ตอนที่ 160 ฝีมือการประพันธ์เพลงของเซวียเหลียง

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 160 ฝีมือการประพันธ์เพลงของเซวียเหลียง

หลินเยวียนรู้สึกเสียดายจับใจ

เขานึกไม่ถึงว่าการรับลูกศิษย์จะมีข้อดีแบบนี้ด้วย

ถ้ารู้แต่แรกละก็ เขาน่าจะรับลูกศิษย์มากกว่านี้สักหน่อย ให้ลูกศิษย์ช่วยตนเพิ่มค่าความโด่งดัง

แบบนี้ต้องง่ายกว่าให้ตนลำบากตรากตรำหาค่าความโด่งดังคนเดียวแน่!

โชคดีที่ยังมีเซวียเหลียง

ถ้าหากก่อนหน้านี้หลินเยวียนสอนเซวียเหลียงเพียงเพื่อทำภารกิจของระบบให้สำเร็จ จากนั้นก็ได้รับการ์ดตัวละครหยางจงหมิงตลอดชีพละก็ เขาในตอนนี้ก็จะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจหล่อหลอมเซวียเหลียงให้กลายเป็นศิษย์เอกของตน จนกว่าเซวียเหลียงจะจบการศึกษาและยืนหยัดด้วยตัวเองอย่างเป็นทางการ!

ในสภาวการณ์ปกติ

เซวียเหลียงอยากสำเร็จการศึกษา แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้คนที่สอนเขาภายนอกจะเป็นหลินเยวียน แต่แท้จริงแล้วเป็นพ่อเพลงก็ตามแต่

หลิน-จงหมิง-หยาง-เยวียน

แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะหลินเยวียนมีเอฟเฟ็กต์อาจารย์ไงล่ะ

ของแบบนี้เป็นอาวุธวิเศษในการสอนลูกศิษย์ ต่อให้เป็นคนที่มีประสบการณ์มากมาย แต่ก็ไม่มีทางสู้เทียบกับเคล็ดวิชาได้

มิหนำซ้ำหลินเยวียนยังเท่ากับว่าใส่เอฟเฟ็กต์อาจารย์ให้กับพ่อเพลงด้วย

ไม่มีใครเชี่ยวชาญการสอนมากไปกว่าพ่อเพลงที่ใส่เอฟเฟ็กต์อาจารย์แล้ว!

ฉะนั้นแล้ว

ในวันต่อมา

หลินเยวียนสอนเซวียเหลียงเสร็จ จู่ๆ ก็ตัดสินใจว่า “ไม่ใช่แค่วันเสาร์อาทิตย์นะครับ หลังจากนี้คุณต้อง มาเรียนกับผมทุกวัน วันละสองชั่วโมง ผมจะส่งที่อยู่ของผมไปให้ หลังผมเลิกเรียน คุณมาที่บ้านผมได้เลยครับ”

เหมือนกับเมื่อวาน

เรียนแต่งเพลงกับหลินเยวียนสองชั่วโมง เซวียเหลียงก็รู้สึกว่าได้ความรู้มหาศาล!

แบบนี้มีประโยชน์มากกว่าไม่รู้กี่เท่า เมื่อเทียบกับบทเรียนประพันธ์เพลงของมหาวิทยาลัย หรือคอร์สเรียนออนไลน์ที่จ่ายเงินซื้อ

ปรากฏว่าเมื่อได้ยินที่ตัวแทนหลินบอกว่าหลังจากนี้ทุกวันจะต้องไปเรียนกับเขาสองชั่วโมง เซวียเหลียงก็พลันรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมา!

