มั่นใจ 5 ส่วน

มาตอนนี้ตี้จิ่วเชื่อคำของต้วนหลิงเทียนไปแล้วถึง 7-8 ส่วน

พอได้รู้ว่าบุตรชายของมันอาจจะตกตายเพราะความโลภ ประสบคราวเคราะห์ในเจดีย์หลังบุกเข้าไป ในใจมันก็คงเหลือแต่เพียงความโศกเศร้าไร้ความเกลียดชังอะไร

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็มิอาจเกลียดชังโกรธแค้นหอคอยนี่ได้

‘ยงเอ๋อ…อย่าได้บอกข้าว่าเจ้ากลับตกตายในเจดีย์นี่จริงๆ…หากเจ้ามิตกตายและได้รับมรดกของเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง เจ้าย่อมสามารถหวนคืนสู่เผ่าพันธุ์มังกรเราได้อย่างภาคภูมิ ด้วยพลังฝีมือของเจ้า..ยามนั้นสมควรกล้าแข็งมากพอจะสะกดได้ทั้งเผ่ามังกร…น่าเสียดาย น่าเสียดายยิ่งนัก! ดูเหมือนกระทั่งฟ้ายังริษยาอัจฉริยะเช่นเจ้า!!’

ตี้จิ่วลอบร่ำร้องในใจอย่างเงียบงัน มันรู้สึกเศร้าใจนักที่พบว่าบุตรชายของมันกลับตายเปล่าเช่นนี้

อย่างไรก็ตามหลังยืนยันสาเหตุการตายของบุตรชายได้แล้ว มันก็ระงับความโศกเศร้าในใจชั่วคราว ก่อนที่จะมองสำรวจเจดีย์ 7 ชั้นขนาดมหึมาเบื้องหน้าด้วยความสนใจ ‘มรดกของเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง…เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก ทั้งจากขนาดใหญ่โตของเจดีย์นี่ สมควรมีสมบัติทั้งมรดกตกทอดที่ทิ้งไว้ให้ชนรุ่นหลังมากมาย’

‘ที่ร้ายกาจที่สุดของเซียนกระบี่ฟงชิงหยางคือ วรยุทธ์กระบี่…หากข้าตี้จิ่วได้สืบทอดวรยุทธ์นั่น ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ก็ไร้ผู้ใดทัดเทียมข้าได้!’

เมื่อนึกถึงโอกาสที่มันอาจจะได้รับสืบทอดมรดกและวรยุทธ์ของเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง ตี้จิ่วก็ตื่นเต้นไม่น้อย

มาตอนนี้มันโยนเรื่องราวความตายของบุตรชายไว้ด้านหลัง ยังเจือจางหายไปดั่งควันต้องลม

บางทีคงเป็นเพราะมันรู้ว่าลูกมันไม่ได้ถูกใครฆ่าตาย ความโกรธแค้นจึงหายไป เหลือก็แต่เพียงความเศร้าเล็กน้อยเท่านั้น

ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แข็งแกร่งย่อมได้รับความนับถือ อ่อนแอก็เป็นแค่เศษธุลี

พอรู้ว่าบุตรชายไม่ได้ถูกฆ่าตาย มันก็เลิกสนใจไปทันที เพราะยังมีสิ่งสำคัญที่มันต้องให้ความสนใจก่อน

“พวกเราจักเข้าไปในเจดีย์นี่ได้อย่างไร?”

ตี้จิ่วมองถามต้วนหลิงเทียน

“คิดเข้าไปด้านในเจดีย์ พวกเราต้องจัดตั้งค่ายกลแยกน้ำทะเลออกไปเสียก่อน…จากนั้นเมื่อรอบๆเจดีย์ไร้น้ำทะเลแล้ว พอพวกเราเข้าไปใกล้ จะสัมผัสได้ถึงพลังดูดรั้งประการหนึ่ง เรื่องนี้ต้องอย่าต่อต้านแม้แต่น้อย เพราะถ้าคิดต่อต้านก็ไม่อาจเข้าไปได้”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบตี้จิ่ว

“แยกน้ำทะเล? ไฉนต้องทำอะไรเช่นนั้นด้วย?”

