ตอนที่ 193 ถูกหลอก

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 193 ถูกหลอก

องค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่โกรธจนพังห้องตำราไปกว่าครึ่ง

ทั้งที่ความดีความชอบเป็นของเขา เขาเป็นคนแรกที่ออกมาเปิดโปงความจริง เขาเป็นคนแรกที่คิดจะแบ่งเบาความทุกข์ของเสด็จพ่อ

แต่สุดท้ายเจ้าสามกลับได้ประโยชน์

เพียงแค่ออกจากเมืองหลวงไปช่วยเหลือภัยพิบัติ เขาก็สามารถทำได้

“เหตุใดเสด็จพ่อจึงลำเอียงเพียงนี้ เจ้าสามเป็นม้าพันลี้ ข้าเป็นสิ่งใด ข้าเป็นคนโง่เขลาหรือ”

เขาโกรธอย่างมาก ดังนั้นจึงเขวี้ยงถ้วยชาอีกชุดทิ้ง

ขุนนางฝ่ายในคิ้วกระตุกเล็กน้อย

โชคดีที่จวนองค์ชายใหญ่ถือว่ามั่งมี สามารถเขวี้ยงทิ้งได้

ที่ปรึกษาหาโอกาสเกลี้ยกล่อมเขา “องค์ชายทรงระงับความโกรธ!”

“ข้าจะระงับความโกรธได้อย่างไร เจ้าบอกข้ามาว่าข้าจะระงับความโกรธได้อย่างไร”

เซียวเฉิงเย่เหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกกักขัง เมื่อเห็นคนก็กัดทันที

ที่ปรึกษาพูดด้วยความจริงจัง “พระองค์ทรงโกรธไปก็ไร้ประโยชน์! หากเรื่องแพร่กระจายออกไปจะทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ องค์ชายสามยอมออกจากเมืองหลวงไปช่วยเหลือภัยพิบัติก็ให้เขาไป ภัยพิบัติไม่ได้ช่วยเหลือง่ายเพียงนั้น รอเขากระแทกจนหัวแตกเลือดไหลก็จะรู้ความร้ายแรงของมัน รอเขาหนีกลับมาเมืองหลวง ม้าพันลี้อันใดก็เป็นเพียงวาจาว่างเปล่า”

เซียวเฉิงเย่อารมณ์เดือดดาล “เจ้าสามจะทำไม่สำเร็จจริงหรือ”

ที่ปรึกษาพูดอย่างมั่นใจ “เป็นไปได้อย่างมาก! อันดับแรก สำนักเซ่าฝู่และกรมคลังไม่มีเสบียงที่เพียงพอ องค์ชายสามออกไปช่วยเหลือภัยพิบัตินอกเมืองหลวง ทำได้เพียงหวังพึ่งตระกูลใหญ่ในท้องถิ่นให้ความร่วมมือ เพียงแต่ดูจากการถกเถียงของราชสำนัก การหวังพึ่งตระกูลใหญ่ให้ความร่วมมือออกเสบียงคงเป็นเรื่องยาก

ในเมืองหลวงทุกคนอาจให้เกียรติองค์ชายสาม แต่ออกจากเมืองหลวงแล้ว ตระกูลใหญ่จะให้เกียรติเขาหรือไม่คงพูดยาก เมื่อถึงเวลานั้น แม้เขาจะลำบากก็ไม่อาจพูดได้ ขี่เสือลงยาก เขาย่อมต้องเสียใจที่ตัดสินใจออกไปช่วยเหลือภัยพิบัตินอกเมืองหลวง ข้าคำนวณดูแล้ว อย่างมากสามเดือน เขาจะใช้การป่วยเป็นข้ออ้างหลบหนีกลับเมืองหลวง”

