บทที่ 166 อาจเป็นได้ 1 (2)

“ท..ท่า..ท่านเคจ”

เธอได้ยินเสียงสั่นๆของนักบวชแจ็คเอ่ยเรียกเธอขึ้น

นักบวชแจ็คบ่นให้เธอฟังว่าช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเขานอนไม่ค่อยหลับไหนจะอาการปวดหัวและใจหวิวๆที่หนักขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้ยินเสียงพระเจ้าแต่เขากลับรู้สึกแปลกๆแบบไม่เคยเป็นมาก่อน

เคจหันไปมองแจ็คทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกก่อนที่ร่างของเธอจะเริ่มสั่นไหว

ทันใดนั้นความรู้สึกถึงลางไม่ดีก็จู่โจมใส่ร่างของเธอทันที

“บ้าชะมัด!..ให้ตาย–”

เธอสบถออกมาก่อนจะหันขวับไปมองที่มาของความรู้สึกลางร้ายนั่นทันที

เธอเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับตอนปฏิญาณตนต่อหน้าพระเจ้าแห่งความตายเพื่อปวารณาตนเป็นนักบวช

ไม่สิ! มันรุนแรงกว่าตอนนั้นมากนัก! ความรู้สึกในตอนที่เธอปฏิญาณตนเป็นนักบวชยังถูกเก็บเป็นความลับเพราะไม่มีใครรู้สึกแบบเดียวกับเธอและครั้งนี้มันหนักกว่าตอนนั้นเสียอีก

“สบถใส่ทันทีที่ท่านเห็นหน้าข้า..อืม..ข้าชอบคำทักทายเช่นนี้จริงๆ”

สายตาของเคจหยุดลงที่ใบหน้าคาร์ลทันทีที่เธอหันไปมอง

เคจสูดหายใจเข้าลึกๆเมื่อได้ยินเรื่องราวอันน่าทึ่งที่คาร์ลทำในจักรวรรดิ เธอเริ่มเถียงกับตัวเองว่าจะเริ่มสนทนาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรดีแต่สิ่งที่หลุดออกจากปากเธอกลับเป็นเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิด

“นายน้อยคาร์ล..ท่านนำสิ่งใดกลับมา?”

สมองของเคจกระจ่างทันทีที่เธอหลุดถามออกไปอีกครั้ง

“ท่านนำสิ่งที่น่ากลัวกลับมาด้วยสินะ?”

ความรู้สึกถึงลางร้ายนี้

แม้ว่าคริสตจักรพระเจ้าแห่งความตายจะพยายามพร่ำสอนว่าความตายเป็นสิ่งที่อบอุ่นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแต่เคจก็รู้ความจริงนี้ดี

‘ความตายที่ไร้ซึ่งความยุติธรรม’ช่างโหดร้ายไปกว่า‘ความตายที่เต็มไปด้วยความยุติธรรม’ยิ่งนัก

ความตายย่างกรายมาถึงทุกคน ไม่ว่าเราจะรวย จน แข็งแรงหรืออ่อนแอ นั่นคือเหตุผลที่ความตายเป็นสิ่งที่ยุติธรรม อย่างไรก็ตามมันยังไร้ซึ่งความยุติธรรมเมื่อมันพรากชีวิตของเด็กน้อยอันไร้เดียงสาไปแต่กลับปล่อยให้คนชั่วมีชีวิตอยู่จนแก่เฒ่า

เคจมั่นใจว่าคาร์ลนำบางสิ่งกลับมาด้วย ตอนนั้นเองที่เสียงของแจ็คแว่วเข้ามาในหูของเธอ

“..ห๊ะ?!”

แจ็คมองคาร์ลด้วยสายตาสับสน เขาตบหน้าอกของตนราวกับไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

คาร์ลเริ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นปฏิกิริยาของแจ็ค

‘เป็นอย่างที่คิดไว้’

อดีตนักบวชเคจเป็นคนที่น่าทึ่งอย่างที่เขาคาดไว้ ในขณะที่นักบวชแจ็คก็ดูพิเศษไม่ต่างกัน

มันเป็นระยะทางอันยาวไกลเมื่อเขาเดินทางจากจักรวรรดิจนมาถึงคฤหาสน์ของพลังศิลา ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็ไม่ถูกนักบวชจากวิหารพระเจ้าแห่งความตายหรือพระเจ้าแห่งแสงตะวันเอ่ยทักเลยสักคน

แจ็คลังเลที่จะเดินเข้าหาคาร์ลในขณะที่เคจพุ่งตัวเข้าไปใกล้คาร์ลอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเธอก็เอ่ยขึ้น

“นายน้อยคาร์ล!..ทำไมจึงมีออร่าที่เป็นอันตรายอยู่รอบตัวท่านด้วย?..มันไม่ดีต่อสุขภาพของท่านนะ!”

คาร์ลสังเกตท่าทางของเคจที่เต็มไปด้วยความกังวลต่อเขาก่อนจะพูดขึ้น

“ท่านเคจ..ท่านนักบวชแจ็ค”

คาร์ลชี้ไปด้านในและเอ่ยต่อด้วยท่วงท่าสบายๆ

“เราเข้าไปคุยข้างในกันเถอะ”

คาร์ลเดินนำพวกเขาเข้าไปในตัวคฤหาสน์ทันที

ครู่ต่อมาถ้วยชาร้อนๆก็วางอยู่ตรงหน้าคาร์ล ฮันส์วางจานขนมไว้กลางโต๊ะก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ

คาร์ลเอนหลังพิงโซฟานุ่มที่ตั้งอยู่ในห้องนอนบนชั้นห้าของคฤหาสน์ใต้ดิน นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาได้กลับมาพักในห้องนี้ เขากวาดสายตาไปมองรอบๆและเอ่ยขึ้น

“อากาศเย็นแบบนี้..ดื่มชาร้อนๆให้ร่างกายอุ่นก่อนเถอะ”

เคจและแจ็จมองคาร์ลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นดื่ม เคจที่จิบน้ำชาเข้าไปก็เริ่มสงบลง

ทันใดนั้นก็มีของ 2 ชิ้นวางลงบนโต๊ะ

มันคือกระจกเก่าๆบานหนึ่ง

และ!

