มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ! อีกาทองคำ 3 ขา!
“ใช่”
หลังได้ยินคำถามจากตี้จิ่ว ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าตอบคำ
“เจ้าเข้าไปก่อน แล้วข้าจักตามเข้าไปทีหลัง”
สองตาตี้จิ่วทอประกายเรืองวูบขณะกล่าว
จนถึงตอนนี้มันยังมีความระแวงไม่น้อย มันคิดให้ต้วนหลิงเทียนนำหน้า เพราะหากมีอันตรายใดๆ ต้วนหลิงเทียนย่อมเจอก่อน…
สำหรับความระแวงของตี้จิ่วนี้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดี หลังจากตอบรับอย่างขอไปที เขาก็วูบร่างเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที
เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเป็นของเขา เข้าไปก่อนแล้วจะมีปัญหาอะไร?
เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน
เนื่องจากตี้จิ่วใช้พลังของมันแยกน้ำทะเลอยู่ เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติจึงไม่ถูกรบกวนจากสภาพแวดล้อมภายนอก
ด้วยพลังฝีมือของตี้จิ่ว คงยากที่น้ำทะเลจะฝ่าม่านพลังมันเข้ามาได้
แถมให้มันกั้นน้ำแบบนี้ติดต่อกันสัก 8 ปี 10 ปีก็ไม่มีปัญหา
1 เค่อผ่านไป ตี้จิ่วพลันขมวดคิ้ว “ไอ้หนูนั่นมันคงมิได้ตกตายไปแล้วหรอกนะ?”
ทว่าพอคิดถึงเรื่องนี้ ตี้จิ่วก็นึกถึงคำที่ต้วนหลิงเทียนเคยบอกไว้ก่อนหน้าได้ “มันกล่าวไว้ก่อนหน้าว่าหากมีลมหรือน้ำกระทบเจดีย์ มิว่าผู้ใดก็ตามที่อยู่ด้านในจะถูกขับออกมา..”
ตี้จิ่วยกมือขึ้นมาโบกส่งๆไปทันที
ทันใดนั้นปรากฏสายลมแรงหอบหนึ่งพัดเข้าใส่เจดีย์
และแทบจะพร้อมกันกับที่สายลมซัดปะทะเจดีย์ ร่างที่มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีหนึ่งก็ผุดโผล่ออกมาจากอากาศ เป็นต้วนหลิงเทียนเอง
ตอนนี้ความอึดอัดแพร่กระจายไปทั่วร่าง หากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร ‘ในที่สุดมันก็รอไม่ไหว’
ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าคิดอยู่ในเจดีย์ให้นานที่สุด ไม่รีบร้อนออกมา
เขาอยากจะรู้นักว่าตี้จิ่วมันจะมีความอดทนได้สักแค่ไหน!
“ผ่านไปเนิ่นนาน ไฉนเจ้ามิออกมาเสียที?”
ตี้จิ่วกล่าวถามเสียงเข้ม
“มีบางอย่างผิดปกติด้านใน”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างขื่นขม
“เกิดอะไรขึ้น?”
ตี้จิ่วถามออกมาทันที
“ข้าพบว่าสมควรมีคนเข้ามาในเจดีย์อีกครั้งหลังจากที่ข้ากับตี้ยงออกมาวันนั้น ศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนจารึกอยู่ หายไปหมดแล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาอย่างระอา “อย่างที่ข้าคิดเอาไว้ไม่ผิด ตี้ยงลอบเข้ามาคนเดียวจริงๆ”
“เหอะ!”
ได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนที่พาดพิงถึงตี้ยง หน้าตี้จิ่วก็มืดลงทันที หลังจากสูดลมหายใจระงับอารมณ์พักหนึ่ง มันก็กล่าวออก “เจ้าไปกับข้าด้วย”
หลังได้ยินคำสั่งตี้จิ่ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกตื่นเต้นในใจนัก
อย่างไรก็ตามเขายังควบคุมอารมณ์ได้ดี เพียงกล่าวออกไปสีหน้าฝืนๆ “อาวุโส ไม่งั้นก็ให้ข้าช่วยแยกน้ำทะเลให้ดีไหม ท่านก็เข้าไปคนเดียวส่วนข้าจะรออยู่ด้านนอก จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่ในเจดีย์ได้แค่ 2-3 ลมหายใจ”
“อะไร หรือเจ้าคิดอาศัยจังหวะที่ข้าเข้าไปหลบหนี?”
