ตอนที่ 146

Silver Overlord

146 – ทายาทหมอพเนจร

“หยุด! ที่นี่คือประตูสําคัญของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า!”

เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงใกล้ทางเข้าประตูของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์มือกระบี่ในวัยสามสิบก็ยกกระบี่ขึ้นขวางเอี้ยนลี่เฉียง หน้าตาของเขาดุดันรัศมีที่แผ่ออกมาเข้มข้นสวมใส่ชุดสีม่วงดูขึงขัง

เอี้ยนลี่เฉียงเล่าถึงจุดประสงค์ในการมาที่นี่ให้กับมือกระบี่คนนั้นฟัง

“ข้ามาเพื่อส่งมอบกุญแจคืนให้นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์!” เอี้ยนลี่เฉียงประกาศเสียงดังและยกกุญแจขึ้นเหนือศีรษะเพื่อให้ทุกคนในบริเวณโดยรอบมองเห็น

เมื่อได้ยินประกาศของเอี้ยนลี่เฉียงสาวกจํานวนไม่น้อยที่เดินผ่านประตูก็หยุดและมองมาทางพวกเขา

มือกระบี่ชุดม่วงรีบเดินมาหาเอี้ยนลี่เฉียงอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้หยิบกุญแจไปแต่ตรวจสอบด้วยสายตาชั่วครู่ก่อนจะบอกว่า

“โปรดมาทางนี้…”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของมือกระบี่ชุดม่วงเอี้ยนลี่เฉียงก็สามารถเดาได้ว่าแม้กรณีเช่นนี้จะหายาก แต่ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นแม้ว่ามือกระบีชุดม่วงที่เฝ้าประตูจะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่เขาก็มีขั้นตอนการปฏิบัติที่เหมาะสม

ภายใต้การจ้องมองด้วยความประหลาดใจของทุกคนที่อยู่รอบข้าง มือกระบี่ชุดม่วงได้พา เอี้ยนลี่เฉียงผ่านประตูภูเขาของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทันที

หลังจากเดินผ่านประตูภูเขาไปไม่กี่ร้อยวา พวกเขาก็มาถึงอาคารที่ล้อมรอบด้วยต้นไผ่ สาวใช้ยกชามาให้พวกเขาอย่างช้ําชอง มือกระบี่บอกเอี้ยนลี่เฉียงให้รออยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเดินออกไป

เอี้ยนลี่เฉียงถูกทิ้งให้รอนานกว่าครึ่งชั่วยามก่อนที่มือกระบี่คนเดิมจะเดินนําชาย 2 คนเข้ามาที่นี่

หนึ่งในนั้นคือชายชราที่มีใบหน้ายาว ดวงตาของเขาแหลมคมท่าทางสง่างาม อีกคนเป็นชายหนุ่มที่เดินตามชายชราคนนั้นมาพร้อมกับถือกล่องไม้สองกล่อง

“ผู้อาวุโสเจียง นี่คือเด็กที่นํากุญแจมา!” มือกระบี่ชุดม่วงโค้งคํานับชายชราพร้อมกับแนะนํา

“หมดหน้าที่ของเจ้าแล้วอู๋ซิน เจ้าไปทําเรื่องอื่นเถอะ!” ชายชราโบกมือเบาๆไปที่มือกระบี่ชุดม่วง

“ขอตัว!” มือกระบี่ประสานมือพร้อมกับเดินออกจากห้องไป

ผู้อาวุโสเจียงเข้ามาและนั่งข้างเอี้ยนลี่เฉียง ดวงตาของเขาจ้องไปที่ใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงก่อนที่เขาจะมองดูเขาอย่างระมัดระวังตั้งแต่หัวจรดเท้า

เอี้ยนลี่เฉียงยืนขึ้นด้วยความเคารพพร้อมกับกล่าวว่า

“เอี้ยนลี่เฉียงคํานับผู้อาวุโส!

