บทที่ 170 ค่าชะตา 50,000 แต้ม
บทที่ 170 ค่าชะตา 50,000 แต้ม
ทันทีที่สิ้นเสียง พลังมหาศาลก็แผ่ออกมา จนการเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสตระกูลเจียงล้วนหยุดนิ่ง กลิ่นอายพลังหนึ่งพุ่งมาแต่ไกล ออกแรงกระชากครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อช่วยหยางอวิ๋นออกมาจากรัศมีแรงกดดันของผู้อาวุโสตระกูลเจียง
ในที่สุดเขาก็ได้รับความช่วยเหลือ จนหลบหนีจากแรงกดดันทรงพลังได้ในที่สุด ทั่วร่างผ่อนคลายลง แต่ความหวาดกลัวที่เผชิญกับมัจจุราชเมื่อครู่ยังคงเกาะกุมหัวใจ จนไม่อาจลืมเลือนได้อยู่พักใหญ่
ผู้อาวุโสของตระกูลเจียงคนหนึ่งก้าวเข้ามา ยกมือขึ้น พลางกล่าวว่า “คารวะเจ้าสำนักเฉิง”
ทุกคนในตระกูลเจียงทราบดีว่า คนที่มาในครั้งนี้คือเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์คนปัจจุบัน เฉิงไท่!
ถึงแม้ตระกูลเจียงจะเป็นตระกูลโด่งดังเลื่องชื่อในแดนมัชฌิม จนสามารถพูดแทนทั้งแผ่นดินได้
แต่ถึงอย่างไรสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็คือสถานที่พิเศษ ถึงแม้ตระกูลชั้นสูงจำนวนมากจะไม่หวาดกลัวสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ แม้จะแค่ผิวเผิน พวกเขายังคงให้ความเคารพยำเกรงอยู่ดี
ถึงอย่างไร หากเป็นเพราะความผิดพลาดโดยไม่จำเป็นจนถึงขั้นต้องทุบตีกับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ นั่นเท่ากับเปิดโอกาสให้กองกำลังศัตรูได้ใช้สร้างประโยชน์
หากเรื่องราวบานปลายขึ้นมา เกรงว่าลูกหลานของตระกูลจะสูญเสียคุณสมบัติในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไปหลายอย่าง แบบนั้นไม่เท่ากับคนรุ่นหลังอนาคตมืดบอดหรอกหรือ?!
ยิ่งกว่านั้น คนที่สามารถครองตำแหน่งสูงส่งในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ จะเป็นคนเหลวแหลกได้อย่างไร?
คนเหล่านี้ล้วนเป็นกองกำลังที่อยากผูกมิตร หากมีความขุ่นเคืองขึ้นมา เท่ากับพวกเขาเพิ่มปัญหาให้กับตระกูลตัวเอง
เฉิงไท่เดินออกมาจากหมู่เมฆ พร้อมใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา “สมาชิกตระกูลเจียงทั้งหลาย ไม่ต้องทำตัวสุภาพหรอก ข้าไม่ได้ออกมาหลายวัน ทำให้ไม่รู้ว่าวันนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมคุณชายจากตระกูลเจียงถึงมาพร้อมกับผู้อาวุโสจำนวนมากหรือ?”
เจียงเชียนชิวไม่ใช่คนโง่ การที่เจ้าสำนักปรากฏตัวขึ้น ประกอบกับเรื่องราวบานปลายมาถึงขั้นนี้ หากจะใช้เพียงวาทศิลป์ป้องกันไม่ให้สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ก้าวก่าย ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้
เขาก้าวมาข้างหน้า ยกมือขึ้นเพื่อทำความเคารพ พลางกล่าวว่า “เจียงเชียนชิว จากตระกูลเจียง ขอคารวะเจ้าสำนัก”
เฉิงไท่ยังคงมีรอยยิ้มที่เป็นมิตรอยู่บนใบหน้า ราวกับอารมณ์กำลังดีอยู่ “คุณชายเจียงสุภาพเกินไปแล้ว”
พลังหนึ่งกดทับมาที่อีกฝ่าย “ข้าไม่รู้ว่าคนของตระกูลเจียงมาในวันนี้ด้วยเรื่องอะไร?”
