ตอนที่ 134 เนรคุณและอกตัญญู

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 134 เนรคุณและอกตัญญู
น้ำตาไหลรินออกมาจากหางตาขององค์หญิงใหญ่

“บิดาของข้าเกิดมาในฐานะซื่อจื่อ ทุกครั้งที่มีสงคราม ท่านพร้อมออกรบเสมอ! มารดาของข้าเป็นกังวลจนนอนไม่หลับทุกคืน ท่านโน้มน้าวบิดาอยู่หลายครั้ง ทว่า บิดากล่าวว่า ‘หากแคว้นเกิดสงคราม ชาวบ้านเผชิญภัยพิบัติ บุรุษและสตรีของตระกูลไป๋ห้ามนิ่งนอนใจ ต้องเสียสละออกรบ สละชีพเพื่อปกป้องชาวบ้าน นี่คือเกียรติของตระกูลไป๋ จงปฏิบัติตนให้เหมือนดั่งธงเฮยฟานไป๋หมั่ง[1] ห้ามล้มลงเด็ดขาด จงรวบรวมพละกำลังทั้งหมดกวาดล้างศัตรูผู้มารุกรานแคว้นต้าจิ้น’ ข้าเป็นหลานสาวคนโตของตระกูล คุณชายทั้งสิบเจ็ดคือน้องชายของข้า ทุกคนเกิดไม่ได้เกิดมาพร้อมกัน แต่ล้วนให้เกียรติกันและกันตามลำดับความอาวุโส ทุกคนต่างมีความทะเยอทะยานที่เหมือนกัน หากถามว่าสิ่งที่ปรารถนามากที่สุดในชีวิตนี้คือสิ่งใด ทุกคนคงตอบเหมือนกันว่า…แผ่นดินร่มรื่น ใต้หล้าสงบสุข!”

“บุรุษทุกคนของตระกูลไป๋มีเกียรติ มีความจงรักภักดี ความกล้าหาญ ซื่อตรง ยิ่งใหญ่เหนือผู้ใด เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายผู้คน สละชีวิตของตัวเองตอบแทนบุญคุณของชาวบ้าน สละชีพของตัวเองเพื่อปกป้องชาวบ้านที่หนานเจียงให้มีชีวิตรอดปลอดภัย”

ชาวบ้าน คนตระกูลสูงศักดิ์และแม่ทัพที่ยืนอยู่นอกจวนเจิ้นกั๋วกงต่างน้ำตาคลอ บางคนเปล่งเสียงร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด บางคนใช้แขนเสื้อปาดน้ำตา บางคนยืนตัวตรงน้ำตาคลออยู่นิ่งๆ

ความจงรักภักดีของตระกูลไป๋สลักอยู่ในใจของทุกคน สวรรค์รับรู้ คนทั่วหล้ารับรู้

ไป๋ชิงเหยียนอ่านคำไว้อาลัยจนจบด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า คุกเข่าน้ำตานองอยู่หน้าเตาผิง ยื่นกระดาษเขียนคำไว้อาลัยลงไปในกองไฟ

องค์หญิงใหญ่ก้มหน้าสั่งเสียงเบา “เจี่ยงหมัวมัว…พาคนเข้ามา”

ต้องมีคนทำหน้าที่โยนชามกระเบื้อง หลังจากโยนชามกระเบื้องเสร็จ…องค์หญิงใหญ่จะมอบบุตรอนุผู้นี้ให้แก่ไป๋ชิงเหยียน นางจะฆ่าจะแกงอย่างไรก็แล้วแต่นาง

เจี่ยงหมัวมัวพยักหน้ารับคำ ตะโกนออกไปด้านนอกโถงทำพิธี “พาคนเข้ามา!”

