ตอนที่ 265 ยอดเขาเร้นเมฆา (1)
เคอฉังจวีมองไปที่มู่เฉินด้วยสีหน้าได้ใจ จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปทางจวินอู๋เสียอย่างไม่สนใจนัก เมื่อเห็นว่าบนไปหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีร่องรอยของความยินดีอยู่สักนิด เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่พอใจกับกิริยาที่ไม่เห็นด้วยนี้ของจวินอู๋เสีย
“ไอ้หนู นับเป็นเกียรติของเจ้าแล้วที่ได้เข้าร่วมกับยอดเขาเร้นเมฆาของข้า หากว่าเจ้าปฏิเสธ เช่นนั้นก็จงไสหัวลงไปจากเทือกเขาเมฆาตอนนี้เสีย”
ตั้งแต่แย่งคนจนกระทั่งถึงการข่มขู่ วิธีการของเคอฉังจวีนั้นเรียกได้ว่ายโสโอหังอย่างถึงที่สุด สีหน้าของมู่เฉินแทบจะบิดเบี้ยวไปจนหมดแล้วในเวลานี้ ผู้อาวุโสท่านอื่นๆ เอง แม้ว่าจะไม่พอใจและมองกิริยาของเคอฉังจวีไม่รื่นตานัก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเนื่องจากฉินเย่ว์ให้ท้ายเคอฉังจวีเหลือเกิน อย่ามองว่าภายนอกฉินเย่ว์จะพยายามแสดงตัวว่าเขาปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ทว่าในใจของทุกคนรู้ดีว่าความลำเอียงของเขาที่มีต่อเคอฉังจวีนั้นมันทะลุปล้องเกินขอบเขตไปไกลมากแล้ว
อย่าว่าแต่เคอฉังจวีแย่งลูกศิษย์ที่มู่เฉินสนใจเลย ต่อให้เคอฉังจวีฆ่าเด็กหนุ่มที่ชื่อจวินเสียคนนี้ทิ้งต่อหน้าต่อตาของทุกคน ท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋นก็ไม่คิดจะทำอะไรเขาทั้งนั้น!
จวินอู๋เสียหรี่ตาลง มองไปที่ใบหน้าอัปลักษณ์ชวนคลื่นไส้ของเคอฉังจวี นัยน์ตางามก็เผยประกายเย็นเฉียบ เฉียวฉู่รีบเข้ามาดึงแขนของจวินอู๋เสียไว้ ก้มกระซิบที่ข้างหูนางเสียงเบาว่า “จวินเสีย เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเลยนะ จะไปอยู่ยอดเขาเทียมเมฆาหรือว่ายอดเขาเร้นเมฆามันก็คืออยู่ในสำนักชิงอวิ๋นเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
เฉียวฉู่เผยร่องรอยของความวิตกกังวลในน้ำเสียงของเขา เขารู้ดีว่าด้วยทักษะทางการแพทย์ที่ไร้ที่ติของจวินอู๋เสียนั้นไม่จำเป็นต้องถ่อมาถึงสำนักชิงอวิ๋นเพื่อเข้าเรียนสักนิด นางจะต้องมีเป้าหมายอื่นอย่างแน่นอน ดังนั้นแทนที่จะปฏิเสธคำเชิญของเคอฉังจวีแล้วถูกจับโยนออกไป ไม่สู้ตอบรับคำเชิญของเขาก่อน ส่วนเรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”
จวินอู๋เสียหลุบตาลง ซ่อนเจตนาฆ่าในดวงตานั้นไว้
“ข้ายินดี” นางคายสามคำนี้ออกมาอย่างเย็นชา
รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเคอฉังจวีทันที
“ไอ้หนู แล้วเจ้าจะรู้ว่าการตัดสินใจในวันนี้ของเจ้านั้นมันถูกต้องมากแค่ไหน” กล่าวจบ เคอฉังจวีหัวเราะออกมาอย่างน่าขนลุก เขาจากไปอย่างมีความสุขโดยเมินเฉยต่อสายตาที่โกรธแค้นของมู่เฉินโดยสิ้นเชิง
จวินอู๋เสียมองตามแผ่นหลังของเคอฉังจวีที่ไกลออกไป ประกายแสงเย็นเยียบในดวงตานางก็กะพริบผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้า…เจ้าก็จะได้รู้เช่นกันว่าเจ้าทำผิดมหันต์แล้ว