เซียวเฉิงเย่พยักหน้าระรัว รู้สึกว่าที่ปรึกษาพูดได้มีเหตุผลอย่างมาก

เขาหัวเราะร่า อารมณ์ดีขึ้นในทันใด

ขุนนางฝ่ายในแอบยกนิ้วโป้งให้ที่ปรึกษา สมกับเป็นคนเจ้าเล่ห์ เพียงแค่เอ่ยปากก็สามารถปลอบประโลมองค์ชายที่เดือดดาลได้

เซียวเฉิงเย่ฟื้นคืนกำลังขึ้นอีกครั้ง ท่าทางดีใจอย่างมาก “ข้าจะส่งน้องสามออกเดินทาง ขอให้เขาเดินทางราบรื่น ฮ่าๆๆ …”

เขาทำท่าเหมือนรอที่จะทับถมไม่ไหว ช่างทำให้คนรังเกียจเหลือเกิน

ใจแคบเกินไป!

คนตระกูลเซียวล้วนมีโรคนี้

เพียงแต่ เซียวเฉิงเย่แสดงออกได้อย่างชัดเจน

ลับหลัง หลี่ปิ้งถิงเตือนเขา “พระองค์ทรงระวังไว้เมื่ออยู่ด้านนอก อย่าให้คนจับผิดได้”

เซียวเฉิงเย่รำคาญเล็กน้อย “เรื่องของบุรุษ สตรีอย่างเจ้าอย่าได้ยุ่งเกี่ยว อบรมสั่งสอนลูกให้ดี หากลูกประสบความสำเร็จ เจ้าย่อมเป็นผู้มีความดีความชอบที่สุด”

หลี่ปิ้งถิงมองเขา “พระองค์ก็ทรงหาเวลาว่างอยู่กับลูกบ้าง ลูกใกล้จะลืมว่าพระองค์หน้าตาเป็นอย่างไรแล้ว” โนเวล-พีดีเอฟ

เซียวเฉิงเย่ทำหน้าบึ้ง “ระยะนี้ข้ายุ่งจนเท้าไม่ติดพื้น ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ รอระยะนี้ผ่านไป ข้าย่อมหาเวลาว่างไปเยี่ยมลูกทุกวัน”

“อ่อ!”

หลี่ปิ้งถิงทำหน้าเย็นชา

เซียวเฉิงเย่ไม่ชอบท่าทางของนาง “เจ้าเป็นอันใด เหตุใดจึงทำหน้าบึ้ง”

หลี่ปิ้งถิงวางงานปักเย็บในมือลง พลันพูด “ข้ากำลังครุ่นคิด พรุ่งนี้ลูกของน้องสะใภ้สามเข้าพิธีสรงสาม[1]จะมอบของขวัญอันใดดี อีกไม่กี่วัน น้องสะใภ้สองก็ใกล้คลอด เมื่อถึงเวลาต้องส่งของขวัญอีกชิ้น นอกจากนี้ มหาราชจารย์ใกล้วันเกิด ควรให้คนส่งของขวัญไปด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีวันคล้ายวันประสูติของฝ่าบาท ของขวัญย่อมไม่อาจชะล่าใจได้…”

นางพูดรายชื่อที่ต้องส่งของขวัญออกมาเป็นจำนวนมาก

เซียวเฉิงเย่ปวดหัวในทันที เขาพูดกับนาง “เรื่องเหล่านี้เจ้าตัดสินใจ หลังจากร่างรายการของขวัญแล้วนำมาให้ข้าดู พรุ่งนี้จวนเจ้าสามมีพิธีสรงสาม ข้าจะเดินทางไป”

หลี่ปิ้งถิงตากระตุก “พระองค์อย่าทรงดื่มสุรามาก หากเมาขึ้นมา พูดเรื่องที่ไม่ควรพูด…”

“อย่าได้พูดมาก! ข้ารู้ตัวดี”

หลายปีก่อน หลังจากเซียวเฉิงเย่อภิเษกกับหลี่ปิ้งถิงแล้ว เขาก็หดหู่อย่างมาก ดังนั้นจึงดื่มสุราบรรเทาความกลัดกลุ้มอยู่ทุกวัน