“พรู๊ดดด!!”

เคจพ่นน้ำชาออกจากปากแทบทันที

มันคือหนังสือ

<ผู้แต่ง : ผู้ประทานพรแห่งความตาย>

ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!

ชาที่เธอพ่นออกมาค่อยๆไหลลงข้างแก้มและหยดลงบนพื้น อย่างไรก็ตามทั้งเคจและคาร์ลไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้

เครื่องมือพระเจ้า? คาร์ลไม่รู้รายละเอียดของมันมากนัก คาร์ลซ่อนความกังวลของตนเอาไว้เมื่อเริ่มพูด

“ท่านคิดอย่างไร?”

แม้เขาจะถามออกไปแต่เคจยังคงนิ่งและไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆกับหนังสือเล่มนี้ คาร์ลจึงพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเคจลังเล

“เปิดมันดูก่อนแล้วกัน”

เคจจึงหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาดูทันทีที่คาร์ลพูดจบ

ทันใดนั้นเอง

ชิ้งงงงงง!

หน้าปกหนังสือที่เป็นสีขาวเปลี่ยนเป็นสีดำทันที

ปั้ง!

คาร์ลหันศีรษะไปมองเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างกระแทกเข้ากับหน้าต่าง

“มนุษย์!..เจ้าทำอะไร?..ข้าสัมผัสได้ถึงออร่าที่น่ากลัว..มันอันตรายนะเจ้ามนุษย์!”

เขาได้ยินเสียงของราอนที่ตะโกนเข้ามาพร้อมกับใบหน้าของมันที่บี้เข้ากับหน้าต่างจนจะแบนเป็นแพนเค้กอยู่แล้ว มันกำลังบินเล่นอยู่ข้างนอกกับออนและฮงพอสัมผัสได้ถึงออร่าบางอย่างมันก็รีบบินขึ้นมาโดยเร็ว คาร์ลที่กำลังตะลึงกับราอนได้ยินเสียงของเคจดังขึ้น

“นี่..นี่มัน…”

คาร์ลรีบหันศีรษะของตนกลับมา

หัวใจของคาร์ลเต้นรัวขึ้น

‘เครื่องมือพระเจ้าชิ้นนี้จะร้ายกาจเพียงใดกันนะ?’

เขาเห็นว่าเคจกลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ

“..มันคือสิ่งที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว”

‘หืม?’

คาร์ลตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“อะไรนะ?..เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรงั้นหรือ?”

‘ฉันได้ยินผิดไปหรือเปล่า?’

คาร์ลจ้องเขม็งไปที่เคจอีกครั้ง

เคจกำลังนึกถึงสิ่งที่พระเจ้าแห่งความตายพูดกับเธอในความฝันและเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง

คาร์ลเองก็เต็มไปด้วยความคาดหวังเมื่อรอฟังว่าเธอจะพูดสิ่งใด

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน”

“..อะไรนะ?”

มันเป็นสิ่งที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวจริงๆงั้นรึ? แม้แต่เคจก็ยังไม่มั่นใจในเรื่องนี้

จากนั้นเธอก็เริ่มบอกคาร์ลถึงสิ่งที่เธอเห็น

“หนังสือเล่มนี้มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้นที่ข้ามองเห็น”

เมื่อเคจพูดขึ้นคาร์ลก็นึกถึงสิ่งที่เขาเคยอ่านมาจากหนังสือเล่มนี้ทันที

<สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้ต่างเป็นสิ่งสวยงามเมื่อพวกเขาจบชีวิตลง>

<เจ้าอยากตายใช่หรือไม่?>

<ตามข้ามา!>

<มาเรียนรู้วิธีที่จะทำให้ตายโดยง่ายที่สุดกันเถอะ!>

นั่นคือสิ่งที่เขาอ่านเจอในหนังสือเล่มนี้แต่เคจกับเห็นมันเพียงประโยคเดียวเท่านั้น

คาร์ลมองเคจด้วยสายตาที่แปลกไป เคจมองไปที่คาร์ลเงียบๆและนึกถึงสิ่งที่พระเจ้าแห่งความตายพูดกับเธอในความฝันมันมีอยู่หลายประโยคที่เขาพูดซ้ำไปซ้ำมาและประโยคที่เธอนึกถึงอยู่ในตอนนี้คือสิ่งที่เขาพูดจนเธอท่องมันได้ขึ้นใจ

‘วีรบุรุษคือสิ่งมีชีวิตที่แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถทำนายได้..ถึงเวลาแล้วที่วีรบุรุษจะปรากฏตัวออกมาเสียที’

การกำเนิดของวีรบุรุษ

เคจปัดเรื่องนี้ออกจากหัวของตนเมื่อเริ่มพูดถึงประโยคที่เธอเห็นในหนังสือเล่มนี้ให้คาร์ลฟัง

“เจ้าสงสัยเกี่ยวกับวิธีกำจัดความตายหรือไม่?”

หนังสือที่มีหลายร้อยหน้าถูกย่อให้จบลงเพียงสั้นๆด้วยประโยคนี้ประโยคเดียว