บทที่ 146 ไปได้แล้ว!

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 146 ไปได้แล้ว!

ทำให้ปู่ของตัวเองไม่เหลืออะไร?

เขา เขากล้าพูดแบบนี้ได้อย่างไร?

ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เพียงรู้สึกว่าความโกรธนั้นจุดประกายออกมาจากหัวใจ

เขารู้ไหมว่าปู่ของฉันคือใคร?

“แม่ง คุณตายแน่ ถ้าไม่มียาของปู่ คุณก็รอตายได้เลย!” ฉินหลินหัวเราะเยาะ แล้วชี้ไปที่มู่เซิงและตะโกนด่า

มู่เซิ่งขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ครั้งแรกที่ได้เจอพ่อ ก็มีแมลงวันบินว่อนอยู่ในหูของเขาตลอด เขาหันไปด้านข้างและตบไปอีกครั้ง

เพี๊ยะ!

เสียงตบดังขึ้น และดังระเบิด ใบหน้าซ้ายที่ไม่เลวของฉินหลิน ในขณะนี้ ก็บวมขึ้นมาทันที

ทั่วห้องผู้ป่วย รวมทั้งพยาบาลและแพทย์ ดูฉากนี้อย่างเงียบๆ ราวกับว่าอากาศและเวลาได้หยุดนิ่ง

การกระทำของเจ้าหนุ่มคนนี้ เรียกได้ว่าใจกล้าบ้าบิ่น!

หรือเขาไม่กลัวที่จะทำให้หมอเทวดาฉินขุ่นเคืองใจเหรอ!

“หากยังไม่ไสหัวออกไป ฉันจะเอาชีวิตนาย” มู่เซิ่งยื่นมือขวาออกด้วยสีหน้านิ่งสงบ

ฉินหลินล้มลงกับพื้น แก้มของเขาปวดแสบปวดร้อน! แต่การออกมาครั้งนี้ของเขา เพื่อบังคับให้มู่เฉินเทียน คนป่วยที่พิการคนนี้ลงนามในสัญญาโอนบริษัท ดังนั้นจึงไม่ได้พาบอดี้การ์ดมาด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถโต้กลับได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ จะไม่มีทางจบลงง่ายๆแน่ๆ!

“คอยดูเถอะ นายจะต้องเสียใจภายหลัง!” ฉินหลินชี้ไปที่มู่เซิ่งอย่างเดือดดาล ทิ้งคำพูดที่รุนแรงและเดินจากไป

เขาเชื่อว่าทั่วเมืองเยียนจิง มีเพียงปู่ของเขาเท่านั้นที่สามารถรักษามู่เฉินเทียน ให้หายได้ ถ้ากล้าที่จะยั่วยุเขา เว้นแต่มู่เซิ่งจะยอมทนเห็นพ่อตัวเองป่วยตายต่อหน้าต่อตา มิเช่นนั้น จะต้องมาขอร้องเขาแน่นอน

เมื่อถึงเวลานั้น ความอัปยศอดสูที่เขาได้รับนั้น เขาจะต้องคืนกลับไปสิบเท่าร้อยเท่า!

เมื่อเผชิญกับภัยคุกคาม มู่เซิ่งไม่ได้พูดอะไร สายตามองไปที่ด้านหลังฉินหลินอย่างเงียบๆ เขานึกไม่ออกเลยว่า ตลอดทั้งปีอยู่ในน้ำมือของฉินหลินพ่อของเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใด

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และพูดว่า “พรุ่งนี้ ผมจะไปเยี่ยมตระกูลฉินเป็นการส่วนตัว ผมอยากจะดูว่าหมอเทวดาคนนี้มีชื่อเสียงมาจากไหน”

“ฉึด……”

มู่เฉินเทียนซึ่งนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้น ดึงถูกบาดแผล จนต้องอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด

แต่บนใบหน้าของเขา เขาไม่สนใจความเจ็บปวดแม้แต่น้อย หาเรื่องฉินโสว่หราน เหรอ? หากคำพูดเหล่านี้คนอื่นเป็นคนพูด มู่เฉินเทียนอาจคิดว่ามันเป็นความปรารถนาเกินไป แต่คำพูดที่ออกจากปากของมู่เซิ่ง เหมือนกฎเหล็กที่ต้องปฏิบัติตาม ทำให้ผู้คนเชื่อถือและชื่นชม เขาไม่กล้าเชื่อ ในช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ไม่ได้เจอ ลูกชายตัวเอง จากที่อายุน้อยด้อยประสบการณ์ จนเติบโตและสามารถพึ่งพาและคาดหวังจากลูกได้แล้ว

“คุณพ่อ สบายดีไหม?” เมื่อเห็นสีหน้าของมู่เฉินเทียน มู่เซิงรีบหันกลับมา และประคองร่างของพ่ออย่างระมัดระวัง

มู่เฉินเทียนไอสองครั้งและพูดว่า “ไม่เป็นไรลูก เมื่อไหร่จะพาลูกสะใภ้มาให้พ่อดูล่ะ?”

