บทที่ 166 อาจเป็นได้ 1 (1)

คลิ๊ก!

เสียงประตูรถม้าถูกเปิดออกเบาๆ

คนที่กำลังยืนรอด้วยความกระวนกระวายรีบถลาไปต้อนรับคาร์ลทันทีที่เขาเปิดประตูรถม้าออกมา

“น..นายน้อยคาร์ล!”

เสียงที่ร้องเรียกคาร์ลเต็มไปด้วยความดีใจที่ได้พบหน้าเขา ก่อนที่เจ้าของเสียงเรียกจะวิ่งเข้าหาคาร์ลพร้อมกับอ้าแขนเตรียมสวมกอด

มันเป็นเสียงของ‘มุลเลอร์’ครึ่งคนแคระครึ่งหนูนั่นเอง เขาวิ่งไปหาคาร์ลด้วยสภาพกระเซอะกระเซิง พร้อมทั้งเสื้อผ้าหลุดลุ่ย สีหน้าของเขาก็เหมือนคนกำลังจะร้องไห้

“เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า?”

คาร์ลหันไปถามเชวฮันทันที อย่างไรก็ตามเชวฮันกลับยักไหล่น้อยๆราวกับเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่มุลเลอร์วิ่งมาถึงจุดที่คาร์ลอยู่พอดี มุลเลอร์หอบหายใจเหนื่อยก่อนจะเอ่ยเรียกคาร์ลอีกครั้ง

“น..นายน้อยคาร์ล!”

“อะไร?”

โดยปกติมุลเลอร์มักจะหลบตาและแสดงท่าทีหวาดกลัวต่อคาร์ลทุกครั้งที่เผชิญหน้ากัน คาร์ลเริ่มสงสัยว่าสาเหตุใดที่ทำให้มุลเลอร์ดูผิดปกติไปเช่นนี้?

ทันใดนั้นมุลเลอร์ก็คว้ากางเกงของคาร์ลไปจับไว้แน่น

‘..เกิดอะไรกันขึ้น?’

ท่าทางที่ดูหมดอาลัยตายอยากของมุลเลอร์ยิ่งทำให้คาร์ลสงสัยหนักขึ้นไปอีกแต่ก่อนอื่นเขาต้องรีบผลักมุลเลอร์ออกไปเสียก่อน

‘มีบางอย่างแปลกๆ’

ในตอนนี้ความสำคัญของมุลเลอร์เพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่เขาออกแบบกำแพงเมืองและเรือเต่าทองคำให้กับอาณาเขตเฮนิตัส แล้วทำไมเขาถึงมีท่าทางหวาดกลัวขนาดนั้นทั้งๆที่เขาสามารถเดินเชิดไปรอบๆหมู่บ้านได้แท้ๆ?

“ข้าน้อยจะตามท่านไป..เดี๋ยวนี้เลย!..ข้าน้อยจะไม่อยู่ห่างจากท่านเป็นอันขาด!”

คาร์ลจึงสั่งให้เชวฮันดูแลมุลเลอร์ก่อนจะสาวเท้าเข้าสู่ตัวหมู่บ้านทันที

หมู่บ้านแฮร์ริสในตอนนี้ไม่มีทหารยามคอยดูแลความปลอดภัยอีกต่อไป

ทหารยามและอัศวินที่เคยมาประจำการอยู่ที่นี่ต่างกลับไปที่คฤหาสน์เฮนิตัสจนหมด สาเหตุก็เพราะคาร์ลย้ายเผ่าเสือมาพักที่นี้และมันเป็นความลับที่จะให้คนทั่วไปรู้ไม่ได้แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเผ่าเสือไม่ต้องการให้เหล่าทหารมาคอยอารักขาพวกเขา

นอกจากนี้ทหารยามและเหล่าอัศวินต้องรับการฝึกศิลปะการต่อสู้เพิ่มเติมจึงต้องรีบกลับไปยังคฤหาสน์เฮนิตัสโดยด่วน

คาร์ลทอดสายตามองแนวรั้วไม้ที่น่าจะออกแบบโดยมุลเลอร์ก่อนจะเดินเข้าไปในตัวหมู่บ้านที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

~น่าสนุกจัง!~

เสียงของราอนดังเข้ามาในหัวของคาร์ล

การแสดงออกของคาร์ลก็แปลกไปเล็กน้อย

“หืม?”

