เป็นเวลาสองวันแล้วหลังจากที่ผู้เล่นต่อสู้กับโจรภูเขาและยักษ์แห้งแล้ง ผู้เล่นหลายคนเริ่มมีความคิดที่จะออกสำรวจและรับรางวัลเหมือนกับที่จอมและเทอร์รี่ทำ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มสำรวจแผนที่ใหม่ โดยเริ่มจากบริเวณรอบ ๆ เมืองไร้ชื่อ แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ยังวนเวียนอยู่กับดันเจี้ยนทั้ง 2 หลังจากที่พวกเขาทำเควสประจำวันเสร็จ

ตอนนี้ห้องใต้ดินของผีดิบยังคงเปิดให้บริการทุกวัน และหุบเขาแห่งความตายก็ยังไม่ได้รับการสำรวจจนครบ แถมการก่อสร้างจำนวนมากก็ยังไม่เสร็จสิ้น…

ในฐานะที่เป็นสถานที่พบปะยอดนิยมสำหรับผู้เล่น โรงเหล้ากาต้มน้ำเหล็กก็ยังคงกิจการดีเหมือนเช่นเคย

เพียงแต่บรรยากาศในโรงเหล้าวันนี้ดูค่อนข้างต่างจากทุกวัน

เมื่อก่อนมีผู้เล่นมากมายคุยโวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกี่ยวกับประสบการณ์ที่น่าสนใจของพวกเขาในตอนที่พวกเขาพิชิตดันเจี้ยน ทำให้ทั้งโรงเหล้าเสียงดังมาก จนแม้แต่ผู้เล่นที่นั่งโต๊ะเดียวกันก็ยังต้องตะโกนคุยกัน

แม้ว่ายังมีผู้เล่นแบบนั้นอยู่ในโรงเหล้า แต่ก็มีจำนวนน้อยกว่าเมื่อก่อนมาก พวกเขาแค่คุยกับเพื่อนแบบสบาย ๆ แทนที่จะพยายามตะโกนให้โลกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนเมื่อก่อน

ตอนนี้เมื่อผู้เล่นกินเนื้อย่างหรือดื่มเบียร์ พวกเขาก็จะเหลือบมองไปยังพื้นที่ว่างข้าง ๆ โต๊ะเป็นระยะ และหากมนุษย์โลกถูกย้ายมาที่นี่ 80% คงคิดว่าผู้เล่นกำลังมองโทรศัพท์มือถือล่องหนอยู่…

จริง ๆ แล้วผู้เล่นไม่ได้มองไปที่โทรศัพท์แต่เป็นฟอรัม แน่นอน เมื่อพิจารณาถึงการกระทำที่คล้ายคลึงกันระหว่างทั้งสอง มันก็ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก

ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงลังเลที่จะใช้ฟอรัม พวกเขากลัวที่จะทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีให้เทพเจ้าของพวกเขาเห็น แต่หลังจากเหตุการณ์ ‘ช่วยเด็ก’ ผู้เล่นก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของฟอรัม เมื่อพวกเขารู้ว่าการสื่อสารสะดวกขึ้นเพียงใดเมื่อใช้ฟอรั่ม ผู้เล่นหลายคนก็เริ่มพยายามใช้ฟอรัมกันมากขึ้น

เมื่อโพสต์แนะนำกลยุทธ์การเล่น และเรื่องราวสนุก ๆ ทวีคูณขึ้นในฟอรัม ผู้เล่นหลายคนก็เริ่มเข้าร่วม แม้ว่าจะมีผู้เล่นเพียง 100 กว่าคน แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็มีความกระตือรือร้นอย่างมาก ทำให้ฟอรัมกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