“เจียงหว่าน?”

มู่เซิ่งผงะไปชั่วครู่ เผยความขี้อายออกมาซึ่งน้อยนักที่จะมี

พูดแล้วก็ละอายใจ

เจียงหว่านเป็นลูกสะใภ้ของเขา แต่เวลานานขนาดนี้ เขายังไม่เคยแตะต้องตัวเธอ แต่ว่าเรื่องแบบนี้ มู่เซิ่งรู้สึกอายที่จะพูดต่อหน้าพ่อของเขา

“ใช่ พ่อก็อยากเห็น ผู้หญิงที่สามารถทำให้ลูกชายของพ่อพักอยู่ในเจียงหนานได้ เป็นใครกันแน่” ใบหน้าของมู่เฉินเทียนมีแววระลึก และพูดด้วยความหดหู่ใจ “เธอเหมือนแม่ของนายหรือเปล่า มีคุณธรรมและมีเสน่ห์ น่าเสียดายที่พ่อมีเวลาเหลือไม่มาก ไม่มีเวลาอุ้มหลานแล้ว”

หลังจากพูดจบ แววตาของมู่เฉินเทียน มีความรู้สึกเสียใจเศร้าเล็กน้อยที่ตัวเองไม่เหมือนฮีโร่ในวันวานแล้ว

ยาของฉินโสว่หราน เขากินมาตลอด เพียงแต่ว่ากินเข้าไปแล้วก็ไม่ได้ผล มู่เฉินเทียนไม่ใช่คนกลัวตาย แต่เขากลัวว่าก่อนตายจะไม่ได้เจอหน้ามู่เซิ่ง ดังนั้นจากการคุกคามของฉินหลิน ทำได้เพียงยอมจำนน

ในตอนนี้ มู่เซิ่งกลับมาแล้วเหรอ

ความปรารถนาของมู่เฉินเทียนเป็นจริงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งเม็ดยาเพื่อความอยู่รอดอีกต่อไป เขาเพียงหวังว่าจะได้พบลูกสะใภ้ให้เร็วขึ้น แม้เขาจะตาย ก็นอนตายตาหลับแล้ว

“คุณพ่อ ท่านกำลังพูดถึงอะไร โรคของพ่อ ผมรักษาได้” มู่เซิ่งพูดในเวลานี้

มู่เฉินเทียนคิดว่ามู่เซิงกำลังปลอบตัวเอง เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ลูกเอ๋ย อย่าปลอบใจพ่อเลย ชีวิตและความตายคือโชคชะตา ความมั่งคั่งและเกียรติยศอยู่ที่สวรรค์กำหนด ฉันแก่ขนาดนี้ ปลงตั้งนานแล้ว

“พ่อครับ ผมรักษาได้จริงๆ” มู่เซิ่งเน้นย้ำอีกครั้ง

“นี่……” มู่เฉินเทียนตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ “หลิวเจี้ยนหัวเคยตรวจให้ฉัน บอกว่าโรคของฉัน เขาไม่มีความสามารถในการรักษา ลูกเอ๊ย ลูกจะรักษาได้จริงหรือ?”

ไม่ใช่ว่ามู่เฉินเทียนไม่เชื่อ

แต่โรคของเขา มันรักษายากจริงๆจนหมอนับไม่ถ้วนทำอะไรไม่ได้เลย มิฉะนั้น เขาคงไม่ถูกฉินหลินคุกคามเพราะเรื่องเม็ดยานั่น

“วางใจเถอะ คุณพ่อ แม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่สามารถรักษาโรคของพ่อให้หายขาดได้ แต่ผมสามารถระงับอาการของโรค” มู่เซิ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำยืนยันของมู่เซิ่ง มู่เฉินเทียนรู้สึกตื่นเต้นทันที

ถ้ารักษาได้ ไม่มีใครที่อยากตายหรอก?

แววตาที่แก่ชราของเขาเต็มไปด้วยชีวิตชีวาทันที และถามว่า “ลูกเอ๋ย แล้วพ่อจะให้ความร่วมมือกับการรักษาของลูกอย่างไร?”