ไม่นาน องครักษ์ร่างกายกำยำสองคนเดินตามบุตรอนุผู้นั้นเข้ามาในโถงทำพิธี

ผู้ใดจะคาดคิดว่าเมื่อไป๋เสวียนเดินเข้ามาในโถงทำพิธี ยังไม่ทันเดินเข้าไปทำความเคารพองค์หญิงใหญ่ จู่ๆ ก็มีองครักษ์จากที่ใดก็ไม่รู้โผล่ออกมาจับกุมตัวไป๋ชิงเสวียน กดให้เขานั่งคุกเข่าลงกลางโถงทำพิธี

ดาบถูกชักออกมาอย่างรวดเร็ว เจี่ยงหมัวมัวตกใจจนรีบคุ้มกันองค์หญิงใหญ่ให้อยู่ด้านหลังตน บ่าวรับใช้ของฮูหยินแต่ล่ะคนก็รีบถลาไปด้านหน้าเพื่อคุ้มกันเจ้านายของตน

แม้กระทั่งต่งชิงเยว่ และบรรดาแม่ทัพที่คุกเข่าอยู่หน้าจวนเจิ้นกั๋วกงก็ตกใจจนรีบลุกขึ้นยืน จับดาบที่เอวของตัวเองแน่น เตรียมพร้อมบุกเข้าไปในจวนทุกเมื่อ

องค์หญิงใหญ่จับแขนของเจี่ยงหมัวมัวที่ยกขึ้นสูงเพื่อปกป้องนาง เงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่สีหน้าเย็นชาไม่สะทกสะท้านใดๆ ทั้งสิ้น องค์หญิงใหญ่เข้าใจในทันทีว่านี่คือคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน

“พวกเจ้าคือผู้ใด! ข้าคือหลานชายคนเดียวของตระกูลไป๋ อนาคตเจิ้นกั๋วอ๋องเชียวนะ พวกเจ้ากล้าทำร้ายข้าหรือ ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรืออย่างไร ปล่อยข้า! มิเช่นนั้นเมื่อข้าได้รับสืบทอดตำแหน่งข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!”

ได้ยินเสียงตะโกนด่าอย่างเหิมเกริมของบุตรอนุผู้นั้น ริมฝีปากขององค์หญิงใหญ่สั่นเทา หลับตาลง มือที่จับเจี่ยงหมัวมัวอยู่ค่อยๆ คลายออก

ต่อหน้าชาวบ้ามากมายยังกล้าเหิมเกริมถึงเพียงนี้ บุตรอนุสารเลวคนนี้…สมควรตายจริงๆ!

ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยแววอาฆาต กัดฟันแน่นพลางมองไปที่ไป๋ชิงเสวียนด้วยสายเย็นชาราวกับมองเนื้อเหม็นเน่าซึ่งอาบไปด้วยยาพิษ ความรังเกียจ และความโกรธแค้นผสมปนเปกัน ดวงตาของหญิงสาวเคร่งขรึม

“เจิ้นกั๋วอ๋องอย่างนั้นหรือ! คำว่าอ๋อง…เขียนด้วยสามขีดแนวนอน หนึ่งขีดแนวตั้ง หากอยู่บนฟ้า ต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่ง หากอยู่บนโลกมนุษย์ ต้องเป็นคนที่สร้างประโยชน์ให้แก่ชาวบ้านและบ้านเมือง คนอย่างเจ้าคู่ควรกับตำแหน่งเจิ้นกั๋วอ๋องอย่างนั้นหรือ!”

ไป๋ชิงเสวียนถูกกดให้คุกเข่าอยู่กลางโถงทำพิธี เขาไม่ยินยอม พยายามสะบัดตัวให้หลุดจากการจับกุมอยู่หลายครั้ง ทว่า ก็ถูกจับกดให้คุกเข่าตามเดิม เขาขมกราบอย่างโมโห น้ำเสียงเต็มไปด้วยความได้ใจ

“หึ ตอนนี้ข้าเป็นบุรุษคนเดียวที่เหลืออยู่ของจวนเจิ้นกั๋วกง ไม่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ ข้าก็ต้องได้เป็นเจิ้นกั๋วอ๋องอยู่แล้ว เมื่อข้าได้รับสืบทอดตำแหน่ง ข้าจะให้เจ้า…” คุกเข่าก้มศีรษะอ้อนวอนข้า