นี่แตกต่างจากฟอรัมบนโลกที่จะเต็มไปด้วยสแปมเมื่อจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้น ฟอรัมนี้ถูกสร้างและดูแลโดยเทพเจ้าแห่งเกม ในฐานะผู้ศรัทธาของพระองค์ ผู้เล่นยังคงให้ความเคารพเมื่อใช้ฟอรัม และไม่กล้าโพสต์อะไรที่เลวร้ายเกินไป ดังนั้นวินัยการใช้ฟอรัมของพวกเขาจึงดีมาก ในความทรงจำของซีเว่ย มีเพียงบางฟอรัมบนโลกเท่านั้นที่จะมีบรรยากาศภายในฟอรั่มที่ดีและโพสต์ที่มีประโยชน์

แม้ว่าผู้เล่นจะต้องการ PK กัน พวกเขาก็จะไม่พูดมันออกมาตรง ๆ ในฟอรัม พวกเขาจะทิ้งเวลาและสถานที่ที่คลุมเครือเอาไว้ และเขียนข้อความที่จริงใจลงท้ายว่า ‘แล้วพบกัน’ จนถึงจุดที่ผู้เล่นบางคนที่ผ่านมาเห็น คิดว่าฟอรั่มกำลังสั่นคลอนไปด้วยบรรยากาศแปลก ๆ สีชมพูอมม่วง(เกย์)…

แต่ถึงอย่างนั้น ซีเว่ยก็ไม่ต้องกังวลว่าผู้เล่นจะกลายเป็นนีท เพราะผู้เล่นไม่สามารถเคลียร์ดันเจี้ยนได้ผ่านหน้าจอเหมือนคนบนโลกเดิมของเขา ผู้เล่นต้องปาร์ตี้ด้วยกันแบบออฟไลน์ และเอาชนะสัตว์ประหลาดหรือแพ้ยกตี้ไปด้วยกัน พวกเขาไม่สามารถอยู่บ้านและทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวได้

ไอรอนกำลังเช็ดแก้วเหมือนเช่นเคย แต่แก้วในมือของเขาตอนนี้คือแก้วใสที่หาได้ยาก เพราะระดับช่างฝีมือในโลกนี้ยังไม่พัฒนา ไอเทมนี้เป็นหนึ่งในรางวัลที่ระบบมอบให้กับผู้เล่นจากการทำเควสของสะสม และไอรอนก็ได้ใช้เหรียญเกมครึ่งหนึ่งที่เขาเก็บออมมาเพื่อซื้อแก้วแบบนี้จากผู้เล่นคนอื่น ๆ ทำให้ตอนนี้แก้วเหล้าทุกใบในโรงเหล้าของเขาถูกเปลี่ยนเป็นแก้วใส

น่าเสียดายที่ผู้เล่นทุกคนต่างก็เป็นผู้ลี้ภัยหรือทหารรับจ้างมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่สนใจเครื่องดื่มแฟนซีอย่างเหล้าหรือไวน์ เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขาชอบเบียร์ที่สามารถดื่มได้คล่องคอมากกว่า ผู้เล่นเพียงคนเดียวที่สั่งไวน์แดงก็คือแองโกร่า ซึ่งจะแวะเวียนมาทานอาหารเย็นเป็นครั้งคราว

ในตอนนั้นเอง มีร่างสองร่างเดินมาที่ทางเข้าโรงแรม คนหนึ่งอ้วนและคนหนึ่งผอม

“นั่นซิลวากับเทรรอสเช่นี่!” ผู้เล่นคนหนึ่งจำพวกเขาได้และถามออกมาอย่างขบขันว่า “เมื่อวานเจ้าสองคนยังจับปูอยู่ใกล้ ๆ ชายฝั่งทะเลไม่ใช่รึ? การสำรวจท่าเรือเกรย์ฟยอร์ดเป็นยังไงบ้าง”

“เจ้าคงไม่รู้สินะ เราได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้คุ้มกันของท่านมาร์นี่!” ซิลวาแอ่นอกอย่างภาคภูมิใจ

“ผู้คุ้มกันอะไร มาร์นี่ตายในทะเลเมื่อ 3 วันก่อน เขาเลยไปไม่ทันสู้กับยักษ์แห้งแล้ง! ข้ายังเห็นเจ้า 2 คนถูกมัดและถูกเขาทุบตีเมื่อวานนี้อยู่เลย!” ผู้เล่นหัวเราะเสียงดัง

