ตอนที่ 263 แย่งคน (2)
ความไม่พอใจและดูถูกที่แต่เดิมแขวนติดอยู่บนใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโส หายไปทันทีและถูกแทนที่ด้วยความตะลึงพรึงเพริด แม้แต่ผู้อาวุโสที่มีอายุมากที่สุดในบรรดาคนทั้งหมดนั้น ก็ยังถูกคำพูดของเด็กหนุ่มในวัยสิบกว่าปีนี้ทำให้ต้องเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
ศาสตร์แห่งการพัฒนาและเสริมสร้างบำรุงความแข็งแกร่งให้กับเส้นลมปราณ เป็นวิชาที่ซับซ้อนมากที่สุดในบรรดาวิชาการแพทย์ทั้งหมด เพราะนอกจากจะต้องจดจำเส้นลมปราณน้อยใหญ่ทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกายแล้ว ยังต้องมีความรู้เกี่ยวกับการไหลเวียนของพลังลมปราณ และต้องเชี่ยวชาญด้านการใช้ยาและสมุนไพรอีกด้วย นี่ยังไม่รวมไปถึงการตระหนักรู้ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของเส้นลมปราณ และการรักษาแก้ไขปัญหานั้นให้ถูกจุดมีประสิทธิภาพ
เพียงแค่เส้นลมปราณที่มีอยู่ในร่างกายอย่างเดียวก็มีนับหลายร้อยเส้นแล้ว แถมแต่ละเส้นก็ยังเชื่อมโยงส่งผลน้อยใหญ่ต่อกัน หากว่ามีเส้นลมปราณจุดหนึ่งเกิดปัญหาขึ้น นั่นก็เท่ากับว่ามันจะส่งผลกระทบไปทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งการจะแก้ไขมันให้กลับมาเป็นปกตินั้นก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว! แม้ว่าเจ้าจะค้นพบวิธีการรักษาที่ถูกต้อง แต่เจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าวิธีการรักษานั้นมันจะไม่ส่งผลร้ายใดๆ ต่อเส้นลมปราณทำให้มันบาดเจ็บหรือเสียหายมากไปกว่านี้อีก ดังนั้นปัญหาเรื่องเส้นลมปราณจึงแก้ไขได้ยากที่สุด เพราะมันไม่ใช่แค่การแก้ไขที่จุดเดียว แต่มันต้องแก้ไขจัดการให้ครอบคลุมทั้งหมด!
เด็กหนุ่มคนนั้น ไม่เพียงแต่จะวินิจฉัยอาการของลูกศิษย์คนนั้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่เขายังกล้าที่จะบอกวิธีการรักษาออกไปให้กับศิษย์คนนั้นฟังด้วย หากว่าศิษย์คนนั้นบ้าจี้แล้วทำตามนางแล้วดันเกิดตายขึ้นมา จะทำอย่างไร
อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาที่นางพูด แม้ภายนอกจะดูเหมือนง่าย แต่ละส่วนล้วนเป็นอิสระต่อกัน ทว่าเมื่อนำมารวมกันแล้วกลับให้ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง! ในขณะที่สามารถแก้ไขปัญหาเส้นลมปราณส่วนบน เส้นลมปราณส่วนล่างที่อ่อนแรงก็จะได้รับการฟื้นฟูทำให้มีพละกำลังขึ้นมา ในทางเดียวกัน ยามที่เจ้าบำรุงเส้นลมปราณส่วนล่าง เส้นลมปราณส่วนบนที่อุดตันก็จะถูกทะลวงไปด้วย…
ช่างเป็นวิธีการที่กระชับและไร้ที่ติยิ่ง หากมองแยกกันอาจจะมองไม่เห็นถึงความพิเศษอะไร แต่เมื่อนำมารวมกันแล้วจะพบว่าวิธีการรักษาชุดนี้มันน่าอัศจรรย์ใจมากจริงๆ มันเป็นวิธีการรักษาที่สมบูรณ์แบบ และจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังหาผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษาชุดนี้ไม่พบเลย!