มู่เฉินสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามระงับเปลวไฟที่ลุกโชนในหัวใจของเขานั้นลงไป เขากลับมาปั้นหน้านิ่งสงบตามเดิม แต่กระนั้นก็ยังมองออกว่าเขาโกรธแค่ไหน
“ในภายภาคหน้าหากเจ้าต้องการความช่วยเหลือใด สามารถมาหาข้าได้ที่ยอดเขาเทียมเมฆาตลอดเวลา คำเชิญของข้าในวันนี้…จะมีผลอยู่เสมอ” มู่เฉินกระซิบบอกจวินอู๋เสียด้วยเสียงต่ำ
เขาไม่สนใจหรอกว่าเคอฉังจวีจะทำเรื่องชั่วช้ามากขนาดไหน แต่เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ เขารู้สึกชื่นชอบในพรสวรรค์ของอีกฝ่ายมากจริงๆ ถ้าหากว่าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากจะยกเด็กคนนี้ให้กับเคอฉังจวีเลย อย่างน้อยที่สุดเขาก็หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ตกตายไปในเงื้อมมือของเคอฉังจวีก่อน เขาหวังจริงๆ ว่าเด็กที่มีพรสวรรค์เช่นนี้จะมีชีวิตรอดต่อไป
“ขอบคุณท่านมาก” จวินอู๋เสียมองไปที่มู่เฉินและขอบคุณเขาอย่างจริงใจ นางสัมผัสถึงความจริงใจของมู่เฉินที่มีต่อนางได้
มู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยอย่างจนใจ ถูกเคอฉังจวีก่อเรื่องเช่นนี้ งานรับศิษย์ใหม่ในครั้งนี้จึงกร่อยไปมากโข หลังจากที่เหล่าผู้อาวุโสจากยอดเขาอื่นๆ คัดเลือกศิษย์ที่พอจะมีพรสวรรค์สักหลายคน ขยะคนอื่นๆ ก็ไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาอีก
มู่เฉินไม่ได้รู้ตัวเลยว่าน้ำใจของเขาในครั้งนี้ จะกลายเป็นโอกาสที่จะช่วยพลิกผันทั้งชีวิตของเขา!
ผู้อาวุโสสองสามท่านเริ่มทยอยจากไป เหล่าคนหนุ่มสาวคนอื่นๆ ที่ถูกทิ้งให้อยู่กลางตำหนักก็หดหู่ใจน้อยใจจนแทบอยากจะร้องไห้ แต่เพื่อแข่งขันให้ได้มาซึ่งโอกาสสุดท้าย พวกเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงทักษะความสามารถของพวกเขาออกมา
ส่วนจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ที่ถูกคัดเลือกให้เข้าไปที่ยอดเขาเร้นเมฆาแต่แรก แยกออกมายืนอีกฝั่งหนึ่งยืนชมกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เหลือประชันความสามารถกัน
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะไปที่ยอดเขาเทียมเมฆา แต่เราไม่มีทางเลือก แต่เจ้ามั่นใจเถอะว่าข้าจะปกป้องเจ้าเอง จะไม่ยอมให้ไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดในยอดเขาเร้นเมฆานั่นแตะต้องเจ้าเป็นอันขาด” เฉียวฉู่ทุบอกแล้วให้คำมั่นสัญญากับจวินอู๋เสีย
ตอนที่ 266 ยอดเขาเร้นเมฆา (2)
จวินอู๋เสียไม่ตอบกลับแปลว่ายอมรับ
จวินอู๋เสียไม่ได้พูดอะไร เรื่องนี้จบลงไปแล้วและนางก็ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องนี้อีก
เคอฉังจวีสินะ
แล้วนางจะคอยดูว่าเป็นเขาที่ธรรมะสูงหนึ่งคืบ หรือว่าเป็นนางที่มารร้ายสูงกว่าหนึ่งศอก!