“ขอข้าดูกุญแจหน่อย…”

เอี้ยนลี่เฉียงยื่นกุญแจให้ ผู้อาวุโสเจียงหยิบกุญแจขึ้นมาและศึกษามันอย่างระมัดระวัง หลังจากสัมผัสไม่กี่ครั้ง ในที่สุดเขาก็พยักหน้า

“ไม่ผิด…. ลวดลายบนกุญแจนี้มีตราประทับลับของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา บอกข้าที ว่าเจ้าได้รับกุญแจนี้มาจากไหน แล้วคําขอของเจ้าต้องการอะไร?”

เอี้ยนลี่เฉียงท่องบทที่หลิวกุ้ยหยวนเตรียมไว้ให้เขาอย่างลื่นไหล

เอี้ยนลี่เฉียงเป็นหลานชายของหมอพเนจรและท่านปูของเขาได้มอบกุญแจนี้ให้ก่อนจะสั่งให้เขาเดินทางมาภูเขานิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อตามหาผู้อาวุโสสือ

หลังจากฟังเอี้ยนลี่เฉียงพูดจบ อาวุโสเจียงก็ทําท่าทางให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเขาเปิดกล่องไม้กล่องหนึ่งที่เขาถือขึ้น

มีแม่กุญแจทองแดงอยู่ในกล่องไม้ และแต่ละอันมีจารึกที่แตกต่างกันซึ่งเป็นชื่อของคน ผู้อาวุโสเจียงหยิบแม่กุญแจทองแดงที่มีคําว่า ‘สือหยุนเฟย’ สลักอยู่บนนั้นและใส่กุญแจที่เขาถืออยู่ด้วยก่อนจะบิดเล็กน้อยและแม่กุญแจก็ถูกไขออกอย่างง่ายดาย

ผู้อาวุโสเจียงพยักหน้า ชายหนุ่มเก็บกุญแจและปิดกล่องไม้เดินออกไปทันที ผู้อาวุโสเจียงหันมาทางออกศีรษะให้กับเอี้ยนลี่เฉียงพร้อมกับกล่าวว่า

“กุญแจนี้เป็นของพี่สือจริงๆ เราผู้เฒ่าได้อ่านเรื่องราวของเขาที่ได้รับการช่วยเหลือโดยแพทย์พเนจรในแคว้นหูมาแล้ว น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสสือได้เสียชีวิตไปไม่กี่ปีก่อน เจ้าไม่อาจพบเขาอีก แต่หากมีอะไรให้เราช่วยก็จงบอกมา! “

เอี้ยนลี่เฉียงสูดหายใจเข้าลึกๆและบอกว่า

“ข้าต้องการเข้าร่วมกับนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ขอเพียงได้เป็นศิษย์ธรรมดาเท่านั้น!”

ผู้อาวุโสเจียงเหลือบมองเอี้ยนลี่เฉียงโดยไม่คิดว่าคําขอของเขาจะง่ายดายถึงขนาดนี้

“ข้าขอดูมือของเจ้าหน่อย”

เอี้ยนลี่เฉียงยื่นมือออกไปเมื่อผู้อาวุโสเจียงคว้ามือที่เหยียดออก คลื่นของพลังงานเย็นเยือกก็พู่งออกมาปกคลุมร่างกายของเอี้ยนลี่เฉียงทันที

เอี้ยนลี่เฉียงรู้ว่าผู้อาวุโสเจียงกําลังตรวจสอบว่าเขาได้เรียนรู้การฝึกฝนภายของนิกายอื่นหรือไม่ หรือมีแมลง *กู่ ซุกซ่อนอยู่ในร่างกายของเขาหรือเปล่า

“รอที่นี่สักครู่” ผู้อาวุโสเจียงเดินออกไปในทันที

เอี้ยนลี่เฉียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะเขารู้ว่าเขาได้เข้าร่วมนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สําเร็จแล้ว อย่างไรก็ตามยังมีงานบางอย่างที่ต้องทําก่อนที่เขาจะเข้าสู่นิกายชั้นใน