ซิลวาห่อเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว เขาพึมพำกับตัวเองว่า ‘เจ้าใส่ร้ายข้าต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง?’ และ ‘ข้าไม่ได้โดนมัดและถูกเขาทุบตีอยู่ฝ่ายเดียวซะหน่อย มันคือการ PK!’ และ ‘นอกจากข้า ไม่มีใครรู้ว่าการเป็นผู้คุ้มกันให้มาร์นี่มันยากแค่ไหน’ ซึ่งทำให้ผู้เล่นส่งเสียงหัวเราะกันลั่นโรงเหล้า และบรรยากาศก็ร่าเริงขึ้นมาก

เมื่อเทียบกับซิลวาแล้ว เทรรอสเช่ค่อนข้างสงบ เขาเดินไปนั่งตรงที่ว่างข้างเคาน์เตอร์บาร์และสั่งสเต็กสองชิ้นจากไอรอน พวกเขาดื่มแต่ซุปปลาตอนที่อยู่ในหมู่บ้านมนุษย์กบ จนพวกเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าอาหารคนเป็นยังไง

ไอรอนรับลูกศิษย์ 2 คนเมื่อเขาทำเงินได้มากพอ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องทำอาหารด้วยตัวเองอีกต่อไป เขามีเวลาว่างพูดคุยกับลูกค้ามากขึ้นในขณะที่รินเบียร์ให้เทรรอสเช่

“ซิลวาไม่ได้โกหก มาร์นี่จ่ายเงินจ้างเราเป็นผู้คุ้มกันของเขาจริง ๆ เพราะอีวานดูเหมือนจะมีเรื่องต้องไปทำนอกเมือง” เทรรอสเช่ถอนหายใจ “แต่เราว่างมานานเกินไป เราก็เลยไปถึงที่นั่นช้าไป 1 ชั่วโมง แถมเราก็ไม่คุ้นเคยกับการเป็นผู้คุ้มกันด้วย”

“แล้วไงต่อ?” ไอรอนถามอย่างสงสัย

“เนื่องจากเรารับค่าตอบแทนมาแล้ว เราก็เลยคิดว่าพรุ่งนี้เราจะมาให้เร็วขึ้น” เทรรอสเช่พูดด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง

“ใช่ เจ้าทำถูกแล้ว” ไอรอนพยักหน้าเห็นด้วย

“แล้ววันรุ่งขึ้น เราก็ไปส่ายแค่ครึ่งชั่วโมง!” เทรรอสเช่ตอบด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ราวกับว่าช่วงเวลานั้นเป็นความทรงจำที่เลวร้ายของเขา “เมื่อเราไปถึงที่นั่น มาร์นี่ก็ถูกสัตว์ประหลาดปลากัดไปครึ่งตัวแล้ว พวกเครลิคเลยชุบเขาไม่ได้”

จากนั้นเทรรอสเช่ก็เผยรอยยิ้มเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จ “เพราะงั้นเราก็เลยสงบสติอารมณ์ได้ พวกเราตัดขาดสิ่งรบกวนทางโลก และมุ่งเน้นไปที่การเคลียร์ท่าเรือเกรย์ฟยอร์ดส่วนที่ 11% และ 12% ได้ภายใน 3 วัน!”

ไอรอนเสิร์ฟสเต็กให้พวกเขาและถามต่อว่า “แล้วทำไมมาร์นี่ถึงมัดเจ้าล่ะ?”

รอยยิ้มของเทรรอสเช่ค้างอยู่บนใบหน้า ขณะที่ความทรงจำอันเจ็บปวดหวนกลับคืนมาอีกครั้ง

“เราไปขอโทษมาร์นี่”

“ผลเป็นไง?”

“ชื่อเสียงที่เรามีต่อเขาอยู่ในระดับ ‘เกลียดชัง’”

“…”