ตี้จิ่วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

มันไม่อาจเข้าใจเรื่องนี้ได้ เพราะนี่มันแปลกประหลาดเกินไป

หรือน้ำทะเลจะทะลักเข้าไปในเจดีย์ด้วย?

“ถ้าไม่ได้แยกน้ำทะเลออก แม้พวกเราจะสามารถเข้าไปในเจดีย์ได้ แต่พวกเราจะถูกขับออกมาจากเจดีย์ทันที…เรื่องนี้เป็นข้ากับตี้ยงหาหนทางอยู่นานกว่าจะค้นพบ ตี้ยงยังบอกข้าว่าสาเหตุอาจเป็นเพราะมิติภายในเจดีย์มันไม่เสถียร ทำให้ไม่อาจถูกการรบกวนจากสิ่งเร้าภายนอก”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ

“เจ้าลองเข้าไปให้ข้าดู”

หลังได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ตี้จิ่วก็นิ่งคิดไปพักหนึ่ง ค่อยกล่าวสั่งออกมา

“หืม?”

ต้วนหลิงเทียนชักสีหน้างุนงง นิ่งไปพักหนึ่ง

“ข้าบอกให้เจ้าเข้าไป”

ตี้จิ่วกล่าวย้ำด้วยความขัดใจ

ต้วนหลิงเทียนได้ยินคำของตี้จิ่ว ก็มองจ้องตี้จิ่วทั้งขมวดคิ้ว ค่อยลอบทอดถอนในใจ ‘ตี้จิ่วนี่มันระวังตัวแจทีเดียว’ หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เข้าเจดีย์ไปด้วยท่าทางไม่พร้อมใจสักเท่าไร

และพอเข้าไปในเจดีย์ ร่างเขาก็ถูกเขย่าอย่างแรงปานแผ่นดินไหว ก่อนที่จะถูกเจดีย์ขับออกมาทันที สีหน้ายังซีดลงไม่น้อย

ด้วยน้ำทะเลห้อมล้อมแบบนี้ มิติภายในเจดีย์ย่อมไร้เสถียรภาพ

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้กล่าวโป้ปดแต่อย่างใด

แม้ถึงตอนที่ตี้จิ่วจะเข้าไปด้านในจริงๆ เขาก็ต้องสร้างสภาพแวดล้อมรอบเจดีย์ให้ไร้สิ่งรบกวนใดๆ ด้วยวิธีนี้ตี้จิ่วจะไม่ถูกเจดีย์ขับไล่ออกมาเร็วนัก

ผู้เฒ่าหั่วก็ต้องใช้เวลาในการฆ่ามันเช่นกัน

ดังนั้นวาจาที่เขากล่าวบอกมันออกไป ก็เสมือนการฉีดยาเสริมภูมิคุ้มกันให้มันล่วงหน้า เพื่อให้ตี้จิ่วไม่สงสัยเรื่องถูกขับออกมาจากเจดีย์

เมื่อเห็นสีหน้าอาการย่ำแย่ของต้วนหลิงเทียน ตี้จิ่วก็เชื่อทันที

“ให้ข้าลองดู”

ขณะเดียวกันตี้จิ่วก็เริ่มเข้าไปใกล้เจดีย์ หมายลองเข้าไปดู

ต้วนหลิงเทียนเห็นดังนั้นก็คิดให้เจดีย์ดูดร่างตี้จิ่วเข้าไปทันที ทว่าแม้เขาจะคิดให้เจดีย์ดูดร่างมันเข้าไปแล้ว แต่ตี้จิ่วก็ยังยืนอยู่ด้านนอกไม่ได้วูบหายเข้าไป

ต้วนหลิงเทียนสะท้านในใจทันใด เขารู้ว่านี่เป็นเพราะตี้จิ่วต่อต้านการเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!

เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติตอนนี้ยังไม่มีอำนาจดูดรั้งผู้คนเข้าไปอย่างไม่ยินยอม

“มีพลังดูดรั้งจริงๆ”

นี่เป็นการทดสอบของตี้จิ่วเท่านั้น เพื่อทดสอบดูว่าต้วนหลิงเทียนโกหกมันหรือไม่

“อีกครั้ง”

เมื่อมาถึงจุดนี้ตี้จิ่วก็ยินยอมพร้อมใจปล่อยให้พลังดูดรั้งของเจดีย์ชักนำเข้าไปอีกรอบ

พริบตาต่อมาเมื่อร่างตี้จิ่ววูบหายเข้ามาอยู่ในเจดีย์ มันก็สัมผัสได้ถึงพลังต้านทานมหาศาลกดทับลงบนร่าง หมายผลักมันออกไป!

พลังมหาศาลดังกล่าว ทำให้มันสำเหนียกตัวว่ามันยังอ่อนแอถึงเพียงใด!

ความรู้สึกอัดอัดกระจายไปทั่วร่างกาย ตี้จิ่วไม่อาจต้านทานอันใดได้ สุดท้ายเพียงแค่พริบตาตี้จิ่วก็พบว่าตอนนี้ตัวมันถูกขับออกมาอยู่ด้านนอกเจดีย์แล้ว

“ข้าไม่ได้หลอกเจ้าเห็นรึยัง?”

ต้วนหลิงเทียนมองตี้จิ่ว ค่อยกล่าวพร้อมยักไหล่

ตี้จิ่วพ่นลมดังเหอะ ก่อนที่จะมองถามต้วนหลิงเทียน “แล้วตอนนั้น เจ้ากับตี้ยงทำอย่างไร?”

“ข้าแยกน้ำทะเลออกไปด้วยค่ายกลของทวีปมนุษย์ เพราะตี้ยงมอบวัตถุดิบให้ข้ามากมาย ข้าจึงจัดตั้งค่ายกลที่สามารถคงสภาพไว้ได้นาน…หากใช้วัตถุดิบที่ข้ามีตอนนี้ คงคงสภาพค่ายกลนั่นไว้ไม่ได้นาน”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวอธิบายออกมาอย่างรื่นไหล

“เช่นนั้นเจ้าก็ใช้วัตถุดิบจัดตั้งค่ายกลนั่นก่อน ข้าจักเข้าไปสำรวจดูเล็กน้อย…หลังจากนั้นค่อยเข้าไปอีกครั้งดีๆ หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบอันใดเรียบร้อยแล้ว”

ตี้จิ่วกล่าว

“ข้าได้ยินมาว่าที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็มีปรมาจารย์ยันเต๋า กับปรมาจารย์จารึกเซียน พวกมันก็มีความสามารถจัดตั้งค่ายกลเหมือนทวีปมนุษย์ อีกทั้งยังมีอานุภาพสูงล้ำกว่า…”

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังตี้จิ่วด้วยสายตาร้อนแรง

“ข้าไม่ใช่ปรมาจารย์ยันเต๋าหรือปรมาจารย์จารึกเซียน”

วาจาตี้จิ่วย่อมทำให้ต้วนหลิงเทียนผิดหวังไม่น้อย

แม้ใจจะผิดหวัง แต่เรื่องนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพียงลอบคิดไปอย่างเสียดาย ‘ตอนแรกข้าคิดให้มันขุดหลุมฝังศพตัวเองซะหน่อย หากมันเป็นปรมาจารย์ยันเต๋าหรือปรมาจารย์จารึกเซียน…แต่ตอนนี้ดูเหมือนข้าได้แต่ลงมือด้วยตัวเองเท่านั้น นอกจากนั้นเพื่อไม่ให้มันสงสัยข้าไม่อาจใช้อาคมเซียนจัดตั้งค่ายกล’

