ตอนที่ 35-2 เพื่อนพี่ชายใหญ่

แต่เดิมเกาหมินเป็นผู้ที่เอาแต่ใจตนเอง และหยิ่งผยอง

แต่ในตอนนี้สีหน้าของเกาหมินนั้นได้เปลี่ยนไป และถอยไปข้างหลังอย่างมิสามารถควบคุมได้

และขณะนี้ หลี่จางเล่อ ผู้ที่กำลังยืนอยู่ด้านข้างเริ่มมีใบหน้าที่ขาวซีด โดยกล่าวอันใดมิออกสักคำ

เพราะพวกเขามิเคยเห็นพฤติกรรมที่ก้าวร้าวเช่นนี้จากหลี่เว่ยหยางมาก่อน

เกามินได้ท้าทายขึ้นมาว่า

“เจ้ากล้าหรือ? เจ้าต้องการเช่นนั่นใช่หรือไม่”

หลี่เว่ยหยางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเฉยเมยและจ้องมองพวกเขา:

“มีอันใดบ้าง ที่ข้ามิกล้าทำ!”

นางดึงแขนเสื้อขึ้น และกล่าวออกมาอย่างชัดเจนว่า

“ท่านเบื่อข้า และข้าก็มิต้องการเห็นหน้าท่าน เนื่องจากเรามิสามารถทนเห็นกันและกันได้

ดังนั้นข้าหวังว่า ต่อแต่นี้ไปหากพี่เกาหมินเห็นข้า โปรดอยู่ห่างจากข้าอย่างน้อยหนึ่งเมตร”

หลังจากที่เว่ยหยางกล่าวจบแล้ว นางได้หันหน้า และเตรียมตัวที่จะจากไป

แต่เกาหมินตะโกนไล่หลังมาอย่างโกรธแค้นว่า

“หลี่เว่ยหยาง! เจ้ามันไร้การศึกษา! … ข้าจะฟ้องท่านลุงหลี่”

หลี่เว่ยหยางหันร่างของนางกลับอย่างแรง ขณะที่ดวงตาคู่นั้นยิงลำแสงเยือกเย็นออกมา

ทำให้นางดูมิเหมือนกับเด็กสาวในวัยสิบสามที่แสนจะบอบบาง:

“เอาเลย ข้าแน่ใจว่า ท่านพ่อจะต้องชื่นชมพี่เกาหมินที่เข้ามาวุ่นวายกับเรื่องภายในบ้านของพวกเรา!

และข้าเชื่อว่า คำกล่าวของท่านเมื่อครั้งที่แล้วนั้น ท่านพ่อคงยากที่จะลืมมัน“

เกาหมินเกิดอาการตัวสั่นด้วยความโกรธแค้น และใบหน้าของนางนั้นซีดขาวจนมิรู้ว่าจะเปรียบกับอันใดดี

นางโกรธจนมิสามารถกล่าวอันใดออกมาได้แม้แต่คำเดียว ในขณะที่จ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง

เดิมทีหลี่จางเล่อต้องการให้เกาหมินผู้เย่อหยิ่งสั่งสอนหลี่เว่ยหยาง

แต่เมื่อเห็นสถานการณ์แล้ว นางจึงมืมีทางเลือกอื่น นอกจากพยายามทำให้เกาหมินสงบลง ขณะที่กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า

“น้องสามของเราเติบโตในชนบท และนางยังเด็กจึงยังมิเข้าใจอันใดมากนัก

หากนางทำให้ท่านขุ่นเคือง ก็โปรดอย่าได้ถือสาเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ฉางซีจึงยิ้มและกล่าวว่า:

“พี่สามอาศัยอยู่กับผู้คนพวกนั้นมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้ตอนนี้นางกลายเป็นคนหยาบคาย และมิใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทางที่ดีที่สุดคือ ท่านควรจะกลับไป และขวนขวายหาความรู้ใส่ตนเองให้มากขึ้น

ด้วยวิธีนี้ ท่านจะสามารถหลีกเลี่ยงการถูกเหยียดหยาม

ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะเราด้วย”

หลี่ฉางเซียวกัดริมฝีปากของตนเอง เพราะนางต้องการที่จะกล่าวบางอย่างกับหลี่เว่ยหยาง

แต่สุดท้ายก็ต้องเก็บคำกล่าวเหล่านั้นเอาไว้ในใจ

“โอ้? เจ้ามิชอบที่ข้าทำให้พวกเจ้าเสียหน้าเช่นนั้นหรือ?”