ผู้อาวุโสของตระกูลเจียงไม่ตอบ ผ่านไปหลายอึดใจ เจียงเชียนชิวตอบว่า “นี่เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวระหว่างผู้น้อยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้าสำนัก อีกทั้งตอนนี้เรื่องราวก็คลี่คลายแล้ว”
วันนี้เขาต่อสู้กับหลิงอวิ๋น ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ การที่เขาจะอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่เสียกับเสียเท่านั้น
เป็นการดีกว่าที่จะหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อน จากนั้นกลับไปรักษาบาดแผลของตัวเองให้เรียบร้อย
ถึงอย่างไร โอสถลับก็เพิ่งถูกใช้ไป เกรงว่าต้องใช้เวลาหลายวันในการพักฟื้น
เฉิงไท่ไม่แสดงท่าทีไม่เชื่อออกมา เขาเพียงยืนเอามือไพล่หลัง พลางคลี่ยิ้มถามว่า “อย่างนี้นี่เอง ในเมื่อเรื่องราวคลี่คลายลงแล้ว สมาชิกตระกูลเจียงยังอยากอยู่ต่ออีกสักสองสามวันหรือไม่?”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณเจ้าสำนัก ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวก่อน”
คุณชายเจียงยกมือขึ้นทำความเคารพพร้อมกับสมาชิกตระกูลเจียงและลุกขึ้น ก่อนจะจากไป เขาไม่ลืมที่จะหันมามองหลิงอวิ๋นผู้ยังคงหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของลู่หยวน
ขาของหยางอวิ๋นสั่นเทา ลมหายใจไม่สม่ำเสมอ เมื่อเห็นว่าเจียงเชียนชิวจากไปอย่างสงบ ในอกของเขาแทบจะเต็มไปด้วยโทสะ
ท่านเฉิงไท่จะปล่อยมันไปง่าย ๆ ทั้งแบบนี้หรือ?!
หยางอวิ๋นไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าชายผู้นี้เป็นใคร?!
เขาคือเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เฉิงไท่ย่อมเป็นคนแรกที่ทราบเรื่อง
ชายผู้นี้ต้องรู้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว เรื่องในวันนี้ที่เจียงเชียนชิวเข้ามาในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ และพยายามจะทำร้ายอาจารย์สำนักหลิงอวิ๋น
ในฐานะเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แล้ว เฉิงไท่ถึงกับยอมทนอย่างนั้นหรือ?!
ด้วยวาทศิลป์ที่ไม่น่าเชื่อของมัน ท่านเจ้าสำนักเฉิงถึงกับเชื่องั้นหรือ?!
ดวงตาของหยางอวิ๋นเป็นสีชาด เขาพยายามสุดความสามารถเพื่อจะเงยหน้าขึ้น มองเจ้าสำนักที่อยู่ตรงหน้า พยายามเค้นคำพูดออกมาจากลำคอ “เจียงเชียนชิวทำร้ายอาจารย์สำนักหลิงอวิ๋น แต่ท่านจะปล่อยเขาไปงั้นหรือ?!”
“ความรับผิดชอบในฐานะเจ้าสำนักอยู่ที่ไหน?! ความยิ่งใหญ่ของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์มันหายไปไหนหมด?!”
“ถึงแม้ข้าเพิ่งจะมาอยู่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่ปี แต่ข้ารู้เช่นกันว่า บนศิลาที่อยู่ใจกลางสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ได้สลักนามผู้เข้าร่วมสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ พวกเขาไม่หวาดกลัวสวรรค์และโลก ฝึกฝนอย่างหนัก พยายามทะลวงชั้นฟ้าสู่สวรรค์!”
“เฉิงไท่ ท่านเป็นสุนัขที่ยอมจำนนต่ออำนาจของตระกูลใหญ่งั้นหรือ?!”
ทันทีที่กล่าวจบ ความเงียบงันพลันปกคลุมทั้งจัตุรัส ทุกคนกลั้นหายใจ มองไปทางเจ้าสำนักและศิษย์ผู้ตั้งคำถาม
ความในใจของผู้คนส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความนับถือ หยางอวิ๋นผู้นี้ช่างอาจหาญ เขากล้าต่อว่าเจ้าสำนักเช่นนี้ ช่างไม่รู้จักความเป็นความตายเสียแล้ว!