ตอนนี้ด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนเองก็เป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 2 ดาวแล้ว เขาย่อมจัดตั้งค่ายกลที่ใช้อาคมเซียนได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้ตี้จิ่วเคลือบแคลงสงสัย เขาทำได้แต่จัดตั้งค่ายกลของทวีปมนุษย์เท่านั้น

ตอนนี้เขาต้องระวังทุกฝีก้าว ไม่อาจเสี่ยงผิดพลาดอะไรได้

ก้าวผิดเพียงครั้ง พังทั้งกระดาน!

‘ด้วยวัตถุดิบที่เหลือติดตัว…ค่ายกลแยกน้ำทะเล อย่างดีก็คงสภาพไว้ได้ 10 ลมหายใจ’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวกับตี้จิ่วทันที “บางทีพวกเราควรไปหาวัตถุดิบมาก่อนดีหรือไม่ เพราะด้วยวัตถุดิบที่ข้ามีอย่างดีก็จัดตั้งค่ายกลที่คงสภาพไว้ได้แค่ 4-5 ลมหายใจเท่านั้น”

เพื่อที่จะทำให้ตี้จิ่ววางใจ ต้วนหลิงเทียนจึงจงใจบอกระยะเวลาให้สั้นลงกว่าครึ่ง

อย่างไรก็ตามวาจาตอบกลับของตี้จิ่ว ทำให้ต้วนหลิงเทียนผิดหวัง

“มีเวลาให้ข้าเข้าไปสำรวจ 2-3 ลมหายใจก็เพียงพอ ข้าเพียงคิดสำรวจสภาพแวดล้อมด้านในคร่าวๆเท่านั้น มิได้คิดเข้าไปลึกแต่อย่างไร”

นี่เป็นความตั้งใจของตี้จิ่ว

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอยากเขกกะโหลกตัวเองสักทีนัก เขาควรจะบอกตี้จิ่วว่าไม่มีวัตถุดิบใดๆที่ใช้ในการจัดตั้งค่ายกลเลยมากกว่า! เพราะนั่นจะทำให้เขาไปเตรียมวัตถุดิบที่ดีกว่านี้และคงสภาพค่ายกลได้นานเท่าที่ต้องการ!!

ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เขาจึงมีเวลาให้ผู้เฒ่าหั่วลงมือแค่ 10 ลมหายใจเท่านั้น ‘ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าหั่วจะฆ่ามันได้ใน 10 ลมหายใจหรือไม่’

คิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามผู้เฒ่าหั่วผ่านปราณแท้ทันที

“ด้วยพลังฝีมือของมันที่ข้าตรวจสอบดูคร่าวๆ ด้วยสภาพร่างกายของข้าตอนนี้ ทำให้มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าข้าเลย…10 ลมหายใจ…ข้าไม่กล้ารับปากเจ้าว่าจะฆ่ามันได้! แต่ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อฆ่ามันคลี่คลายสถานการณ์วิกฤติให้เจ้า!”

ผู้เฒ่าหั่วตอบ

“ท่านมั่นใจว่าจะฆ่ามันได้กี่ส่วนหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม

“5 ส่วน”

ผู้เฒ่าหัวตอบกลับมาทันที

“5 ส่วน?”

เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนคิดหนักไม่น้อย สุดท้ายก็กัดฟันตอบไป “ลงมือเถอะ!”

โชคเป็นของผู้กล้า!