ดวงตาของหลี่เว่ยหยางเหมือนไฟเย็นที่พร้อมจะแผดเผาผู้ที่อยู่รอบข้าง

“พี่ใหญ่, น้องห้า ทุกปีในช่วงวันเกิดของพวกท่าน ท่านพ่อจะทำทุกอย่างเพื่อเตรียมของขวัญให้

ท่านรู้หรือไม่ว่า

ผ้าไหมที่มีความงดงามเหล่านั่นถูกทำขึ้นโดยเด็กผู้หญิงไร้เดียงสาโดยที่พวกนางจะต้องทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน

พวกนางตั้งใจทำมันจนตาแทบจะบอด เพื่อสร้างสิ่งเหล่านี้

หนังหมีที่มีความงดงามเหล่านี้ก็เช่นกัน มันถูกจับโดยนักล่าที่หยาบกระด้างเหล่านั้น

พวกเขาซุ่มโจมตีเป็นเวลาหลายวันท่ามกลางหิมะในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ กว่าจะได้มันมา

และไข่มุกอันล้ำค่าเหล่านี้ได้ถูกหามาโดยผู้คนธรรมดาสามัญที่ต่ำต้อย ผู้ซึ่งยอมสละชีวิตในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่

พวกท่านกิน ดื่ม และใช้สอยสิ่งเหล่านี้ มันมิได้มาจากคนต่ำต้อยและหยาบคายที่พวกท่านดูถูกหรอกหรือ?

อาศัยสามัญชน แต่กลับด่าทอพวกเขา แล้วพวกท่านคิดว่า ผู้ใดกันแน่ที่ต่ำช้าและหยาบคายกว่ากัน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างก็หน้าชาไปตาม ๆ กัน

และเมื่อเห็นว่า เว่ยหยางมีแนวคิดที่ละเอียดอ่อนเช่นนั้น ขณะที่นางยิ้มอย่างเย็นชาอย่างมิสามารถอธิบายได้

พวกเขาจึงมิรู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร แต่ได้มีความหวาดกลัวบางอย่างเกิดขึ้นในใจ

หลี่ฉางซีเห็นการแสดงออกของหลี่จางเล่อ ที่แสดงถึงความลำบากใจจึงรีบกล่าวว่า:

“พี่ใหญ่ อย่าเก็บเอาคำกล่าวของพี่สามมาใส่ใจเลย! ไปกันเถิด!”

“หากมิใส่ใจในคำกล่าวของผู้หญิงหยาบคาย ที่มาจากชนบทอย่างข้าก็แล้วไป

เช่นนั้นพวกท่านทุกคนก็ควรอยู่อย่างผู้ที่มีศักดิ์ศรีสูงส่งเช่นนี้ต่อไป

และเมื่อนำหนังของพวกท่านไปเทียบกับถนนแล้ว มิทราบว่าสิ่งไหนจะหนามากกว่ากัน!”

หลี่เว่ยหยางหัวเราะอย่างน่ากลัว

และแม้ว่าจะเกิดใหม่อีกสักกี่ครั้ง นางก็จะมิลืมคำสบประมาทเหล่านี้ และจะมิอดกลั้นเพราะความเกรงใจ

เมื่อพวกเขาเข้าใกล้นางเมื่อใด นางจะมิมีทางปล่อยให้พวกเขาหลุดมือไปง่าย ๆ !

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะที่ชัดเจนของชายผู้หนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

ทุกคนต่างก็อยู่ในอาการตกตะลึงเมื่อเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังเดินเข้ามาหาพวกนางอย่างสง่างาม

เบื้องหน้าของพวกนางคือ ชายหนุ่มผู้องอาจ และมีท่าทีที่เด็ดเดี่ยวสมชายชาตรี

เขาสวมเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกสีเงินด้านนอก ซึ่งบุด้วยขนสีดำสนิทด้านใน

รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขาสามารถทำให้บรรดาสาว ๆ เกิดความหลงใหลได้

เมื่อหลี่ฉางซีเห็นเขา จึงยิ้มอย่างมีความสุข:

“พี่ชายใหญ่, ท่านกลับมาแล้ว!”

หลี่หมินเฟิงยิ้มกว้าง:

“อย่ากล่าวถึงเรื่องอื่น ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนควรรีบทำความเคารพเพื่อนของข้าก่อน”

ก่อนที่จะกล่าวจบ ทุกคนก็ได้เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา ผู้ซึ่งสวมชุดขนสัตว์กำลังเดินเข้ามาอย่างใจเย็น

และในตอนนี้ทุกคนต่างก็ยืนนิ่งด้วยความสงสัย…