เด็กคนนี้เพิ่งมีอายุเท่าไหร่กันเชียว ก็เข้าใจและแตกฉานเรื่องเส้นลมปราณในร่างกาย ตลอดจนการใช้สมุนไพรและวิธีการรักษามาจนถึงขอบเขตนี้แล้ว!
“ผู้อาวุโสมู่ ที่เจ้าเด็กน้อยคนนี้พูดมาเป็นความจริงหรือ” ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ที่เข้าใจเรื่องเส้นลมปราณและเส้นเลือดน้อยกว่าผู้อาวุโสมู่ หันไปถามมู่เฉินเพื่อรับการยืนยัน
ในตอนนี้ มู่เฉินไม่มีแม้แต่อารมณ์จะไปสนใจฟังคำถามเหล่านั้น เมื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าเริ่มบรรยายอาการและวิธีการรักษาออกมา สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ร่างของจวินอู๋เสียไม่วางตา
เขาศึกษาเรื่องการพัฒนาและการเสริมสร้างบำรุงเส้นลมปราณมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว ตั้งแต่เด็กเนื่องจากเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ระดับความก้าวหน้าในการศึกษาวิจัยจึงยิ่งลึกล้ำและก้าวหน้ายิ่งกว่าคนในรุ่นเดียวกันหรือแม้กระทั่งคนในสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าวิธีการรักษาที่จวินอู๋เสียพูดออกมานั้น มันสมบูรณ์แบบ!
แม้แต่เขา…จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ถึงและไม่แน่ว่าจะคิดได้ด้วย!
“เด็กคนนี้ ข้าต้องการเขา!” มู่เฉินที่สงบนิ่งมาโดยตลอด ไม่แม้แต่จะสนใจตอบคำถามของเหล่าผู้อาวุโสพูดขึ้น ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องได้เด็กคนนี้ไปร่วมยอดเขาเทียมเมฆาของเขาให้ได้!
ทันทีที่มู่เฉินพูดคำเหล่านี้ออกไป ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ยังจะไม่เข้าใจอีกหรือ
แสดงว่าที่เจ้าเด็กคนนี้พูดมาเป็นเรื่องจริง! ไม่อย่างนั้นมู่เฉินจะกระตือรือร้นรีบแย่งคนขนาดนี้ได้อย่างไร
ต้องรู้ไว้ก่อนว่า มู่เฉินแม้จะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ทุกๆ วันที่สิบห้าของเดือน แต่เขากลับรับศิษย์เข้าไปร่วมกับยอดเขาเทียมเมฆาของเขาน้อยมาก แทบจะนับด้วยนิ้วมือข้างหนึ่งได้เลยทีเดียว
เห็นว่ามู่เฉินแสดงสีหน้าตื่นเต้นอย่างมากราวกับได้พบสมบัติล้ำค่า สีหน้าของผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย เมื่อเทียบกับกลุ่มลูกเจี๊ยบไร้เดียงสาที่ดูน่าหัวร่อนั่น ความสงบและความสามารถทางการแพทย์ของจวินอู๋เสียก็ชวนให้ผู้คนอยากได้จนตาแดงก่ำ แทบจะกระโจนออกไปแย่งคนกับมู่เฉินด้วย!
แต่ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะมีเมล็ดพันธุ์ชั้นดีปรากฏตัวออกมาสักครั้ง มู่เฉินดันทำตัวไร้ศีลธรรมเอ่ยปากจับจองไปก่อนเสียได้!
