บทที่ 140 เรื่องทางโลก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ตอนที่ 140 เรื่องทางโลก

ตอนที่ 140 เรื่องทางโลก

กู้เสี่ยวหวานฟังคำพูดของผู้คนรอบตัวนางและยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมองใบหน้าของซุนซื่อ นางก็ยิ้มร้ายกาจและมองอย่างยั่วยุ ราวกับกำลังพูดว่าข้าอุตส่าห์หวังดีทำเพื่อประโยชน์ของเจ้า แต่เจ้ากลับทำให้ข้าต้องทำแบบนี้

“ท่านพี่ เพียงเพราะเงินตราเท่านั้นหรือถึงจำเป็นต้องตัดขาดความสัมพันธ์ทางสายเลือดซึ่งกันและกัน?” ดูเหมือนว่าต่อให้พวกเขาพูดอะไร ชาวบ้านก็มีความคิดเห็นที่แตกต่าง กู้หนิงผิงที่เต็มไปด้วยโทสะเมื่อสักครู่ก็ไม่อาจโมโหได้อีกแล้วในตอนนี้

“บางคนทำได้ บางคนทำไม่ได้” กู้เสี่ยวหวานมองกู้หนิงผิง และเห็นความสงสัยในดวงตาของเขา จึงลูบศีรษะเด็กน้อยพลางกล่าวว่า “ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เจ้าจะเป็นน้องชายของข้าเสมอ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถแย่งเจ้าไปจากข้าได้” กู้เสี่ยวหวานพูดเสียงต่ำ แต่แฝงแววเด็ดเดี่ยวที่ทำให้คนฟังเกิดความมั่นใจอย่างไม่อาจอธิบายได้ในน้ำเสียง

เมื่อเห็นท่าทางมั่นคงของพี่สาว กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงต่างก็รู้สึกโล่งใจ พวกเขาเยาะเย้ยต่อคำพูดของซุนซื่อ ไม่ว่าจะมีความสุขแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อยากไป

เงินซื้อความสัมพันธ์ทางสายเลือดไม่ได้ จากไปแล้วจะมีความสุขได้อย่างไร? กู้เสี่ยวหวานเชื่อว่าจะเป็นไปได้หรือที่นางจะไม่มีทางสร้างชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองได้ด้วยตนเองในโลกนี้? นางเชื่อว่าตราบใดที่ตนทำงานหนักและมีสมองที่ชาญฉลาด นางก็ยังสร้างฐานะของตัวเองได้ในโลกนี้

“เช่นนั้นก็ขอบคุณสำหรับความกรุณาของป้าใหญ่เจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวหวานจ้องไปที่ซุนซื่อและหลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดขึ้น “ท่านป้ามีเจตนาดี ข้าและน้องชายต่างเกรงใจที่จะรับ แต่พวกเราชอบกินอาหารร่วมกันและลำบากไปด้วยกัน การกินดีอยู่ดีเหล่านั้น หากใครต้องการก็รับไปเถอะ ข้าหวังว่าในอนาคตป้าใหญ่จะไม่พยายามบังคับน้องชายสองคนของข้าอีก”

กู้เสี่ยวหวานโบกมือและพูดว่า “ขออภัยที่รบกวนการพักผ่อนของทุกท่าน ทุกท่านโปรดกลับไปเถอะเจ้าค่ะ”

หลังจากพูดจบ นางก็ปิดประตูรั้วทันทีโดยไม่สนใจฝูงชน จับมือน้องชายคนละข้างแล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างเด็ดเดี่ยว

กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าซุนซื่อคิดอะไรอยู่ แต่ชาวบ้านพวกนั้นกลัวความยากจนมาก พอคิดถึงประโยชน์ที่จะได้แล้วก็เกิดอยากได้รับโอกาสนั้นขึ้นมา

“ครอบครัวใหญ่กู้ น้องสาวของข้ายากจนมาก และยังมีเด็กชายอีกสองคนที่ครอบครัวไม่สามารถเลี้ยงดูได้ ข้าอยากจะส่งเด็กคนหนึ่งไปให้ลูกพี่ลูกน้องของเจ้ารับเลี้ยง เจ้าต้องการหรือไม่?”