“ขอบคุณครับอาจารย์หลิน! อาจารย์หลินครับ…”

“มีอะไรเหรอครับ…”

“หลังจากนี้ผมเรียกคุณว่าอาจารย์ได้มั้ย…”

“ตามสบายเลยครับ”

หลินเยวียนไม่ได้ใส่ใจคำเรียกขานเหล่านี้

ตอนนี้เขาเพียงรู้สึกปวดใจ เพราะการ์ดตัวละครของเขาใช้ได้ผลแค่วันละสองชั่วโมง

ใช้กับเซวียเหลียงไปแล้ว ตนก็ใช้อีกไม่ได้

แต่เพื่อที่จะบ่มเพาะลูกศิษย์ออกมาอย่างสุดความสามารถ เขาจำเป็นต้องตัดสินใจแบบนี้

ถึงอย่างไรหลังจากนี้ก็ยังมีเวลา การ์ดตัวละครเป็นของตนอยู่แล้ว ตนสามารถควบคุมได้ตามต้องการ

“อาจารย์!”

เซวียเหลียงเรียกออกมาอย่างดีอกดีใจ

หลินเยวียนพยักหน้า

ในตอนนั้นเอง

จู่ๆ ในสมองของหลินเยวียนก็มีเสียงของระบบดังขึ้น “ยินดีกับโฮสต์ด้วยที่ได้รับลูกศิษย์คนแรก สามารถตรวจสอบข้อมูลของลูกศิษย์ได้”

หลินเยวียนหัวใจกระตุกวาบ ก็เห็นข้อมูลของเซวียเหลียงอยู่ด้านล่างของประเภทดนตรี

[ชื่อสกุล: เซวียเหลียง]

[ความสามารถในการประพันธ์เพลง: 409]

[ความสัมพันธ์: อาจารย์/ลูกศิษย์]

[สถานะ: ยังไม่จบหลักสูตร]

[หมายเหตุ: คะแนนเต็มของค่าความสามารถคือ 1000 มาตรฐานความสามารถที่ต่ำที่สุดซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการของนักประพันธ์เพลงมือทองคือ 600 เมื่อค่าความสามารถของเซวียเหลียงเกินกว่า 600 จึงจะจบหลักสูตรอย่างเป็นทางการ]

เป็นแบบนี้นี่เอง

ขอเพียงพัฒนาค่าความสามารถด้านการประพันธ์เพลงของเซวียเหลียงจนเกิน 600 ได้ ก็จะนับว่าสั่งสอนลูกศิษย์ออกมาได้สำเร็จคนหนึ่งแล้ว

จริงสิ

ตนสามารถหาลูกศิษย์ด้านจิตรกรรมมาสักคนก็ได้นี่นา ถ้ามีเวลาละก็ ต้องไปลองสำรวจที่ชมรมจิตรกรรมในวิทยาลัยศิลปะฉีโจวสักหน่อย

ลองดูว่ามีต้นกล้าชั้นดีที่เหมาะกับการสอนหรือเปล่า

“เอาละ คุณกลับได้แล้วครับ” หลินเยวียนบอก

“ได้ครับ แล้วเจอกันครับอาจารย์!”

เซวียเหลียงค้อมหลังด้วยความจริงใจ ก่อนจะออกจากห้องทำงานของหลินเยวียนไป

……

เซวียเหลียงออกไปได้ไม่นาน กู้เฉียงอวิ้นก็เข้ามา ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ในมือถือเอกสารอยู่หลายชุด “ตัวแทนหลิน นี่เป็นข้อเสนอออเดอร์ที่บริษัทเราได้รับในช่วงนี้ครับ ทั้งหมดสี่ชิ้น คุณลองดูว่าสนใจไหม”

หลินเยวียนพยักหน้า

สองออเดอร์ในนั้น จัดเป็นออเดอร์ประเภทเพลงOST.เช่นเดียวกับเพลงชอบเธอ

สิ่งที่เรียกว่าOST.โดยทั่วไปแล้วหมายถึงเพลงประกอบซีรีส์หรือภาพยนตร์ และเป็นประเภทของออเดอร์ที่มีมากที่สุดในฉีโจว

ส่วนอีกสองชิ้น ชิ้นหนึ่งเป็นออเดอร์เกม อีกชิ้นหนึ่งเป็นออเดอร์ส่วนตัว

หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง หลินเยวียนไม่ได้เลือกทันที เพราะราคาของออเดอร์เหล่านี้ไม่สูง ออเดอร์ที่ราคาสูงที่สุดก็มีมูลค่าเพียงสองล้านหยวน