ดังนั้นเขาจึงมีนิสัยที่ไม่ดีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่างก็คือเมื่อดื่มสุรามากแล้วชอบพูดจาเหลวไหล

เนื่องจากเรื่องนี้ เซียวเฉิงเย่จึงก่อความอับอายไว้ไม่น้อย

หลี่ปิ้งถิงรู้ว่าเขาภาวนาให้องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้โชคร้าย

ดังนั้นจึงกังวลว่าเขาจะดื่มมากในงานเลี้ยงพรุ่งนี้ พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ทำให้ผู้อื่นขุ่นเคือง

แต่เห็นได้ชัดว่า เซียวเฉิงเย่ไม่ได้ใส่ใจคำเตือนของนาง

ดื่มสุรา เขาเคยชิน

เขาสามารควบคุมตนเองได้อย่างแน่นอน

วันพิธีสรงสาม จวนองค์ชายสามคึกคักอย่างมาก

แขกเหรื่อมากมาย

บรรดาแขกสตรีรวมตัวกันเดินทางไปยังเรือนหลังเพื่อเยี่ยมเยือนเด็กและจ้งซูอวิ้น

แขกสตรีที่มาล้วนเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว

เมื่อสนทนาจึงไร้ความกังวลมากมาย

เมื่อพูดถึงบุตร พวกนางก็สามารถคุยกันได้ทั้งวันทั้งคืน

บางหัวข้อสนทนาช่างใจกล้า จนทำให้เยียนอวิ๋นเฟยตกตะลึง

ผู้ใดบอกว่าสตรีในเมืองหลวงสงวนตัว

ฟังจากเนื้อหาที่พวกนางสนทนากัน ไม่มีผู้ใดเปิดเผยยิ่งกว่าพวกนางแล้ว

จ้งซูอวิ้นที่เพิ่งคลอดบุตรยิ่งหน้าแดงก่ำ นางแทบอยากจะปิดหูเอาไว้

โอย เหตุใดจึงพูดออกมาทุกเรื่อง

คิดว่าไม่มีหญิงสาว ล้วนแล้วแต่เป็นสตรีจึงไม่พิถีพิถันจริงหรือ

เด็กแข็งแรงมาก ทุกคนต่างยินดีกับจ้งซูอวิ้นที่ได้บุตรชาย ตำแหน่งมั่นคง

จ้งซูอวิ้นยิ้มรับด้วยความยินดี อารมณ์ของนางรื่นรมย์อย่างมาก

เมื่อคลอดบุตร อารมณ์ที่ไม่เสถียรก็สงบลงในที่สุด

คนอื่นตอนตั้งครรภ์ล้วนอารมณ์มั่นคง หลังจากคลอดบุตรอารมณ์แปรปรวน

แต่นางกลับกัน

ตอนตั้งครรภ์อารมณ์แปรปรวนจนแทบพังจวนองค์ชาย

หลังจากคลอดบุตร มองสิ่งใดล้วนระรื่น

มีคนหยอกล้อ “เมื่อใดจะมีน้องชายหรือน้องสาวอีก”

“ระยะนี้คงไม่ได้ องค์ชายสามจะออกจากเมืองหลวงไปช่วยเหลือภัยพิบัติ คงจะกลับมาได้ตอนสิ้นปี”

เมื่อจ้งซูอวิ้นได้ยินก็ทำหน้าฉงน

สามีของตนเองจะออกจากเมืองหลวงไปช่วยเหลือภัยพิบัติ เหตุใดนางจึงไม่รู้เรื่องนี้

เมื่อเห็นท่าทางของนาง บรรดาสตรีต่างกระจ่างทันทีว่านางไม่รู้เรี่อง

สตรีที่บอกว่าองค์ชายสามจะออกจากเมืองหลวงไปช่วยเหลือภัยพิบัติตบปากของตนเองเบาๆ “ดูปากของข้า พูดทุกเรื่องออกไปจนหมด ขออภัย ขออภัยจริงๆ !”