“ท่านพี่ซุน ครอบครัวของข้าก็เหมือนกัน ลูกชายทั้งสามคนแม้จะอายุมากไปหน่อย แต่ดูแลง่าย เจ้าลองคุยลูกพี่ลูกน้องของเจ้าดูก่อนดีหรือไม่?”

ชาวบ้านพากันมารุมล้อมซุนซื่ออีกครั้ง พวกคนว่างงานและเกียจคร้านต่างรั้งตัวซุนซื่อไว้เพราะต้องการส่งลูกของตนไปบ้านลูกพี่ลูกน้องของซุนซื่อ

“ครอบครัวใหญ่กู้ ต่อให้ข้าจะมีแต่ลูกสาว แต่นางก็เอาใจใส่มาก ต้องการลูกชายก็ต้องการลูกสาวใช่ไหม? เอาไปด้วยกันก็เป็นเรื่องที่ดี!”

ข้างนอกยังมีเสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่ กู้เสี่ยวหวานนำกู้หนิงอันสองพี่น้องไปนั่งที่โต๊ะเพื่อฝึกคัดอักษร เสียงจากข้างนอกดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กู้หนิงผิงไม่มีสมาธิ เขาวางพู่กันเบา ๆ และพูดขึ้นมา “ท่านพี่……”

คำพูดนั้นติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขา แต่เขาไม่สามารถพูดออกไปได้ และมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่เงียบสงบด้วยความงุนงง

กู้เสี่ยวหวานคัดตัวอักษรเสร็จแล้วก็วางพู่กันลงโดยไม่สนใจเสียงจากภายนอกเลย “บางคนใช้ทั้งชีวิตเพื่อเงิน และบางคนใช้ทั้งชีวิตเพื่อความรัก เช่นนั้นก็มาดูกันว่าใครจะมีความสุขมากกว่ากัน อย่าไปสนใจเลย”

กู้เสี่ยวหวานได้เห็นโลกมาเยอะแล้ว เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ในวันนี้ และอาจจะเกิดขึ้นอีกในภายภาคหน้า ไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้คิดเกี่ยวกับมัน แต่นางเพียงไม่กล้าจินตนาการ ขนบธรรมเนียมพื้นบ้านเมื่อหลายพันปีก่อนนั้นเรียบง่าย แต่ไม่เคยคิดเลยว่าไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร หรือไม่ว่าที่ไหนก็มีคนเช่นนี้อยู่

“แต่ถ้าไม่อยากทุกข์ยากในอนาคตก็ต้องเรียนให้หนัก มีสุภาษิตโบราณที่ข้าเคยเล่าให้พวกเจ้าฟังบ้างแล้ว ถ้ากลัวความยากลำบากก็ต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต ถ้าไม่กลัวความยากลำบากก็จะทนทุกข์แค่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น” กู้เสี่ยวหวานกล่าว “ตอนนี้พวกเจ้าต้องอดทนต่อความยากลำบากและเรียนหนัก และในอนาคตเมื่อมีความรู้แล้วเจ้าก็จะสบาย”

เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก พ่อมักจะใช้คำเหล่านี้เพื่อสอนกู้เสี่ยวหวาน และนางจะไม่มีวันลืมประโยคนี้

กู้หนิงผิงพูดซ้ำหลายครั้งด้วยเสียงเบา จนเขาจำประโยคนี้ได้อย่างขึ้นใจ

กู้เสี่ยวอี้นอนหลับสนิทมาก ถึงเมื่อสักครู่ข้างนอกจะเสียงดังมากแต่นางก็ไม่ตื่น กู้เสี่ยวหวานจึงนั่งที่ขอบเตียงและมองใบหน้าที่กำลังหลับไหลของกู้เสี่ยวอี้ ช่วงนี้เด็กพวกนี้อ้วนขึ้น ใบหน้าเลยกลมตามไปด้วย

ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะกินอิ่มนอนหลับสบาย เด็ก ๆ เลยเติบโตตามธรรมชาติ

เพราะการนอนอันอบอุ่น ใบหน้าเล็ก ๆ นี้จึงแดงระเรื่องดงามมาก กู้เสี่ยวหวานยื่นมือออกมาสัมผัสเบา ๆ พลางถอนหายใจ โชคดีที่นางไม่ตื่น ธรรมชาติของมนุษย์ในโลกนี้ช่างหลากหลายเหลือเกิน ข้าไม่อยากให้เจ้ารับรู้สิ่งน่าเกลียดที่สุดในโลกนี้จริง ๆ

กู้เสี่ยวหวานก้มศีรษะและลูบใบหน้าของกู้เสี่ยวอี้อย่างระมัดระวัง จนสัมผัสถึงความอบอุ่นที่แก้ม และเมื่อนางเห็นน้องชายสองคนนั่งเงียบ ๆ ที่โต๊ะอ่านหนังสือ หัวใจของนางก็อบอุ่นขึ้น

จะไม่มีอะไรแยกพวกเราออกจากกันได้

แม้ซุนซื่อจะไม่ได้พูดถึงการกระทำของกู้เสี่ยวหวาน และไม่ได้รับมือใด ๆ แม้ว่าชาวบ้านบางคนจะดูหมิ่นการกระทำของซุนซื่อ แต่บางคนก็ไม่คิดเช่นนั้น

บางคนคิดว่าซุนซื่อเป็นคนดีมีน้ำใจ และเป็นเรื่องยากมากที่จะดูแลครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงมีความคิดเช่นนี้ หากถูกคนอื่นเข้ามาแทนที่ พวกเขาจะคร้านเกินกว่าจะใส่ใจ

ซุนซื่อสุ่มตกลงตามคำพูดของผู้คนรอบ ๆ ตน แต่ดวงตากลับจับจ้องอยู่ที่บ้านหลังคากระเบื้องแตกของกู้เสี่ยวหวาน

เด็กเหล่านี้ โดยเฉพาะกู้เสี่ยวหวาน เดิมทีแล้วนางไม่ต้องการส่งเด็กสองคนออกไปเลย แต่ถ้าไม่ส่งเด็กสองคนนี้ออกไป แล้วจะจัดการกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร? จะเกิดอะไรขึ้นถ้ากู้เสี่ยวหวานมีเงินที่ไอ้เฒ่านั่นเหลือไว้? จะทำให้นางนำเงินออกมาได้อย่างไร?

ถ้าสองพี่น้องกู้หนิงอันไม่ไป เงินหนึ่งร้อยตำลึงที่ลูกพี่ลูกน้องจะมอบให้ก็จะสูญเปล่า ซึ่งนั่นเป็นเงินจำนวนมหาศาล

เมื่อซุนซื่อคิดว่าเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่ลูกพี่ลูกน้องสัญญาว่าจะให้นางได้บินหนีไปแบบนี้ หัวใจของนางก็เจ็บปวด

และนางก็ไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานมีเงินอยู่ในมือเท่าไร เฮ้อ……

ในที่สุดซุนซื่อก็หลุดพ้นจากพวกชาวบ้านที่มาพัวพัน และวิ่งกลับบ้านพร้อมกับผมเผ้ายุ่งเหยิง วันนี้นางไปที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานในช่วงเช้าเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอคนมาก แต่ก็ไม่คิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะใจแข็งมากขนาดปล่อยให้กู้หนิงผิงทุบตีนาง

เด็กเหล่านี้ไม่เคารพผู้อาวุโส ถึงกับกล้าทุบตีผู้อาวุโสได้…ช่างกล้าเหลือเกิน…ช่างกล้าเหลือเกิน

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เป็นไงล่ะ กลับบ้านไปในสภาพโดนแร้งทึ้งเลยนังซุน เด็กพวกนี้ร้ายกาจเถอะ

ไหหม่า(海馬)