และ ณ จุดนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น มีแต่ต้องเสี่ยงเท่านั้น

“ในระหว่างที่ข้าจัดตั้งค่ายกล ข้าต้องให้เจ้าช่วยแยกน้ำทะเลรอบเจดีย์ให้ข้า พอเราเข้าไปในเจดีย์แล้วถึงจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของค่ายกล”

ต้วนหลิงเทียนมองไปทางตี้จิ่วพร้อมกล่าว

ตี้จิ่วพยักหน้ารับเบาๆ ไม่เห็นว่ามันลงมืออย่างไร แต่ทันใดนั้นมวลน้ำทะเลมหาศาลรอบเจดีย์พลันถูกขับออกไปในชั่วพริบตา!

ไม่ทันไรรอบเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็ไม่มีน้ำทะเลเหลืออยู่เลย

สำหรับตี้จิ่วแล้ว การใช้พลังแยกน้ำทะเลแบบนี้เป็นอะไรที่ง่ายดายนัก คล้ายมันแทบไม่เหนื่อยแรงอะไรด้วยซ้ำ

และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ไม่ต้องกล่าวถึงยอดฝีมือในขอบเขตเซียนอันร้ายกาจเช่นมัน กระทั่งด้วยพลังฝึกปรือสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบของต้วนหลิงเทียน เขาก็สามารถใช้พลังแยกน้ำทะเลแบบนี้ได้ยาวนานต่อเนื่องสิบวันครึ่งเดือนด้วยซ้ำ

‘หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ข้าน่าจะเตรียมวัตถุดิบไว้จารึกอาคมให้มากหน่อย’

ในขณะที่จารึกอาคมเพื่อเตรียมจัดตั้งค่ายกล ต้วนหลิงเทียนก็ลอบเสียดายในใจไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม ไหนเลยเขาจะรู้ว่าต้องมาเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้?

‘ทหารมาจัดทัพสู้ น้ำมาก่อทำนบกั้นสินะ…’

สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็สงบอารมณ์ เริ่มเตรียมการจารึกอาคมยิบย่อยทั้งหลายเพื่อจัดตั้งค่ายกล

เขาจะต้องอยู่ในสภาวะที่ดีที่สุด

ด้วยวิธีนี้เขาถึงจะทำได้ดีที่สุดกระทั่งอาจทำให้ค่ายกลมีพลังเหนือกว่าเดิม และนั่นยังเป็นการซื้อเวลาเพิ่มให้ผู้เฒ่าหั่วด้วย อย่างไรเสีย 10 ลมหายใจมันก็สั้นเกินไป

โดยไม่รู้ตัว ต้วนหลิงเทียนก็จดจ่ออยู่กับการจารึกอาคมเต็มที่ ตัดขาดเรื่องราวโดยรอบไปอย่างสิ้นเชิง ตั้งใจจารึกอาคมเก่าๆที่ไม่ได้กระทำมาเนิ่นนานแล้ว

อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะไม่ได้จารึกอาคมแบบเก่ามานาน แต่ด้วยความละม้ายคล้ายเหมือนของการจารึกอาคมเซียน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่พบปัญหาอะไรในการจัดตั้งค่ายกลครั้งนี้

ทั้งยังทำได้ดีกว่าเป้าหมายเดิมอีกด้วย

‘ค่ายกลนี่สมควรคงสภาพเอาไว้ได้ 11 ลมหายใจ…เกินกว่าที่ข้าคาดไว้ 1 ลมหายใจ’

หลังจากจารึกอาคมและจัดตั้งค่ายกลเสร็จสิ้น ต้วนหลิงเทียนก็พึงพอใจไม่น้อย

เวลาที่เพิ่มขึ้นมาแค่ 1 ลมหายใจแม้จะสั้นนัก แต่อย่างน้อยเขาก็ซื้อเวลาเพิ่มให้ผู้เฒ่าหั่วได้สำเร็จ ทำให้มีโอกาสในการฆ่าตี้จิ่วมากขึ้น

“จัดตั้งค่ายกลเสร็จแล้ว?”

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนลุกขึ้นยืน ตี้จิ่วก็กล่าวถามออกมาทันที