“ตัวแทนหลิน”

กู้เฉียงอวิ้นเดาความคิดของหลินเยวียนได้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “นี่เป็นแค่ข้อเสนอออเดอร์นะครับ รายละเอียดยังต้องเจรจากันอีก ถ้าคุณยังไม่เลือกตอนนี้ เดี๋ยวผมค่อยคัดดูอีกครั้ง”

หลินเยวียนพยักหน้า

ขณะที่กู้เฉียงอวิ้นกำลังจะถือเอกสารออกไป หลินเยวียนชี้ไปที่ออเดอร์ส่วนตัวฉบับนั้น “ทิ้งออเดอร์ส่วนตัวนั้นไว้ที่นี่ก่อนก็ได้ครับ”

กู้เฉียงอวิ้นรู้สึกประหลาดใจ

เพราะออเดอร์นี้เป็นงานส่วนตัว มูลค่าเพียงเจ็ดแสน เขาไม่คาดคิดว่าหลินเยวียนจะสนใจ

หลินเยวียนอธิบาย “ผมว่าจะเก็บไว้ให้เซวียเหลียง”

ลำพังการสอนอย่างเดียวไม่พอ ถ้าอยากให้ความสามารถของเซวียเหลียงรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ยังต้องลงมือปฏิบัติจริงด้วยถึงจะได้

ออเดอร์นี้สามารถนำมาให้เซวียเหลียงฝึกปรือฝีมือ นับเป็นหัวข้อการประเมินที่หลินเยวียนมอบหมายให้เซวียเหลียง

กู้เฉียงอวิ้นประหลาดใจ

เขาย่อมรู้เรื่องที่ช่วงนี้หลินเยวียนสอนการแต่งเพลงให้กับเซวียเหลียง

แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยความสามารถของเซวียเหลียง จะสามารถทำออเดอร์ระดับเจ็ดแสนหยวนได้จริงหรือ

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้า “ได้ครับ”

หลินเยวียนพยักหน้า

กู้เฉียงอวิ้นออกไป

วันต่อมา

หลินเยวียนก็กลับไปทำงานดังเดิม

เมื่อกลับถึงบ้านหลังจากเลิกเรียน หลินเยวียนก็ค้นพบว่า เจี่ยนอี้ทำอาหารอีกแล้ว

ทั้งสเต็กและหลัวซือเฝิ่นก่อนหน้านี้ล้วนสร้างปมอันมืดมนในใจให้กับหลินเยวียน ถึงแม้ว่าเขาจะยอมกล้ำกลืนฝืนกินลงไปก็เถอะ

เขาไม่แน่ใจว่าวันนี้เจี่ยนอี้จะทำสูตรเด็ดชวนขนลุกอะไรออกมาอีก

ในตอนนั้นเอง

ก็มีคนเคาะประตู

หลินเยวียนไปเปิดประตู ก็พบว่าเป็นเซวียเหลียง ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขา

“อาจารย์”

เซวียเหลียงเอ่ยเรียก

หลินเยวียนพยักหน้า “เชิญครับ”

หลังจากเซวียเหลียงเข้ามา ก็เห็นว่าในห้องยังมีคน จึงรีบเอ่ยทักทาย “สวัสดีครับ ผมชื่อเซวียเหลียง เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์”

“สวัสดีครับ เจี่ยนอี้ครับ…” เจี่ยนอี้กล่าวทักทายจบ ก็เหลือบมองหลินเยวียน

หลินเยวียนพูด “ฉันเป็นอาจารย์ของเขา”

เจี่ยนอี้ยิ้มร่า “สุดยอดไปเลยหลินเยวียน นายเริ่มรับลูกศิษย์แล้ว งั้นเพื่อนคนนี้ก็ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์อาหรือเปล่าเนี่ย”

เซวียเหลียงเอ่ยอย่างจริงจัง “อาจารย์อา สวัสดีครับ”