ไป๋ชิงเสวียนกลืนประโยคหลังลงคอ

เขาอาศัยความเป็นบุรุษคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลไป๋จึงกล้าเหิมเกริมเช่นนี้

ทว่า เมื่อวานองค์หญิงใหญ่สั่งให้คนไปรับเขากลับมายังจวน ท่านสั่งให้เจี่ยงหมัวมัวกำชับเขาไว้ว่าต้องเคารพพี่หญิงใหญ่ผู้นี้ ตอนนี้เขาต้องอดทนไว้ก่อน ภายภาคหน้าเขาจะจัดการกับพี่หญิงใหญ่ที่ไม่สามารถมีบุตรได้ผู้นี้ให้หลาบจำเพื่อเอาคืนที่เขาโดนดูถูกในวันนี้!

“เจ้าจะให้พี่หญิงใหญ่ทำอันใด!” ไป๋จิ่นจื้อถลาไปด้านหน้า นางกัดฟันแน่นอย่างโมโหถึงขนาดที่ว่าหากบุตรอนุผู้นี้กล่าวสิ่งใดที่เป็นการล่วงเกินพี่หญิงใหญ่ นางจะฆ่าเขาทิ้งเดี๋ยวนี้เลย

ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตาเย็นชาไปทางองค์หญิงใหญ่แวบหนึ่ง สุดท้ายสายตาไปหยุดอยู่ที่ไป๋ชิงเสวียน เอ่ยเสียงเย็น

“มีความคุณธรรมและความสามารถเพียงใดก็จะได้ครอบครองตำแหน่งที่เหมาะสมตามนั้น เจ้าไม่มีทั้งความความสามารถและคุณธรรม ไร้มารยาท ไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี จิตใจโหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ยังกล้าเอ่ยถึงคำว่าเจิ้นกั๋ว! ไม่อาจปกป้องชาวบ้านทุกคนให้ปลอดภัยก็มิเป็นอันใด! ต่อให้เจ้าเป็นเพียงคนถ่อยธรรมดาคนหนึ่ง จวนเจิ้นกั๋วกงก็ยังพอรับได้! ทว่า เจ้ามันชั่วช้าอำมหิต หวังข่มเหงรักแกภรรยาของผู้ที่มีบุญคุณที่นำม้วนไม้ไผ่กลับมาเพื่อล้างมลทินให้ตระกูลไป๋อย่างจี้ถิงอวี๋ จี้หลิ่วซื่อฆ่าตัวตายโดยการเอาศีรษะกระแทกเสาเพราะไม่ยินยอมเจ้า แต่เจ้ากลับสั่งให้คนชำแหละศพของนางแล้วโยนให้สุนัขกิน! สัตว์เดรัจฉานอย่างเจ้าคู่ควรใช้สกุลไป๋ คู่ควรเรียกตัวเองว่าเจิ้นกั๋วอ๋องอย่างนั้นหรือ!”

ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอก ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักจี้ถิงอวี๋ วันนั้นจี้ถิงอวี๋แขนขาดข้างหนึ่ง พลัดตกลงมาจากหลังม้าโดยเลือดท่วมตัว มีชีวิตรอดนำม้วนไม้ไผ่ที่บันทึกสถานการณ์รับกลับมาให้ตระกูลไป๋ได้อย่างหวุดหวิด จึงล้างมลทินเรื่องที่เจิ้นกั๋วกงดึงดันออกรบ และลงโทษเอาผิดซิ่นอ๋องได้!