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ได้แต่มองมู่เฉินด้วยสายตาอิจฉา แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากปล้นคน ความถนัดของเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือการบำรุงเสริมสร้างเส้นลมปราณซึ่งอยู่คนละแขนงกับพวกเขา ดังนั้นมู่เฉินจึงได้รับผลประโยชน์นี้ไป ไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจยอมรับไม่ได้
กลุ่มคนหนุ่มสาวที่กำลังรอชมเรื่องสนุกอยู่ ทันใดนั้นเมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสที่มีอายุน้อยที่สุดเดินเข้าไปหาจวินอู๋เสีย ในใจของพวกเขาก็ลอบยินดี กำลังรอชมว่าจวินอู๋เสียจะถูกจับโยนลงไปจากเทือกเขาเมฆาอย่างไร
ตอนที่ 264 แย่งคน (3)
มู่เฉินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย มองดูเด็กหนุ่มร่างเล็กที่เงียบสงบผิดปกติ คิ้วที่ขมวดมุ่นเป็นเวลานานก็คลายออก เผยรอยยิ้มออกมา
“เจ้ามีชื่อว่าอะไร”
“จวินเสีย” จวินอู๋เสียตอบอย่างไม่อ่อนน้อมถ่อมตนหรือว่าก้าวร้าวนัก
กลุ่มเด็กหนุ่มสาวที่กำลังรอชมเรื่องสนุกอยู่ รู้สึกได้ทันทีว่าบรรยากาศแบบนี้มันไม่ค่อยถูกต้องนัก เจ้าเด็กนี่น่าจะต้องถูกท่านผู้อาวุโสจับโยนลงไปจากภูเขาเลยสิ ทำไมท่านผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นถึงได้ยืนคุยกับมันอย่างเป็นกันเองแบบนี้
“เจ้ายินดีจะเข้าร่วมกับยอดเขาเทียมเมฆาของข้าหรือไม่” มู่เฉินถามออกไปด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
หัวใจของจวินอู๋เสียสั่นไหว แต่สีหน้ากลับไม่ได้แสดงอาการผิดปกติออกมา
คำพูดของมู่เฉินทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในตำหนักใหญ่ทันที กลุ่มเด็กหนุ่มสาวที่ต้องการเห็นจวินอู๋เสียถูกโยนลงจากเขา พากันเปลี่ยนสีหน้า ถลึงตาจ้องไปที่จวินอู๋เสียอย่างตะลึงงัน
นี่มันสถานการณ์บ้าอะไรกัน…
ทั้งๆ ที่ไอ้เด็กนี่มันล่วงเกินอำนาจของสำนักชิงอวิ๋น แล้วทำไมสำนักชิงอวิ๋นถึงยังไม่เตะมันลงจากเขาอีก! ในทางกลับกันไอ้หนูนี่กลับดันไปเข้าตาผู้อาวุโสของยอดเขาเทียมเมฆาเสียอย่างนั้น!
ต้องรู้ก่อนว่าการถูกเชิญให้เข้าร่วมกับยอดเขาเทียมเมฆาเลยนั้น นั่นก็เท่ากับว่าเจ้าเด็กคนนี้จะกลายเป็นศิษย์สายในที่แท้จริงของสำนักชิงอวิ๋นทันที!
คงไม่มีใครคาดคิดว่าโชคดีแบบนี้จะตกลงบนหัวของไอ้เด็กหนุ่มที่แทบไม่มีอะไรสะดุดตาเลยคนนี้!
ตราบเท่าที่จวินอู๋เสียพยักหน้าตอบตกลง เขาก็คือลูกศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆา เป็นศิษย์สายในของสำนักชิงอวิ๋นที่ใครๆ ต่างก็ปรารถนาและอยากจะเป็น
มีคนหนุ่มสาวมากน้อยแค่ไหนที่ใฝ่ฝันอยากจะได้โอกาสนี้ กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบจ้องไปทางจวินอู๋เสียทันทีด้วยสายตาริษยาจนแทบอยากจะฆ่าให้ตาย
ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังจะเอ่ยปากตกลง น้ำเสียงหนึ่งที่ไม่รื่นหูก็ดังแทรกเข้ามาเสียก่อน