เจี่ยนอี้ชะงักไป นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะเถรตรงซะขนาดนี้ จึงรีบโบกไม้โบกมือ “ล้อเล่นครับ ล้อเล่น เซวียเหลียงใช่มั้ยครับ เรียกผมว่าเจี่ยนอี้ก็พอแล้ว”

เซวียเหลียงพูดอย่างจริงจัง “จะเสียมารยาทไม่ได้ครับ คุณเป็นเพื่อนของอาจารย์ ผมเรียกคุณว่าพี่ใหญ่เจี่ยนก็แล้วกัน”

เจี่ยนอี้โบกมือ “คุณน่าจะอายุมากกว่าผมหลายปี แล้วแต่เลยครับ จะเรียกอะไรก็ได้”

เซวียเหลียงคนนี้เป็นคนซื่อตรง และเป็นเพราะซื่อตรงเกินไปนี่แหละ จึงแลดูไม่ประสีประสาสักเท่าไหร่

หลังจากนั้นเจี่ยนอี้ก็รู้สึกว่าแปลกชอบกล เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นตนกับหลินเยวียนก็จะอยู่คนละรุ่นกันน่ะสิ?

เอาเถอะๆ ต่างคนต่างความเข้าใจ

“พวกเราสั่งเดลิเวอรีเถอะ”

หลินเยวียนปราศจากความเชื่อมั่นในเสน่ห์ปลายจวักของเจี่ยนอี้

เซวียเหลียงออกตัวเอ่ยว่า “กำลังทำอาหารเหรอครับ ผมช่วยได้นะ”

เจี่ยนอี้ถาม “คุณทำอาหารเป็นเหรอครับ”

เซวียเหลียงพยักหน้า “ใช่ครับ”

ยี่สิบนาทีให้หลัง เมื่อเห็นอาหารหอมกรุ่นสามจานบนโต๊ะ สายตาที่เจี่ยนอี้มองเซวียเหลียงก็เปลี่ยนไป “เชฟกระทะเหล็ก! พี่ชายช่วยสอนผมด้วยค้าบ!”

เซวียเหลียงพูด “ไม่มีปัญหาครับ พี่ใหญ่เจี่ยนชมเกินไปแล้ว”

หลินเยวียนลองชิมไปหนึ่งคำ ก็ตื่นตะลึงยกใหญ่ รสชาติของอาหารไม่ได้น้อยหน้าเชฟใหญ่ในโรงแรมเลย!

เซวียเหลียง คมในฝัก

อาหารมื้อนี้ เขากินไปสองชามเต็มๆ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ถูกเจี่ยนอี้ทรมานมาหนักหนาสาหัสแค่ไหน

เมื่อกินอาหารเสร็จ หลินเยวียนก็พาเซวียเหลียงเข้าไปในห้องนอน

“เรามาเริ่มเรียนกันครับ”

การ์ดตัวละครเปิดใช้ เอฟเฟ็กต์อาจารย์เข้าปกคลุม สายตาของหลินเยวียนกลายเป็นจริงจังขึ้นมา

เซวียเหลียงเองก็ขึงขังสุดขีด ท่าทีที่เขามีต่ออาจารย์ รวมไปถึงบทเรียนของอาจารย์นั้นซื่อสัตย์จริงใจ

การเรียนการสอนในครั้งนี้ใช้เวลาสองชั่วโมงเหมือนเดิม

เมื่อเรียนจบ หลินเยวียนก็อุตส่าห์เข้าไปตรวจสอบค่าความสามารถของเซวียเหลียง

หลินเยวียนค้นพบว่า ค่าความสามารถของเซวียเหลียงได้เพิ่มขึ้นแล้ว!

ก่อนหน้านี้คือ 409

ตอนนี้คือ 415

ความเร็วที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้อยู่เหนือจินตนาการของหลินเยวียนเล็กน้อย

บางทีวันที่เซวียเหลียงจบหลักสูตรก็อาจไม่นานเกินรอ…

……………………………………………