เกมสนุกๆ มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือที่จะค่อยๆ เล่นกับเขา
และก็ไม่ต่างไปจากที่คิดไว้ ในบรรดากลุ่มคนหนุ่มสาวที่เหลือนับหลายร้อยคน มีเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้นที่ถูกผู้อาวุโสยอดจากยอดเขาต่างๆ เลือกไป ยังมีอีกประมาณหนึ่งร้อยคนถูกเลือกให้เป็นศิษย์สายนอก ส่วนที่เหลือล้วนถูกขับให้ลงจากภูเขาไปทั้งสิ้น
วันทดสอบคัดเลือกศิษย์สิ้นสุดลงทั้งเช่นนี้ คนหนุ่มสาวจำนวนนับไม่ถ้วนเดินร้องไห้ลงจากภูเขา ในขณะที่เหล่าศิษย์ใหม่จะถูกลูกศิษย์ของศิษย์สำนักชิงอวิ๋นนำตัวไปยังยอดเขาต่างๆ ที่พวกเขาได้เลือกไว้
จวินอู๋เสียร่วมเดินทางไปพร้อมกับเฉียวฉู่ ศิษย์ที่นำทางพวกเขาไปยังยอดเขาเร้นเมฆา ช่างน่าบังเอิญที่ดันเป็นคนเดียวกันกับลูกศิษย์คนนั้นที่เกือบจะต่อสู้กับจวินอู๋เสียในตำหนักเมื่อสักครู่นี้ คนผู้นั้น เวลานี้ไม่ได้ทำตัวโอหังต่อหน้าจวินอู๋เสียอีกต่อไปแล้ว อาจเป็นเพราะจวินอู๋เสียสามารถวินิจฉัยอาการของเขาได้อย่างแม่นยำ แถมยังแนะนำวิธีการรักษาอันสมบูรณ์แบบให้กับเขาอีก เขาจึงรู้สึกเป็นมิตร สุภาพกับพวกเขาทั้งสองคนเป็นอย่างมาก
“ยอดเขาเร้นเมฆาเป็นสถานที่ที่ไม่เลว ที่นั่นมีงานให้ทำไม่เยอะ พวกเจ้าไปอยู่ที่นั่นอย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเหนื่อยตาย” ศิษย์คนนั้นมองไปรอบๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนที่สี่อยู่แถวนั้น จึงลดเสียงให้เบาลงแล้วพูดกับคนทั้งคู่ไปว่า “จำไว้ให้ดี หลังจากไปถึงยอดเขาเร้นเมฆาแล้ว อย่าได้ต่อต้านผู้อาวุโสเคอเป็นอันขาด”
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น มองไปทางศิษย์คนนั้นด้วยสายตาเกินความคาดหมายเล็กน้อย เรื่องเกี่ยวกับยอดเขาเร้นเมฆา นางก็พอรู้จากปากของไป๋อวิ๋นเซียนมาบ้างแล้วว่ามันไม่ใช่สถานที่ดีอันใด แต่คิดไม่ถึงว่าลูกศิษย์ที่เกือบจะต่อยตีกับตัวเองเมื่อสักครู่นี้จะมีน้ำใจเอ่ยเตือนนาง
จู่ๆ ก็ถูกจวินอู๋เสียมองมาด้วยสายตาเช่นนี้ ศิษย์คนนั้นก็ให้กระอักกระอ่วน รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
“อย่างพวกเราเรียกว่าไม่ทะเลาะไม่รู้จักกัน วันข้างหน้าพวกเราก็คือศิษย์พี่ศิษย์น้องกันแล้ว ก่อนหน้านี้หากว่าล่วงเกินเจ้าไป ขอศิษย์น้องอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย” เขากล่าวด้วยใบหน้าร้อนผ่าว
“ศิษย์พี่ ท่านเป็นคนของยอดเขาไหนหรือ” จวินอู๋เสียถามขึ้นทันใด
“ข้าหรือ ข้าเป็นคนของยอดเขาเทียมเมฆา แต่ข้าไม่ใช่ลูกศิษย์ของท่านผู้อาวุโสมู่หรอกนะ แค่ได้รับมอบหมายให้ทำงานจิปาถะเล็กน้อยในยอดเขาแค่นั้น ข้าชื่อหรงเหิง” หรงเหิงหัวเราะเสียงดังอย่างเปิดเผย เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “เรื่องก่อนหน้านี้ขอบคุณเจ้ามาก ที่เจ้าพูดมาทั้งหมดข้าจดเอาไว้ทุกคำพูดแล้ว แต่สมุนไพรเหล่านั้นลำพังตัวข้าเองคงจะหามาไม่ได้ อาจต้องไปขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ ให้ท่านอาจารย์ช่วยหาให้ข้าสักหน่อย”