ชาวบ้านตกตะลึง บุตรอนุผู้นั้นเป็นปีศาจตนใดมาเกิดกันแน่นะ ตระกูลไป๋เผชิญกับหายนะครั้งยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาในฐานะบุรุษเพียงคนเดียวของตระกูลไม่อยู่ไว้ทุกข์ที่โถงทำพิธี กลับไปทำเรื่องต่ำช้าโดยการข่มเหงรังแกสตรีเช่นนั้น ไม่เพียงบีบจนนางฆ่าตัวตาย ยังชำแหละศพของนางแล้วโยนให้สุนัขกินอีก! เรื่องถูกเปิดโปงขึ้นเช่นนี้ยังหวังจะได้ครอบครองตำแหน่งเจิ้นกั๋วอ๋องอีก! เขาไม่กลัวกรรมตามสนอง ไม่กลัวดวงวิญญาณของจี้หลิวซื่อกลับมาแก้แค้นเขาหรืออย่างไรกัน!

บุรุษทุกคนของตระกูลไป๋ล้วนจงรักภักดีและมีคุณธรรม เหตุใดจึงมีสัตว์เดรัจฉานที่ไร้คุณธรรม ไร้ศีลธรรม เนรคุณและอกตัญญูเช่นนี้อยู่กัน

ไป๋ชิงเสวียนมองดูชาวบ้านนอกจวนเจิ้นกั๋วกงที่เริ่มมีอาการโกรธแค้น เขามองไปทางองค์หญิงใหญ่อย่างหวาดกลัว หวังจะให้องค์หญิงใหญ่ช่วยเขา เขาคือบุรุษเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเหยียนกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมาต่อหน้าทุกคน ทำให้เขามองหน้าทุกคนไม่ติด ทำให้ตระกูลไป๋อับอายขายหน้า ท่านย่าจะทนได้อย่างไรกัน

ไป๋จิ่นถงก้าวไปด้านหน้า บังสายตาของไป๋ชิงเสวียนที่มองไปทางองค์หญิงใหญ่อย่างขอความช่วยเหลือ นางมองไปที่บุตรอนุผู้นั้นด้วยสายตาที่เย็นชา

ไป๋ชิงเสวียนหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก ทว่า กลับแสร้งทำเป็นเชิดคอแข็งพลางเอ่ยขึ้น

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าดูถูกข้าเพราะข้าเป็นเพียงลูกอนุ! ทว่า ตอนนี้ข้าคือสายเลือดเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิง! ข้าเป็นหลานชายเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ พวกเจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร! พวกเจ้าไม่กลัวท่านปู่นอนตายตาไม่หลับ ไม่กลัวตระกูลไป๋ไร้ทายาทสืบหรืออย่างไร”

ไป๋จิ่นถงกล่าวเสียงเย็น “หากให้เจ้าสืบทอดตำแหน่งเจิ้นกั๋วอ๋อง ท่านปู่ถึงจะนอนตายตาไม่หลับ ลูกหลานตระกูลไป๋ของข้า ผู้ใดไม่ได้ไปออกรบปกป้องบ้านเมืองก่อนแล้วจึงยอมรับภาษีที่ชาวบ้านจ่ายให้อย่างสบายใจบ้าง! ท่านปู่พาบุรุษทุกคนในตระกูลไป๋ไปออกรบที่หนานเจียงเพื่อปูทางให้อสรพิษอย่างเจ้า ให้เจ้าได้เสพสุขอยู่บนหยาดเลือดหยาดเหงื่อของบรรพบุรุษหรืออย่างไร!”

องค์หญิงใหญ่ปวดใจอย่างที่สุด นางกำไม้เท้าหัวพยัคฆ์ในมือแน่น เห็นบุตรอนุผู้นี้ทำตัวเหิมเกริมถึงเพียงนี้ นางรู้สึกเสียใจมาก…

อาเป่ากล่าวถูกต้องแล้ว เก็บบุตรอนุผู้นี้ไว้…มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่จวนเจิ้นกั๋วกง!

[1]ธงเฮยฟานไป๋หมั่ง เป็นธงสัญลักษณ์ของกองทัพไป๋ เป็นรูปเรือใบสีดำและงูหลามสีขาว