เขามองเห็นเด็กจากเผ่าเสือ เด็กจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินและลูกแมวสองตัวล้มกลิ้งไปตามพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาทึบ

~ข้าจะไปเล่นด้วย!~

“ทำสิ่งที่เจ้าต้องการได้เลย”

ราอนคลายเวทย์ล่องหนออกและรีบวิ่งไปหาเด็กๆที่พากันเล่นหิมะด้วยความสนุกสนานทันที

“อึก!!”

คาร์ลได้ยินเสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ดังมาจากด้านหลังของเขา แน่นอนว่ามันเป็นเสียงจากมุลเลอร์ดูเหมือนมุลเลอร์จะตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นราอนเพราะเขารีบถลามาเกาะกางเกงเขาอีกครั้ง

คาร์ลไม่ได้สะบัดเขาออกแต่อย่างใด เขาเพียงก้มลงมองชายอายุ 30 ปีที่ดูเหมือนเด็กเล็กๆคนหนึ่งและเอ่ยขึ้นด้วยความเห็นใจ

“เสือกับแมวมาจากตระกูลเดียวกัน”

มุลเลอร์พยักหน้ารับอย่างแรงจนคอแทบจะหลุดออกจากบ่า

คาร์ลให้มุลเลอร์หลบไปอยู่ด้านหลังของเขาเพราะแมวและเสือกำลังวิ่งมายังจุดที่เขาอยู่

“โห..เจ้าไปนานมากเลย!”

“ไหนที่สุดเจ้าก็กลับมา!”

ออนและฮงเป็นคนแรกๆที่เดินมาถึงคาร์ล เชวฮันที่ยืนอยู่ข้างๆคาร์ลหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่ามุมปากของคาร์ลกระตุกขึ้น

“พวกเราคิดถึงเจ้ายิ่งนัก!”

ฮงใช้ศีรษะของมันคลอเคลียไปที่ขาของคาร์ลอย่างออดอ้อน นั่นทำให้มุลเลอร์รีบหลบไปอยู่หลังเชวฮันแทน

“เราได้ยินมาว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ”

ออนที่มีขนาดตัวใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเพราะอายุย่างเข้า 12 ปีเดินวนรอบๆร่างของคาร์ลอย่างเป็นกังวล อย่างไรก็ตามอายุ 12 ปีก็ยังถือว่าเด็กสำหรับคาร์ลอยู่ดี เขาจึงเริ่มตอบคำถามด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง

“ใช่..ข้ากระอักเป็นเลือดนิดหน่อย”

ทั้งออน ฮง รวมไปถึงเด็กๆจากเผ่าเสือและเผ่าหมาป่าที่พากันยืนล้อมรอบคาร์ลต่างขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินว่าคาร์ลกระอักเป็นเลือด แม้แต่ราอนก็ขมวดคิ้วมุ่นเช่นกัน

แน่นอนว่าคาร์ลไม่ได้สนใจพวกเขาอีกต่อไปเมื่อเห็นคนอื่นมุ่งตรงมาหาเขา

“ยินดีต้อนรับ..นายน้อยคาร์ล”

“อืม..ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

เมื่อเทียบกับคาร์ลที่สวมเสื้อผาหนาทึบเพื่อป้องกันลมหนาวแต่สำหรับหมอผีการ์ชานนั้นเขาเลือกสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆเท่านั้น การ์ชานส่งยิ้มให้คาร์ลทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่

“เราได้ยินสิ่งที่ท่านทำในจักรวรรดิจากรองพ่อบ้านฮันส์แล้วล่ะขอรับ”

สิ่งที่ท่านทำในจักรวรรดิ?