“ไม่ต้องให้ความร่วมมืออะไร มันเป็นเรื่องง่ายมาก” มู่เซิ่งยิ้ม หยิบยาเม็ดสีเขียวเข้มออกมาจากกระเป๋า และพูดกับมู่เฉินเทียน “คุณพ่อ กินซะ”

ยื่นมือออกไปรับยา รู้สึกถึงความอบอุ่นในฝ่ามือของเขามู่เฉินเทียนกลืนยาลงท้องโดยไม่มีการลังเลใดๆ

หลังจากที่ยาลงไปในท้อง มู่เฉินเทียนก็นิ่งอึ้งโดยสัญชาตญาณ ในแววตา ปรากฏความเหลือเชื่อ

เมื่อเขากลืนยาลงไปในช่องท้องแล้วมีความรู้สึกอบอุ่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับว่ามีกระแสความอุ่นไหลเวียน แต่เดิมแขนขาที่แข็งทื่อของเขา ในเวลานี้ค่อยๆอ่อนลงๆ และเขาเริ่มรู้สึกว่าขาเริ่มฟื้นคืนพลัง สามารถลุกจากเตียงและเดินได้!

เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย มู่เฉินเทียนแทบรอไม่ไหวที่จะลุกขึ้น อยากจะลงจากเตียงผู้ป่วย

“คุณพ่อช้าๆหน่อย” มู่เซิ่งพยุงพ่อของเขาอย่างระมัดระวัง

ทันทีที่เท้าทั้งสองข้างแตะพื้น มู่เฉินเทียนก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว

นานเกินไป

เป็นเวลานานแล้วที่เขาเป็นอัมพาต และไม่ได้สัมผัสถึงความรู้สึกของการเหยียบลงบนพื้น

ด้วยการพยุงอย่างระมัดระวังของมูเซิ่ง ในห้องผู้ป่วยขนาดใหญ่ ค่อยๆเดินไปมาหนึ่งรอบ

“ฉัน ฉันเดินได้จริงๆ!” มู่เฉินเทียนพูด น้ำตาคลอเบ้า

เมื่อมู่เซิ่งเห็นฉากนี้ ก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างช่วยไม่ได้

“คุณพ่อ นี่เป็นเรื่องที่มีความสุข พ่อร้องไห้ทำไม”

“จริงสิ ไม่ร้องไห้ พ่อมีความสุข พ่อจะร้องไห้ทำไม”

มู่เฉินเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม แต่เขาเป็นถึงผู้ชาย แต่ทำไมไม่สามารถห้ามน้ำตาจากหางตาไว้ได้เลย

“อย่ากังวลไปเลยคุณพ่อ ผมจะรักษาอาการป่วยของท่านให้หายขาดให้ได้” มู่เซิ่งให้คำมั่น

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความสงสัยที่อยู่ในใจมู่เฉินเทียนก็หมดไป เขาพยักหน้าอย่างจริงจังและพูดว่า “โอเค แต่ว่าถ้าลูกรักษาไม่หายก็ไม่เป็นไร ตอนนี้สามารถยืนขึ้นได้ ก็พอใจมากแล้ว!”

หลังจากนั้น เขาก็โบกมือและตะโกน “ออกโรงพยาบาล คุณหมอ ผมต้องการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ มู่เซิ่งจึงเอื้อมมือไปห้ามเขาอย่างรวดเร็ว “คุณพ่อ ออกโรงพยาบาลตอนนี้ มันจะรีบร้อนเกินไป ตอนนี้ร่างกายของพ่อพึ่งหายดี แม้ว่าจะเดินได้ แต่เวลาส่วนใหญ่ยังต้องนอนพักผ่อนบนเตียง ยิ่งกว่านั้น ถ้าตอนนี้พ่อแกล้งป่วย มันจะมีผลดีต่อพ่อ”

“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?” มู่เฉินเทียนขมวดคิ้ว

“ลองคิดดูสิ ตอนนี้มู่จงหยุนอยู่ที่ตระกูลมู่ เนื่องจากสุขภาพของพ่อไม่ดี เขาเลยไม่ค่อยสนใจพ่อ และตอนนี้ถ้าพ่อหายดีแล้ว เขาก็คงจะเริ่มโจมตีพ่ออีกแล้วล่ะ?”

“ตอนนี้ พ่อแกล้งป่วย และกระจายข่าวเรื่องที่ฉินหลินจะไม่จ่ายยาให้พ่ออีก ปล่อยให้เขาคลายความระมัดระวังต่อไป ในเวลาเดียวกันพ่อก็แอบสะสมพลัง หลังจากที่ผมรักษาโรคของพ่อจนหายขาดแล้ว พ่อปรากฏตัวในบ้านตระกูลมู่ ความสามารถอันน้อยนิดสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ นี่มันยิ่งใหญ่เพียงใด”

มูเซิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม พ่อของเขาผงะ และรู้สึกแบบเดียวกัน

มู่จงหยุนต้องการให้เขาตาย แต่เขากลับสะสมพลัง หมัดเดียวกำจัดอำนาจของมู่จงหยุน เข้ายึดครองตระกูลมู่ทันที พวกเขาจะมีสีหน้าประหลาดใจแบบไหน?

“ตกลง ฉันจะฟังที่ลูกพูด!”

มู่เฉินเทียนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น