ตี้จิ่วกล่าวเย้ยออกมา “เจ้าอย่าได้ห่วงไป…หลังจากผ่านเรื่องนี้ ตราบใดที่เจ้าสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ว่ามิมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของตี้ยงลูกข้า ข้าก็ไม่คิดจะทำอะไรเจ้า…อย่างไรข้าก็คือมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงงเล็บ! และเผ่าพันธุ์มังกรมิใช่ชนชั้นไร้เหตุผล!!”
วาจาตี้จิ่ว ทำให้ต้วนหลิงเทียนลอบหั่วเราะในใจ
มิใช่ชนชั้นไร้เหตุผล?
แล้วคนมีเหตุผลอุบาทว์ที่ไหน จะบุกมาเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์เป็นผักปลา…ยังทำลายเกาะป้านเยว่เสียพินาศยับ!
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้พูดออกไป
หากตอนนี้เขาหาเรื่องตี้จิ่ว ยังต่างอะไรเอาไข่ไปกระทบหิน
เขายังไม่สิ้นคิดขนาดนั้น
“อาวุโสข้าไม่อาจกล่าวคำสาบานแบบนั้นได้…จะอย่างไรตี้ยงก็รู้เรื่องเจดีย์ประหลาดนี่เพราะข้า กล่าวไปการตายของมันก็เกี่ยวข้องกับข้าโดยตรง…หากข้าสาบานข้าก็คงตายทันที”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มขมขื่น
“เฮอะ! ข้าย่อมคิดเรื่องที่เจ้ากล่าวไว้แต่แรกแล้ว มันยังจะไปยากอันใดเพียงเปลี่ยนคำสาบานเล็กน้อยก็พอ”
ตี้จิ่วพ่นลมด้วยความดูแคลนค่อยกล่าว “ตอนนี้เจ้าตามข้ามา เวลาเพียง 2-3 ลมหายใจสมควรเพียงพอให้ข้าสำรวจคร่าวๆ”
ครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปฏิเสธตี้จิ่ว
เพราะหากเขาปฏิเสธอีกครั้งตี้จิ่วต้องสงสัยแน่นอน และนั่นเป็นอะไรที่เขาไม่อยากเห็น
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนคิด เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็เปล่งพลังดูดรั้งออกมาดึงร่างตี้จิ่วกับเขาเข้าไปทันที
ทันทีที่ร่างตี้จิ่ววูบหายไปในเจดีย์ พลังไร้สภาพที่กั้นน้ำทะเลไว้ก็สลายหายไป มวลน้ำมหาศาลเริ่มถาโถมเข้าหาเจดีย์อย่างเกรี้ยวกราด
อย่างไรก็ตามมวลน้ำดังกล่าวย่อมถูกม่านพลังของค่ายกลปิดกั้นเอาไว้
แน่นอนว่าด้วยวัตถุดิบธรรมดาๆ ม่านพลังย่อมไม่อาจคงสภาพอยู่ได้นาน มันค่อยๆจางลงเรื่อยๆ
หลังจากที่จางลงมากเข้าสุดท้ายมันย่อมหายไป หลังจากนั้นมวลน้ำก็คงทะลักท่วมเจดีย์ทันที
ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียนหรือตี้จิ่ว ก็จำต้องถูกขับออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติในพริบตา
‘ผู้เฒ่าหั่ว ทั้งหมดขึ้นอยู่กับท่านแล้ว!’
หลังจากเข้าสู่เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หลบออกไปด้านข้างทันที พริบตาทั้งชั้นที่ 1 ก็ถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอก
แน่นอนว่าทัศนวิสัยของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ถูกม่านหมอกบดบังแต่อย่างไร
ทว่าด้านตี้จิ่วที่พึ่งเข้ามา มันก็สังเกตได้ถึงม่านหมอกหนาที่ห้อมล้อมไว้ทั่วกายทันที
“ไอ้หนู เจ้าอยู่ไหน?!”
ทันใดนั้นตี้จิ่วก็ตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนหายตัวไปแล้ว!
มันไม่ทันมีเวลาตามหาตัวต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด เพราะมันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาหามัน “ใคร?!”