คาร์ลได้รับการติดต่อจากหลายๆฝ่ายก็เพราะวีรกรรมดังกล่าว ขุนนางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมไปถึงขุนนางทั่วทั้งอาณาจักรโรมันต่างส่งเทียบเชิญเขาไปร่วมงานลี้ยงฉลองด้วย มีเพียงแค่อีริคเท่านั้นที่ส่งจดหมายมาถามไถ่อาการบาดเจ็บของเขา

คาร์ลตอบอย่างไม่คิดอะไรมากเมื่อเขาได้ยินเรื่องราวพวกนี้มาหลายต่อหลายครั้ง

“อย่างนั้นหรือ? แล้วธรรมชาติไม่ได้บอกอะไรท่านอีกหรือ?”

“ฟู่ววววว”

คาร์ลสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างออกมาจากปากการ์ชาน เขารู้สึกแย่เล็กน้อยที่ถามเรื่องธรรมชาติขึ้นมา

เขากวาดสายตามองการ์ชานเมื่อเห็นเขาเริ่มเอียงศีรษะและพูดออกมา

“ธรรมชาติกล่าวไว้ว่า…อากาศทางเหนือจะอบอุ่นขึ้นในช่วงหน้าหนาวนี้”

‘ว้าว’

คาร์ลรู้สึกประหลาดใจแต่การที่คาร์ลเงียบลงไปชั่วครู่ทำให้การ์ชานถามออกมาทันที

“ไม่ใช่ว่าพันธมิตรทางตอนเหนือคือศัตรูของเราหรอกรึ? ข้าน้อยกังวลใจยิ่งนักเมื่อได้ยินว่าลมอุ่นจะพัดเข้าสู่ทิศเหนือ..มันไม่ได้หมายความว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับพวกเขาหรอกใช่มั้ย?”

“ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของคาร์ลทำให้นักรบที่มาพร้อมกับการ์ชานหันขวับไปมองคาร์ลทันที คาร์ลจึงส่งยิ้มให้กับพวกเขาเล็กน้อย

“เราก็แค่ทำในสิ่งที่เราต้องทำเท่านั้นก็พอ..ทุกๆอย่างจะเป็นไปตามที่เราต้องการ”

“อ่า..ข้าน้อยเข้าใจแล้ว..ไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดสินะ?”

การ์ชานพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่คาร์ลเอ่ยในขณะที่คาร์ลก็เริ่มคิดในใจ

‘ดูเหมือนธรรมชาติจะมีพลังจิตจริงๆสินะ?’

แปะ!แปะ!แปะ!

คาร์ลหันไปมองร่างของมังกรดำที่สะกิดไหล่เขาเบาๆด้วยความตกใจ เด็กวัย 6 ขวบมองไปที่การ์ชานอย่างนึกประหลาดใจ

ก่อนที่มันจะพูดเข้ามาในหัวของคาร์ล

~มนุษย์!..มันน่าทึ่งยิ่งนัก!..แต่ข้ามั่นใจว่าตาเฒ่าเสือการ์ชานไม่รู้เกี่ยวกับมังกรคลั่งอย่างแน่นอน~

‘มังกรคลั่ง’

นั่นคือชื่อเรียกของเสาเพลิงที่อูฮาเบ็นสร้างขึ้น

คาร์ลจึงแต้มยิ้มจางๆส่งไปให้ราอน

‘เขายิ้มอีกแล้ว!’

ราอนส่ายศีรษะน้อยๆก่อนจะบินไปหาออนและฮง ตอนนี้เด็กๆต่างมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 9 ขวบแล้ว พวกเขากระซิบกระซาบกันเบาๆและหันมองคาร์ลเป็นระยะๆ แน่นอนว่าคาร์ลไม่สนใจพวกเขาและเริ่มออกเดินอีกครั้ง

“กลับบ้านกันเถอะ”

“ขอรับ”

‘บ้าน’

เชวฮันและการ์ชานเร่งฝีเท้าตามหลังคาร์ลไปติดๆ ในขณะที่มุลเลอร์ก็ตรวจสอบว่าตัวเองอยู่ห่างจากการ์ชานมากพอหรือยัง? เขาพยายามอยู่ห่างจากการ์ชานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะที่มือของเขาก็ยังคงเกาะหนึบอยู่ที่กางเกงของคาร์ลเช่นเดิม

.

.

.