“ช้าก่อนผู้อาวุโสมู่” เสียงแหลมที่เต็มไปด้วยความมืดมนและชั่วร้ายกระจายไปยังแก้วหูของทุกคน ผู้อาวุโสเคอฉังจวีที่มีบรรยากาศรอบตัวอึมครึมคล้ายกับจะเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งความชั่วร้ายเดินเข้าไปหามู่เฉิน ใบหน้าที่อัปลักษณ์ไม่น่ามองของเขา ดูไม่ออกเลยว่ากำลังแสดงสีหน้าอารมณ์เช่นไรอยู่
มู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อนข้างไม่พอใจเคอฉังจวีมากทีเดียว
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเคอมีธุระอันใดหรือ”
จังหวะที่ก้าวเดินมาอย่างเชื่องช้าของเคอฉังจวีค่อยๆ หยุดลง หลังที่โค้งโก่งของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ใต้ชายเสื้อของเขานั้นจะเห็นกระดิ่งทองแดงเก่าอันหนึ่งในสภาพทรุดโทรม ทุกครั้งที่เคอฉังจวีก้าวเดิน มันก็จะส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งตามมาด้วยทุกครั้งไป
“เจ้าหนูสองคนนี่ ข้าชายชราต้องการพวกมัน” เคอฉังจวียกมือขึ้น นิ้วในสภาพที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกก็ชี้ไปทางจวินอู๋เสียกับเฉียวฉู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน
สีหน้าของมู่เฉินครึ้มลงทันที
“ท่านผู้อาวุโสเคอหมายความว่าอย่างไร! ข้าได้พูดออกไปแล้วว่าข้าต้องการจวินเสียไปเข้าร่วมกับยอดเขาเทียมเมฆาของข้า ผู้อาวุโสเคอหากว่าท่านยังขาดลูกศิษย์ เช่นนั้นก็มองหาคนอื่นเอาสิ!”
เคอฉังจวีแค่นเสียงหึอย่างประหลาด “ผู้อาวุโสมู่นี่คือต้องการทำให้ข้าลำบากใจหรือ เด็กน้อยสองคนนี้อย่างไรวันนี้ข้าก็ต้องได้ ถ้าผู้อาวุโสมู่เจ้ามีความคิดเห็นมากนัก เช่นนั้นก็จงไปพูดกับเจ้าสำนักเอาเอง หากว่าท่านเจ้าสำนักตกลง ข้าค่อยคืนเด็กสองคนนี้ให้กับเจ้า แต่หากไม่ ผู้อาวุโสมู่เจ้าก็อยู่เงียบๆ ไปจะดีกว่า”
มู่เฉินกำหมัดไว้ใต้แขนเสื้อแน่น มองไปที่เคอฉังจวีด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ ยอดเขาเทียมเมฆาของเขาแทบจะไม่ได้รับทรัพยากรใดจากสำนักอยู่แล้ว การสนับสนุนจากสำนักก็น้อยที่สุด กลับเป็นเคอฉังจวีที่อยู่ตรงหน้านี้ที่ได้รับทรัพยากรที่ดีที่สุดไป หากให้เขาไปถามเอาฉินเย่ว์ ก็มีเพียงสามคำเท่านั้นที่จะได้รับกลับมานั่นคือไม่เห็นด้วย!
ไอ้สวะนี่ มันจงใจแย่งคนจากเขาชัดๆ!
ผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นสองคนถกเถียงกันเพื่อแย่งตัวศิษย์ใหม่คนหนึ่ง นี่ทำให้บรรดากลุ่มเด็กหนุ่มสาวที่ยืนดูสถานการณ์อยู่เกลียดจวินอู๋เสียจนเข้ากระดูกดำ
ผู้อาวุโสเพียงคนเดียวไม่พอ! ยังจะมีผู้อาวุโสอีกท่านกระโดดเข้ามาร่วมแย่งคนด้วย!
ไอ้เด็กนี่มันมีความสามารถมากถึงขนาดไหนกันแน่ ถึงได้ไปเตะตาผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นพร้อมๆ กันถึงสองท่านแบบนี้!
โดยที่ทุกคนไม่ได้รับรู้เลยว่า จวินอู๋เสียผู้ซึ่งกำลังถูกอิจฉาริษยาในความโชคดี ไม่ได้อยากจะไปกับเคอฉังจวีเลยแม้แต่น้อย นางไม่ได้ยินดีสักนิดที่ถูกแย่ง ดวงตางามจึงหรี่ลงมองไปทางเคอฉังจวีด้วยเจตนาฆ่า นางไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเคอฉังจวีจะกระโดดออกมาปล้นคนจากมู่เฉินซึ่งๆ หน้าแบบนี้