ผู้อาวุโสเจียงต้องเตรียมการบางอย่าง ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทําคือรอที่นี่ ในตอนนี้ด้วยอายุและความสามารถของเขาเขาจะเป็นได้เพียงศิษย์ชั้นนอกเท่านั้น

สําหรับนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์การรับสมัครศิษย์ภายนอกคนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก เนื่องจากพวกเขามีจํานวนศิษย์ชั้นนอกอยู่หลายหมื่นคนอยู่แล้ว

เอี้ยนลี่เฉียงนั่งรออยู่ในห้องกว่าหนึ่งชั่วยามก่อนที่ชายวัย 40 ต้นๆจะเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับมองคนที่เขา

“เจ้าคือเอี้ยนลี่เฉียง?”

เอี้ยนลี่เฉียงยืนขึ้น “ใช่ ข้าเอง!”

“ตามข้ามา!”

” ขอบคุณผู้อาวุโส!” เอี้ยนลี่เฉียงแสดงความขอบคุณและเดินตามบุคคลนั้นออกจากห้อง

“มีกฏที่ข้าต้องอธิบายให้เจ้าฟังก่อนที่เจ้าจะเข้าร่วมนิกายของเรา!” คนๆนั้นพูดกับเอี้ยนลี่เฉียงด้วยใบหน้าเคร่งขรึมอย่างไรก็ตามทัศนคติของเขาค่อนข้างหยิ่งผยอง

“ศิษย์ทุกคนของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หากรวมนิกายสาขาไปด้วยก็จะมีนับล้านคน และทุกคนล้วนแต่เป็นผู้ที่โดดเด่นเหนือคนอื่น สําหรับคนธรรมดาที่คิดจะเข้าร่วมกับเรานั้นยากเย็นยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นสู่สรวงสวรรค์

สําหรับเจ้าที่ได้เข้าร่วมกับนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของเราถือว่าเป็นบุญวาสนาที่สะสมมาสองสามชาติที่แล้ว เจ้าไม่ได้อาศัยความสามารถของตัวเองเข้ามาที่นี่แต่อาศัยกุญแจดอกนั้น

ตอนนี้นิกายได้ตอบแทนบุญคุณของปูเจ้าไปหมดแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาของที่นี่ คนอื่นทําอะไรเจ้าก็ต้องทําแบบนั้นพวกเขากินอะไรเจ้าก็ต้องกินแบบเดียวกัน ใช้สิ่งเดียวกัน และ แต่งตัวแบบเดียวกับพวกเขา

เจ้าจะสามารถประสบผลสําเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองนิกายจะไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไรเป็นพิเศษ และกฎของนิกายที่นี่เข้มงวดเจ้าไม่อาจละเมิดได้”

“เข้าใจแล้ว หลังจากเข้าร่วมนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ข้าเป็นเพียงศิษย์ธรรมดา ดังนั้นข้าจะต้องประพฤติตนตามกฎของนิกาย” เอี้ยนลี่เฉียงพยักหน้าและพูดอย่างใจเย็น

“เข้าใจก็ดีแล้ว ยังมีคนมากมายที่ใช้วิธีการแบบเดียวกันกับเจ้าเข้ามาที่นี่ แต่ความสามารถของพวกเขาไม่มีอะไรเลยท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจึงทําได้เพียงเดินเตร็ดเตร่อยู่รอบๆสถานที่ที่ศิษย์ ภายนอกอยู่เท่านั้น เส้นทางที่เจ้าเลือกเจ้าต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองเข้าใจหรือไม่!”

“เข้าใจแล้ว!”