แน่นอนว่าบ้านที่คาร์ลหมายถึงคือคฤหาสน์ใต้ดินของเจ้าของพลังศิลา

มีคนมารอต้อนรับเขาตั้งแต่ทางเข้าคฤหาสน์ คาร์ลจึงส่งยิ้มให้พวกเขาทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร

“รอยยิ้มเจ้าเล่ห์มากเลย!”

“ข้ารู้สึกว่า..เขากำลังวางแผนที่จะทำอะไรอีก!”

“เจ้าพูดถูก!..รอยยิ้มแบบนี้กลับมาอีกแล้ว!”

ฮง ออนและราอนแสดงความคิดเห็นของตนอย่างรวดเร็วแต่ความเห็นเหล่านั้นก็ไม่ได้รับความสนใจจากคาร์ลอยู่ดีเมื่อสายตาของเขาจ้องไปที่กลุ่มคนที่รอเขาบริเวณปากทางเข้าถ้ำ

โดยปกติจะมีล็อก ฮันส์และโรสลินที่จะออกมาต้อนรับเขาในทุกๆครั้งที่เขาเดินทางมาที่นี่และครั้งนี้เขาก็คาดหวังว่าพวกเขาจะทำเช่นเคย

แต่ครั้งนี้กลับแปลกไปเมื่อกลุ่มคนที่มารอเขาไม่ใช่คนที่เขาคิดเอาไว้

“อ่า..ท่านมาถึงแล้ว”

มันคือเสียงของฮันนาห์ที่เอ่ยทักคาร์ลขึ้น เธอกำลังยืนผิงผนังถ้ำพร้อมกับยกมือกอดอก คาร์ลไม่ได้สนใจเธอเมื่อกวาดสายตาไปมองอีก 2 คนที่อยู่ข้างๆเธอแทน

กึก!กึก!กึก!

อดีตนักบวช‘เคจ’กำลังกัดเล็บของตนเมื่อใช้ขาข้างหนึ่งพิงกับผนังถ้ำในขณะที่ขาอีกข้างถูกเขย่าเบาๆ

ท่าทางของเธอราวกับกำลังใช้ความคิดและตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเองจนไม่รู้ตัวว่าคาร์ลได้มาถึงแล้ว

“ท่านมันบ้า! ทำไมพระเจ้าเช่นท่านต้องมาปรากฏตัวในความฝันและยังตะโกนใส่หูข้าอีก!บอกให้ข้ากอดขานายน้อยคาร์ลเอาไว้อย่างนั้นรึ? ท่านกำลังจะพูดอะไรกันแน่?”

ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเคจไม่สามารถนอนหลับได้สนิทเลยสักคืน เธอได้ยินเสียงพระเจ้าแห่งความตายในฝันของเธอทุกๆคืน เขาคร่ำครวญใส่หูเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

พระเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

เขาเอาแต่พึมพำประโยคเดิมซ้ำๆ

‘ในที่สุด!…ในที่สุด!..เจ้ามนุษย์คาร์ลนั่นก็ทำให้ข้าสมหวัง!..ตอนนี้ข้าสามารถแบ่งปันความตายที่แสนงดงามให้กับโลกใบนี้แล้ว!’

ประโยคพวกนี้ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?

อย่างไรก็ตามเคจไม่คิดที่จะเชื่อถือเขาเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดหลังจากนั้น

‘เจ้าต้องการเป็นหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?’

เคจสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นในทุกๆครั้งก่อนจะตะโกนกลับไปด้วยความหงุดหงิด

‘พูดอะไรของท่าน!..น่ารังเกียจยิ่งนัก!..ท่านคิดว่าข้าเป็นบ้าหรือไง?’

อย่างไรก็ตามเธอได้ยินเสียงของพระเจ้าแห่งความตายตอบกลับมาพร้อมกับอาการปวดหัวที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆจนรุนแรงที่สุดก็เมื่อเช้านี้

‘ทำสิ่งที่เจ้าต้องการซะ!..นั่นคือเส้นทางที่เจ้าสมควรทำ!’

เขาบอกให้เธอทำทุกอย่างที่เธอต้องการและมันทำให้เธอสงสัยหนักขึ้นเรื่อยๆ