จ้งซูอวิ้นไม่มีปฏิกิริยา

สตรีผู้นั้นก็ยิ้มเก้อ ออกจากห้องนอนไปอย่างเงียบๆ

อารมณ์ดีของจ้งซูอวิ้นถูกพังทลายจนหมดสิ้น

ตอนที่เริ่มพิธีสรงสามให้เด็ก นางไม่เผยยิ้มแม้แต่น้อย

บรรดาแขกเหรื่อต่างมองหน้ากัน

นี่ไม่ใช่หนทางแห่งการรับรองแขก

องค์หญิงเฉิงหยางถอนหายใจ ออกหน้ารับสถานการณ์เอาไว้

หลังจากปลอบประโลมบรรดาแขกเหรื่อแล้ว นางจับมือของจ้งซูอวิ้น พลันพูด “อย่าโทษองค์ชายสามไม่ได้บอกเจ้าก่อน เขาก็เป็นห่วงเจ้า เจ้าเพิ่งคลอดบุตร เสียเลือดไปจำนวนมาก ต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่ง”

จ้งซูอวิ้นพูดอย่างสงบ “เขาไม่ควรปิดบังข้า เขาอยากออกจากเมืองหลวงไปช่วยเหลือภัยพิบัติย่อมไม่ใช่ความคิดวู่วาม หากแต่ไตร่ตรองมาแล้ว ระยะเวลานานเพียงนี้ ข้าพบหน้าเขาทุกวัน แต่เขาไม่พูดแม้แต่คำเดียว ข้าไม่น่าเชื่อถือเพียงนี้เชียวหรือ หรือข้าอ่อนแอจนแม้แต่ข่าวเดียวก็รับไม่ได้หรือ”

“เจ้าบอกว่าเจ้ารับได้ แล้วเวลานี้เจ้าบ่นเรื่องใด” องค์หญิงเฉิงหยางไม่เกรงใจแม้แต่น้อย นางโจมตีบุตรสาวต่างๆ นานา

จ้งซูอวิ้นอ้ำอึ้ง รู้สึกเสียใจอย่างมาก

ความยินดีที่ได้บุตรชายถูกเจือจางไป

นางสูดลมหายใจเข้าข่มความหงุดหงิดภายในใจ พยายามพูดอย่างใจเย็น “ข้าต้องพูดคุยกับเขา เขาจะออกจากเมืองหลวงไปช่วยเหลือภัยพิบัติ ข้าไม่คัดค้าน ข้าจะไม่ถ่วงเขา แต่ข้าต้องการท่าทีของเขา หากคราวหน้ามีเรื่อง เขาไม่อาจปิดบังข้า”

“ได้! เจ้าสมควรคุยกับเขา แต่ข้าจะเตือนเจ้า องค์ชายสามออกจากเมืองหลวงไปช่วยเหลือภัยพิบัติก็เพื่ออนาคต เจ้ารู้หรือไม่ว่าฝ่าบาทตรัสว่าเขาเป็นม้าพันลี้ต่อหน้าขุนนางราชสำนัก”

“ฮะ?” จ้งซูอวิ้นทำหน้าตกตะลึง “หากเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาททรงพึงพอพระทัยเขาอย่างมากแล้ว…”

“เวลานี้ยังเร็วไปหากจะพูดเรื่องนี้ เพียงแค่องค์ชายสามตั้งใจช่วยเหลือภัยพิบัติ ทำภารกิจสำเร็จ รอเขากลับมาถึงเมืองหลวงย่อมต้องแตกต่างจากเวลานี้ เมื่อถึงเวลาฝ่าบาทอาจทรงออกพระราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาท”

จ้งซูอวิ้นกุมหน้าอกเอาไว้ นางตื่นเต้นยากเกินจะสงบลง

นางไม่วางใจเล็กน้อย “จะราบรื่นจริงหรือ”