อย่างไรก็ตามผู้มาไม่คิดจะตอบคำอะไรมัน ซัดพลังมหาศาลขุมหนึ่งแหวกม่านหมอกเข้ามาเล่นงานมันทันที! ทำให้ตี้จิ่วหน้าซีดเป็นศพ เร่งหวนคืนสู่ร่างที่แท้จริงทันที!
ด้วยความเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ มันย่อมกลับสู่ร่างที่แท้จริงได้ในพริบตา ร่างมหึมายาวหลายร้อยหมี่เร่งเร้าพลังอำนาจ ม้วนตัวสะบัดฟาดหางออกไปต้านทานพลังมหาศาลที่พุ่งเข้ามาทันที!
ปงงง!!
ยามเมื่อหางฟาดกระทบคลื่นพลังดังกล่าว ตี้จิ่วสัมผัสได้ถึงพลังทำลายอันน่ากลัวแล่นวาบผ่านหางมาสะท้านในร่าง จนมันผวา
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ตี้จิ่วก็แลเห็นผู้ลงมือ เป็นชายชราในชุดคลุมสีแดงคนหนึ่ง
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน?!”
หลังจากที่แลเห็นร่างชราในชุดคลุมแดง เลือดลมทั่วกายของตี้จิ่วอดไม่ได้ที่จะปั่นป่วน มันคำรามออกเสียงดัง ยังพยายามระงับพลังที่ปั่นป่วนในร่างเต็มที่
ชายชราในชุดคลุมสีแดงนี้ แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้เฒ่าหั่ว หลังจากที่เห็นตี้จิ่วสามารถรับการโจมตีเมื่อครู่ได้ ใบหน้าผู้เฒ่าหั่วก็เผยความประหลาดใจให้เห็น
วินาทีต่อมา ลูกตาทั้ง 2 ข้างของผู้เฒ่าหั่วคล้ายมีเปลวเพลิงลุกติดดังพรึ่บ!
ทันใดนั้นเองทั้งร่างผู้เฒ่าหั่วก็เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ปะทุออก ยังต่างจากเปลวเพลิงทั่วไปที่มีสีแดง เพราะเพลิงนี้กลับมีสีทอง!
มวลอากาศสั่นไหว ร่างมนุษย์ที่มีเพลิงทองลุกท่วมแปรเปลี่ยนกลับกลายในฉับพลัน ร่างที่แท้จริงของผู้เฒ่าหั่ว อีกาทองคำสามขาพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าตี้จิ่ว!
“สัตว์เซียนอันใดกัน?!”
ตี้จิ่วย่อมไม่รู้จักร่างที่แท้จริงของผู้เฒ่าหั่ว
ล้อกันเล่นหรือไร!
ร่างที่แท้จริงของผู้เฒ่าหั่วคือ อีกาทองคำ 3 ขาที่หลงเหลืออยู่เพียงตัวเดียวในจักรวาล ทั้งเอกภพไร้ซึ่งอีกาทองคำ 3 ขาตัวที่ 2 อยู่อีก!
ด้านหลังม่านหมอกต้วนหลิงเทียนก็ยืนมองเรื่องราวอย่างเคร่งเครียด
ในสายตาเขาย่อมไม่เห็นม่านหมอกอะไร มีเพียงร่างที่แท้จริงของผู้เฒ่าหั่วกับตี้จิ่วกำลังเผชิญหน้ากันเท่านั้น
‘ยังเหลืออีก 9 ลมหายใจ…ข้าหวังว่าผู้เฒ่าหั่วจะฆ่ามันได้ทัน! ไม่งั้นข้าซวยหนักแน่!!’
ใจต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความหวังและความกังวล
ผลการต่อสู้ครั้งนี้จะลิขิตความเป็นความตายของเขา!
สำหรับเรื่องที่ผู้เฒ่าหั่วลงมือเพียงครั้งเดียวแล้วหยุดไปต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้
ตอนนี้ผู้เฒ่าหั่วกำลังมองหาช่องว่างของตี้จิ่ว เพื่อลงมือสังหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ!
ก่อนที่จะเข้ามาในเจดีย์ เขาก็บอกผู้เฒ่าหั่วไว้แล้วว่ามีเวลาเพียง 11 ลมหายใจเท่านั้น
ความเป็นความตายของเขาก็ส่งผลกระทบต่อผู้เฒ่าหั่วไม่น้อย เขาเชื่อว่าผู้เฒ่าหั่วย่อมไม่คิดเมตตาปราณีอะไร
พริบตาก็ผ่านพ้นไปอีก 1 ลหายใจ
ตอนนี้เองร่างผู้เฒ่าหั่วที่หวนคืนสู่รูปลักษณ์อีกาทองคำ 3 ขา ก็เปลี่ยนร่างกลับกลายเป็นไฟสีทอง ละม้ายคล้ายแสงตะวันยามเย็น พุ่งกระแทกเข้าร่างที่แท้จริงของตี้จิ่วอย่างแรง!