การที่จู่ๆ หรงเหิงก็ดีกับจวินอู๋เสียขนาดนี้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล คำพูดของจวินอู๋เสียเหล่านั้น สามารถช่วยให้เขาแก้ไขปัญหาเรื่องเส้นลมปราณที่รบกวนจิตใจของเขามานานปี ทำให้เขาสามารถทะลวงระดับการบ่มเพาะได้อย่างแท้จริง ซึ่งนี่มันเท่ากับการเปลี่ยนแปลงอนาคตของเขาทั้งชีวิต เขาย่อมรู้สึกขอบคุณจวินอู๋เสียจากใจจริง
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ศิษย์พี่หากวันข้างหน้ามีเวลาว่าง ยามอู่ท่านมาหาข้าที่หน้าประตูทางเข้ายอดเขาเร้นเมฆาแล้วรอสักชั่วยาม ข้ามีของบางอย่างจะให้ท่าน”
จวินอู๋เสียไม่ได้รู้สึกว่าหรงเหิงติดหนี้อะไรตัวเอง ก่อนหน้านี้ที่นางแสดงฝีมือออกไป ล้วนเพื่อต้องการดึงดูดความสนใจของมู่เฉินทั้งสิ้น ดังนั้นการที่หรงเหิงตอบแทนนางแบบนี้ นางก็ไม่มีเหตุผลที่จะรับน้ำใจของเขามาอย่างเปล่าๆ ปลี้ๆ คำเตือนของหรงเหิงที่มอบให้นางอย่างจริงใจ นั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนี้
จวินอู๋เสียเป็นคนประเภทดีมาดีกลับร้ายมาร้ายตอบ ในเมื่อผู้อื่นหยิบยื่นน้ำใจไมตรี ทำดีกับนางก่อน นางก็จะตอบแทนคนผู้นั้นกลับไปมากขึ้นเป็นสิบเท่า
หรงเหิงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าโชคใหญ่กำลังหล่นทับศีรษะของตัวเองแล้ว เขาไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียจะให้อะไรกับเขา แต่ก็ยอมพยักหน้าตกลง ก่อนจะนำทางทั้งเฉียวฉู่และจวินอู๋เสียมุ่งหน้าไปต่อ
มาถึงที่หน้าประตูทางเข้ายอดเขาเร้นเมฆา พวกเขาก็ได้พบคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มารออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว
ในบรรดากลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านี้ แท้จริงแล้วล้วนเป็นเด็กที่ถูกส่งออกไปจากเทือกเขาเมฆาทั้งนั้น ทว่าจู่ๆ ก็มีลูกศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆาคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขาแล้วบอกว่าจะพาไปยังยอดเขาเร้นเมฆา กลุ่มคนกว่ายี่สิบสามสิบคนจึงตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก ยามที่ได้เห็นจวินอู๋เสียเดินมากับศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นคนอื่น พวกเขาจึงมองไปที่นางด้วยความได้ใจและเยาะเย้ย
“โอ้ นี่ไม่ใช่ศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเราในอนาคตหรอกหรือ ช่างทำให้ผู้อื่นต้องรอนานเสียจริง เดินช้าถึงเพียงนี้” เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืดอกแล้วมองไปทางจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ด้วยเจตนาร้าย