่ทุกคนต่างก็รับรู้ คุณทอดทิ้งเล่อซิน เสี่ยวถางทรยศสือเพ่ยหลิน พวกคุณอยู่ด้วยกันแบบนี้ คุณแน่ใจนะว่าเรื่องภายในแบบนี้ออกมา พวกคุณเดินไปตามถนน จะไม่จมน้ำลายของประชาชนตาย?!”
“คุณลุงหลาน ไม่ยอมรับไม่ได้ว่า คุณสร้างสถานการณ์ด้านความคิดเห็นต่อสาธารณะได้ดีมาก” สือมูเฉินยิ้มๆอย่างเยือกเย็นสุขุม: “แต่คุณก็น่าจะรู้ว่า ที่เรียกว่าความคิดเห็นสาธารณะ ล้วนถูกควบคุมโดยคนรวย คุณคิดว่า หลังจากที่คุณเปิดโปงเรื่องนี้ออกไปแล้ว ฉันจะไม่มีความสามารถ ที่จะทำให้เรื่องที่คุณเรียกว่าความจริง ให้ดำเนินไปอีกด้านหนึ่งเหรอ?”
เขาพูดพลาง หยิบสำเนาเอกสารสองฉบับออกมาจากในกระเป๋า: “รบกวนท่านทั้งสองลองอ่านดูให้ดี แล้วค่อยตัดสินใจ”