ลู่หยวนยังทำตัวเหมือนกับรับชมการแสดง บุตรแห่งโชคชะตาอย่างหยางอวิ๋นเป็นผู้ไร้สมอง ในสถานการณ์แบบนี้ยังแสดงท่าทีวางโตอีก ช่างรนหาที่นัก
บุตรศักดิ์สิทธิ์เงยหน้าขึ้นเห็นแววตาของเจ้าสำนักเฉิงมืดมน ทว่าด้วยค่าชะตาของหยางอวิ๋นที่เหลืออยู่เพียง 10,000 แต้ม เจ้าหนุ่มนี่น่าจะไม่ตายในวันนี้
อวี๋ฉู่ผู้อยู่อีกด้านส่ายหน้า เขาสังเกตเห็นเจ้าหนูจากโถงหอกตั้งแต่แรกเช่นกัน พรสวรรค์ของหยางอวิ๋นนับว่าดียิ่ง หากบ่มเพาะอย่างตั้งใจ ในอนาคตจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน
แต่คาดไม่ถึงว่าคนผู้นี้กลับไม่เข้าใจสถานการณ์ …มองไม่เห็นผลได้ผลเสียที่มีร่วมกัน
อวี๋ฉู่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมคนผู้นี้ถึงมาอยู่กับหลิงอวิ๋น นางอาจจะเคยประสบชะตากรรมแบบเดียวกัน ถึงแม้จะเห็นความเกี่ยวข้องระหว่างอำนาจของตระกูล แต่กลับไม่ให้ความสนใจ นางเฉยเมยต่อชื่อเสียงและยศถา เพื่ออุทิศตัวเองให้กับการฝึกฝน
เมื่อเฉิงไท่ได้ฟังคำพูดของหยางอวิ๋น ใบหน้าของเฉิงไท่ไม่ผันผวนแต่อย่างใด เขาเพียงยกมือขึ้น ค่ายกลขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้า หลังจากนั้น โซ่เหล็กนับไม่ถ้วนพลันพุ่งออกจากค่ายกล พันธนาการหยางอวิ๋นเอาไว้อย่างแน่นหนาทันที
ค่ายกลยังคงบีบคั้น แรงกดดันมหาศาลก่อตัวขึ้น กักขังหยางอวิ๋นเอาไว้ข้างใน จนไม่สามารถขยับได้ บุตรแห่งโชคชะตากำลังจะเปิดปากเพื่อต่อว่าชายมืดบอดผู้นี้ แต่โลกช่างไม่ยุติธรรม ไม่ว่าเขาจะเปิดปากอย่างไร ก็ไม่สามารถส่งเสียงออกไปได้
ดวงตาของเฉิงไท่เฉยชา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคงดังเดิม “หยางอวิ๋นไม่ปฏิบัติตามกฎของสำนัก ต้องถูกลงโทษ ให้หันหน้าเข้าหากำแพงเพื่อทบทวนความผิดพลาดของตัวเอง!”
หลังจากนั้น ค่ายกลวูบไหว ก่อนจะพาตัวบุตรแห่งโชคชะตาหยางไปที่ศิลาใจกลางสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์
โซ่เหล็กจำนวนมากพันธนาการเขาไว้ บังคับให้ผู้ใช้หอกต้องเงยหน้าขึ้น จ้องมองตัวอักษรบนศิลา
“ผู้ใดที่เข้าร่วมสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ของข้า พวกเขาไม่หวาดกลัวสวรรค์และโลก ฝึกฝนอย่างหนัก พยายามทะลวงชั้นฟ้า ทะยานขึ้นสู่สวรรค์!”
คำพูดของเฉิงไท่ดังขึ้นในหูของหยางอวิ๋น “คำพูดและประโยคถูกสลักไว้บนศิลาแล้ว มันคือวิถีที่เจ้าต้องการ”
“เมื่อเจ้าคิดทบทวนได้แล้ว เมื่อนั้นค่อยลงมา!”
กล่าวจบเฉิงไท่ก็เดินจากไปพร้อมสะบัดแขนเสื้อ
เมื่อคนที่เหลือทราบว่าไม่เหลือเรื่องตื่นเต้นให้รับชมแล้ว พวกเขาจึงจากไปคนแล้วคนเล่า
ลู่หยวนชำเลืองมองหยางอวิ๋นผู้ถูกบังคับให้ยืนอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นเสียงระบบก็ดังขึ้นในใจของเขา
[ระบบแจ้งเตือน ความโปรดปรานของเฉิงไท่ที่มีต่อหยางอวิ๋นลดลง ค่าชะตาของบุตรแห่งโชคชะตาหยางอวิ๋นลดลง 2,000 แต้ม! ค่าชะตาที่เหลืออยู่ในตอนนี้คือ 8,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 4,000 แต้ม! ค่าชะตาวายร้ายในปัจจุบันคือ 50,000 แต้ม!]
สิ้นเสียงระบบ ลู่หยวนคลี่ยิ้มออกมา ค่าชะตา 50,000 แต้ม เขาเตรียมการฟื้นฟูเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ให้ไป๋ชิวเอ๋อร์ได้แล้ว!