องค์หญิงเฉิงหยางพยักหน้า “เจ้าวางใจ ข้ากับเถาฮองเฮา และตระกูลเถาจะช่วยเหลือเขา เพียงแค่เสบียง ข้ามีจำนวนมาก ให้เสบียงเขาหมื่นหาบก็เพียงพอต่อการช่วยเหลือภัยพิบัติแล้ว”

องค์หญิงเฉิงหยางไม่ขาดแคลนเงิน

ในฐานะเศรษฐีนี นางย่อมต้องแสดงท่าทีของเศรษฐีนี

เพื่อบุตรสาว เพื่อบุตรเขย นางเตรียมที่จะใช้กำลังทรัพย์ของตนเอง

นี่คือพลังของตระกูลภรรยา พลังที่แข็งแกร่งสามารถนำมาซึ่งการสนับสนุนที่มีกำลัง

ตระกูลเถาในฐานะตระกูลมารดาขององค์ชายสามย่อมให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งกับเขา

นี่เป็นสาเหตุที่ต้องปรองดองกับตระกูลที่มีฐานะเหมาะสม

เครือญาติที่มีความสามารถ สามารถเป็นประโยชน์ได้ในเวลาสำคัญ

หากอาศัยกำลังขององค์ชายสามเซียวเฉิงอี้เพียงคนเดียวไปช่วยเหลือภัยพิบัติ คงจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ที่ปรึกษาขององค์ชายใหญ่กล่าวไว้ พังทลายไม่เป็นท่า สุดท้ายทำได้เพียงหนีกลับเมืองหลวง

เซียวเฉิงเย่ลืมไปแล้วว่า องค์ชายสามนอกจากตนเองแล้ว ยังมีแม่ยายและท่านลุงที่มีเงิน รวมไปถึงเถาฮองเฮาที่มีกลอุบายแข็งแกร่ง

สมองของเขาไม่ทันคิดเพียงชั่วขณะ ถึงได้ถูกที่ปรึกษาหลอกจนคิดว่าการช่วยเหลือภัยพิบัติขององค์ชายสามเป็นเพียงเรื่องน่าขัน

เห็นได้ชัดว่าคนที่น่าขบขันในท้ายสุดจะเป็นตัวเขาเอง

เขาก็น่าสงสาร

ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลมารดานับแต่ยังเด็ก ได้รับแต่ความเดือดร้อน

ตระกูลภรรยาและตระกูลมารดาเป็นตระกูลเดียวกัน ช่างเป็นโศกนาฏกรรม

ทำให้เขาไม่ทันได้ไตร่ตรอง คิดว่าองค์ชายสามจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลภรรยาและตระกูลมารดาเหมือนกับเขา

เมื่อเขาดื่มสุรา ตั้งสติได้ เขาก็รับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างตนเองกับองค์ชายสาม

เมื่อถึงเวลานั้น เขาอาจอยากร้องไห้

หลังจากฟังคำปลอบใจขององค์หญิงเฉิงหยาง จ้งซูอวิ้นสงบลงอย่างมาก

ตกดึก นางพูดคุยกับองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ด้วยความใจเย็น

เมื่อมีบุตรชาย นางก็ไม่สนใจว่าเซียวเฉิงอี้จะนอนกับสตรีในเรือนหลังหรือไม่

นางมีเพียงเงื่อนไขเดียว “มีเรื่องใดอย่าปิดบังข้า ข้าไม่ชอบการปิดบัง ยิ่งไม่ชอบได้ยินข่าวของท่านจากปากของผู้อื่น”

เซียวเฉิงอี้โล่งใจ เพียงแค่นางไม่อาละวาด ทุกสิ่งล้วนเจรจาได้

เขาให้คำมั่นสัญญา “ข้ารับปากเจ้า!”

[1] พิธีสรงสาม พิธีล้างบาปมลทินและความโชคร้ายทั้งปวงที่ติดตัวมาแต่ชาติก่อน เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันที่สามหลังจากเด็กทารกคลอดออกมา คนในครอบครัวจะต้องอาบน้ำให้เด็ก และเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมพิธี

———————————————-