แน่นอนว่าความเร็วของเพลิงสีทองย่อมไวเกินกว่าที่ต้วนหลิงเทียนจะมองเห็นได้ทัน
ร่างของตี้จิ่วอะไรก็ไวเกินกว่าต้วนหลิงเทียนจะมองเห็นเช่นกัน
ปง!ปง! ปง!
……
การลงมือของผู้เฒ่าหั่ว แม้จะเพียงแค่ขยับตัวก็ทำให้อากาศแตกระเบิด เสียงสนั่นลั่นอื้ออึงจนหูต้วนหลิงเทียนแทบดับ
ตูม! ตูม! ตูม!
……
แทบจะพร้อมกันกับเสียงแตกระเบิดของอากาศ อากาศก็ถูกบีบอัดให้กลับกลายเป็นคลื่นกระแทกร้ายกาจ ที่ซัดกวาดออกมาทุกสารทิศ! ต้วนหลิงเทียนเองก็ต้านรับไม่ไหว จำต้องถอยไปหลายก้าวใหญ่!
ด้านติ้จิ่วเองก็ไม่กล่าววาจาใดออกมาอีกเลย
แน่นอนว่ามันเองก็อยากกล่าวคำ แต่การโจมตีของผู้เฒ่าหั่วนั้นโถมมาดั่งพายุบุแคม สะกดมันเอาไว้ทุกทาง!
ตอนนี้ในใจตี้จิ่วหวังเพียงให้เจดีย์เร่งขับมันออกไปโดยเร็วเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังผ่านพ้นไปเกิน 4-5 ลมหายใจแล้วมันยังไม่ถูกขับออกไป ใจมันก็ปรากฏโทสะท่วมท้นขึ้นมาทันที ‘ระยำ! สารเลวน้อยนั่นมันหลอกข้า!!’
หากมาถึงจุดนี้แล้วมันยังไม่อาจเดาได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เกรงว่าชีวิตที่อยู่มาหลายปีคงสูญเปล่า…
อย่างไรก็ตามแม้โทสะจะล้นใจทั้งคับแค้นอยากขยี้ร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกคามือ แต่มันก็รู้ดีว่าตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่มัวแต่มามีโทสะ มันจำต้องรับมือวิกฤตการณ์เบื้องหน้าให้ได้เสียก่อน!
ตี้จิ่วลงมือด้วยพลังทั้งหมดอย่างไม่มีออมรั้ง
อย่างไรก็ตามถึงกระนั้นมันก็ถูกผู้เฒ่าหั่วซัดจนหน้าทิ่มดิน
ภายใต้การลงมืออันดุร้ายของผู้เฒ่าหั่ว ตี้จิ่วไร้ซึ่งหนทางตอบโต้ ยังสัมผัสได้ถึงความตายที่คืบคลานเข้ามาทุกขณะ!
การตระหนักเรื่องนี้ทำให้ตี้จิ่วร้อนรนทั้งหวาดกลัวในใจนัก!
และเมื่อมันตื่นตระหนกแล้ว ก็ยากจะระงับความผวาดผวาที่เริ่มกัดกิน!
‘สัตว์เซียนบัดซบนี่มันตัวอะไรกันแน่ ข้ามิเคยพบเห็นมันในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามาก่อนเลย ที่น่ากลัวที่สุดยังไม่ร้ายกาจถึงขั้นนี้! จากพลังที่มันเผยออก ด่านพลังฝึกปรือของมันสมควรอ่อนด้อยกว่าข้าหลายขุม แต่ไฉนมันถึงได้ร้ายกาจนัก!’
ยิ่งมาตี้จิ่วยิ่งกังวล
‘ไม่…แบบนี้อีกไม่ถึง 10 ลมหายใจ ข้าได้ตายคามือมันแน่!’
ยิ่งตระหนักได้ถึงความต่างชั้นของฝีมือ ตี้จิ่วก็ยิ่งพยายามครองสติให้สงบมากเท่าที่จะทำได้!