ชายในชุดสีฟ้าอ่อนสูดลมหายใจ

“หากเข้าใจก็ดีแล้ว…”

หลังจากที่สั่งสอนเอี้ยนลี่เฉียงไปหลายประโยคชายคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เขาก้มศีรษะลงและนําเอี้ยนลี่เฉียงไปตามเส้นทางบนภูเขา หลังจากเดินไปได้ประมาณหนึ่ง เค่อพวกเขาก็มาถึงลานกว้างแห่งหนึ่งมีอาคารสูงเจ็ดชั้นอยู่ภายใน

ชายในชุดสีฟ้าอ่อนพาเอี้ยนลี่เฉียงเข้าไปในอาคารนั้น ชายสูงอายุในชุดสีเทาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วและกวาดสายตาไปทั่วเอี้ยนลี่เฉียงก่อนที่เขาจะยิ้มอย่างสุภาพ

“พ่อบ้านจิ๋ววันนี้เรารับสมัครศิษย์ใหม่อีกแล้วเหรอ?”

“ใช่ ช่วยเขาเรื่องขั้นตอนการรับเข้าเรียน…”

“เข้าใจแล้ว…”

ขั้นตอนการรับเข้าเรียนไม่ซับซ้อนขนาดนั้น ทั้งหมดที่พวกเขาต้องการคือการลงทะเบียนชื่อเต็ม อายุ ตระกูล บ้านเกิดของเอี้ยนลี่เฉียงและประทับลายมือของเขาไว้

ชายชราสํารวจขนาดร่างกายของเอี้ยนลี่เฉียงก่อนจะแจกจ่ายเสื้อผ้าสีเทา ถุงเท้า รองเท้า และหนังสือที่มีชื่อว่า “กฎของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์”

หลังจากนั้นไม่นานพ่อบ้านซิ่วก็พาเอี้ยนลี่เฉียงเดินออกจากอาคาร หลังจากเดินมานานกว่า หนึ่งเค่อ พวกเขาก็มาถึงลานขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งพร้อมป้ายที่เขียนว่า ‘ลานบัญชา’ จากนั้นจึงนําเอี้ยนลี่เฉียงไปที่ห้องแถวด้านหลังลาน

ท่ามกลางแถวของห้องต่างๆ ในลานกว้าง ได้ยินเสียงสวดแผ่วเบาของเด็กหนุ่มสองสามคน

พ่อบ้านซิ่วผลักเปิดประตูห้องก่อนจะเดินนําเอี้ยนลี่เฉียงเข้าไป

ห้องนี้เป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ซึ่งสามารถวางเตียงได้แปดเตียงเคียงข้างกัน หน้าเตียงทุกเตียงมีโต๊ะและเก้าอี้

เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเข้ามาในห้อง มีเด็กหนุ่มสี่คนอายุระหว่างสิบห้าถึงยี่สิบปี แต่งกายด้วยชุดสีเทาและนั่งบนเก้าอี้หน้าเตียง แต่ละคนกําลังท่อง “กฎของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์” ในมือของพวกเขาดังๆในขณะที่พยักหน้า

ทั้งสี่คนหยุดพร้อมกันเมื่อเห็นพ่อบ้านซิ่วเข้ามาในห้อง พวกเขารีบลุกขึ้นยืนและแสดงความเคารพออกมาทันที

พ่อบ้านซิ่วชี้ไปที่เตียงหนึ่งในห้อง

“เจ้าจะนอนอยู่ที่นั่นและพยายามเรียนรู้กฎของนิกายให้ขึ้นใจภายในครึ่งเดือน เมื่อเจ้าจําขึ้นใจแล้วเดี๋ยวข้าจะมอบหมายหน้าที่ใหม่ให้เจ้าเอง!”

หลังจากที่เขาอธิบายให้เอี้ยนลี่เฉียงฟังเสร็จแล้วพ่อบ้านซิ่วก็เหลือบมองชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้าง

” หม่าเหลียง…”

” ครับ!” คนโตที่สุดในบรรดาสี่คนรีบก้าวไปข้างหน้า

“เขาเป็นคนใหม่ สอนกฏให้เขา!”

“เข้าใจแล้ว! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า พ่อบ้านซิ่ว…”

หลังจากนั้นพ่อบ้านจิ๋วก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก