“ในฐานะอัศวินคนสุดท้ายของตระกูลรีวิซผมคงจะทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ! ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณทำลายชื่อเสียงของตัวเองไปมากกว่านี้อีกต่อไปแล้ว!!”

“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับชื่อเสียงอะไรนั่นเลยสักนิดเดียวนะครับคอนแนล! ช่วยหลีกทางไปด้วยครับ!!”

คำพูดของคอนแนลที่ประกาศชัดว่าเขาจะขัดขวางการลงมือทำอะไรก็ตามของเวก้านั้นได้ทำให้อดีตขุนนางหนุ่มเผยสีหน้าลำบากใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่เขาจะพูดสั่งคอนแนลขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับสะบัดมีดสั้นของเขาไปทางด้านข้างราวกับว่ากำลังเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้จนทำให้คอนแนลต้องรีบตั้งโล่ของเขาขึ้นมาเตรียมตั้งรับด้วยเช่นเดียวกัน

แต่ถึงอย่างทางด้านเวก้าก็กลับดูเหมือนกับว่ามีท่าทีลังเลจนไม่อยากที่จะเข้ามาเริ่มต้นการต่อสู้หรือว่าพยายามจะหลบหนีไปเลยแม้แต่น้อย

แกร๊ก– ฟุ๊บ—

“เป็นนายจริงๆ ด้วยสินะเวก้า!”

และในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังดูเชิงกันอย่างเงียบๆ อยู่นั้นเอง อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงร้องของนากาดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงกลไกของถุงมือติดมีดโซ่ของเขาก่อนที่เด็กหนุ่มจะพุ่งตัวลงมาจากทางด้านบนหลังคาบ้านลงมาทางด้านหลังของเวก้าเพื่อปิดทางหนีของอดีตขุนนางหนุ่มไป

“นอกจากคอนแนลแล้วคุณเอริกะยังส่งนายมาด้วยงั้นหรอครับนากา…”

หน้าตาที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตาของเด็กหนุ่มผมสีดำตาสองสีนั้นได้ทำให้เวก้าที่เคยต่อสู้กับนากามาก่อนแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำออกมา เพราะถึงแม้ว่าในตอนนั้นเด็กหนุ่มจะไม่ได้มีฝีมือเก่งกาจอะไรมากนัก แต่ว่าด้วยความสามารถในการเรียกเอาดาบเปื้อนเลือดออกมาได้ใหม่เรื่อยๆ ราวกับมีเวทมนตร์คาถานั้นก็สร้างความปั่นป่วนให้เขาได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งคำพูดของเวก้าก็ได้ทำให้นากาพูดตอบเขากลับไปแบบไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย

“ก็เพราะว่านายดันหายตัวไปแล้วก็ก่อเรื่องไม่หยุดหย่อนแบบนี้เอริกะถึงต้องส่งพวกฉันมานี่แหล่ะ! ทั้งๆ ที่เอริกะเขาอุตส่าห์ให้โอกาสนายแล้วแท้ๆ นะ…”

“………”

คำพูดของนากาได้ทำให้เวก้าแสดงสีหน้าลำบากใจออกมาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะหันไปมองทางโจน่าเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา

“เรื่องนั้นผมเองก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นั่นล่ะครับ แต่ว่าผมเองก็มีเหตุผลที่ต้องซ่อนตัวแบบนั้นเหมือนกัน… ผมสัญญาว่าพอจัดการเรื่องนี้เสร็จเมื่อไหร่ผมจะกลับไปอธิบายให้คุณเอริกะเขาฟังเองครับ”

“ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็นายบอกพวกฉันมาตอนนี้เลยก็ได้ เดี๋ยวฉันจะบอกให้เอริกะฟังเองแบบคำต่อคำเลย”

สิ่งที่เวก้าพูดขึ้นมาได้ทำให้นากาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดบอกอดีตขุนนางหนุ่มขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดของนากาก็ได้ทำให้เวก้าที่กำลังจ้องมองตรงไปทางโจน่าชะงักไปก่อนที่เขาจะพูดถามเด็กหนุ่มกลับมา

“หมายถึงว่าจะ ‘ติดต่อ’ ไปบอกคุณเอริกะงั้นหรอครับ…?”

“อ่า นายเองก็เคยทำงานกับเอริกะเขาก็น่าจะรู้วิธีที่เอริกะใช้ส่งข้อมูลกันภายในอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ”

นากาที่เห็นว่าเวก้าเหมือนจะพยายามเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องอุปกรณ์สื่อสารของเอริกะขึ้นมาให้โจน่าและมิคาเอลได้ยินได้พูดตอบเขากลับไปด้วยวิธีเดียวกัน

แต่ถึงอย่างนั้นคำตอบของนากาก็กลับทำให้เวก้าสะบัดมีดสั้นไปทางโจน่าอีกครั้งและเอ่ยปากพูดขึ้นมาเสียงแข็ง

“ไม่ต้องทำอย่างงั้นหรอกครับ… เอาไว้เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เสร็จเมื่อไหร่ผมจะไปหาคุณเอริกะเขาด้วยตัวเองเลย…”

“………”

คำพูดและท่าทางของเวก้าที่ดูเหมือนว่าอดีตขุนนางหนุ่มต้องการที่จะสังหารหรืออาจจะอยากทำอะไรอย่างอื่นใส่ซิสเตอร์สาวผมสีทองให้ได้นั้นได้ทำให้คอนแนลต้องหลุบตาลงต่ำก่อนที่เขาจะพูดถามอดีตเจ้านายของตนขึ้นมาเบาๆ

“สุดท้ายแล้วคุณก็จะไม่ยอมรามือจริงๆ งั้นหรอครับคุณเวก้า…”

“ผมขอโทษจริงๆ ครับคอนแนล… แต่ตอนนี้ผมคงจะให้คำตอบอะไรไม่ได้หรอกนะครับ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ในตอนนี้แน่ๆ ล่ะ…”

“พอได้แล้วล่ะคอนแนล ฉันว่าพวกเราให้โอกาสเขามากพอแล้วล่ะ”

ท่าทางของอดีตขุนนางหนุ่มและคอนแนลผู้เป็นเพื่อนได้ทำให้นากาตัดสินใจที่จะพูดห้ามปรามเพื่อนของตนขึ้นมาพร้อมกับเปลี่ยนกำไลสีขาวที่เขารับมาจากอลิซให้กลายเป็นดาบเปื้อนเลือดเฟเบิ้ล ดรีมเมอร์ เพราะดูแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเวก้าก็คงไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนใจอะไรอย่างแน่นอน

ซึ่งคำพูดของนากาก็ได้ทำให้คอนแนลนิ่งเงียบไปอีกครั้งก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

“ผมเข้าใจครับ…ผมก็แค่… เสียใจ… เท่านั้นล่ะครับ”

ฟุ๊บ—

ในทันทีที่คอนแนลเอ่ยปากพูดขึ้นมาจนจบนั้นเองเขาก็ได้เงยหน้ากลับขึ้นมาก่อนที่จะดีดตัวพุ่งเข้าใส่เวก้าพร้อมกับโล่ในมือที่กำลังส่องประกายระยิบระยับด้วยไอน้ำที่ลอยเกาะกลุ่มกันอยู่

ฟ๊าว—

แต่ทว่าก็ยังไม่ทันที่คอนแนลจะได้ออกตัวพุ่งไปไหนไกลก็ได้มีเสียงของอะไรบางอย่างพุ่งตรงลงมาจากฟากฟ้าด้วยความเร็วสูงก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีหอกคริสตัลสีเขียวจำนวนหนึ่งพุ่งปักลงมาขวางระหว่างเวก้าและคอนแนลเอาไว้

ปึก ปึก ปึก ปึก ปึก

“หอกพวกนี้มัน—”

ภาพของหอกสีเขียวที่ดูคุ้นตาที่นากาเคยเห็นมาก่อนเมื่อตอนที่เดินทางไปเมืองกราวิทัสได้ทำเขาหลุดปากพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่นากาจะได้ลงมือทำอะไร ก็ได้มีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านบนอาคารเข้าเสียก่อน

“ยังไม่เสียท่าใช่หรือเปล่าเดดารัส”

เสียงของหญิงสาวที่ดังขึ้นมาจากทางด้านบนนั้นได้ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองต้องรีบเงยหน้าขึ้นไปมองในทันทีและนั่นก็ทำให้เขาได้พบเข้ากับหญิงสาวผมสีเขียวที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงสั้นรัดรูปสีดำและสวมทับเอาไว้ด้วยเสื้อนอกที่ดูเหมือนกับเครื่องแบบทางการทหารโดยที่ในมือของเธอเองก็ยังถือหอกคริสตัลสีเขียวเอาไว้อีกหนึ่งเล่ม ซึ่งภาพที่นากาเห็นก็ได้ทำให้เด็กหนุ่มหลุดปากพูดขึ้นมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้น… คนที่อยู่ที่ปราสาทกราวิทัสเมื่อตอนนั้นนี่!”

“นาการู้จักคนคนนั้นด้วยหรอครับ?”

“ก็ที่ฉันเคยบอกไปว่าเมื่อตอนนั้นมีคนบุกมาโจมตีปราสาทกราวิทัสนั่นก็คือยัยนี่เนี่ยแหล่ะ!”

“……..”

เสียงร้องโวยวายของนากาได้ทำให้เซซิเรียต้องเหลือบไปมองเด็กหนุ่มที่มีศักดิ์เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของเธอและสมาชิกในกลุ่มของเอริกะเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันไปหาเวก้าและพูดสั่งอดีตขุนนางหนุ่มขึ้นมา

“นายถอนตัวไปก่อนเดดารัส”

“แต่เป้าหมายอยู่แค่ตรงหน้านี่—”

“ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเกิดว่านายยังอยากจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองอยู่ก็ทำตามที่ฉันบอกซะ”

“……..”

เวก้าที่ได้ยินคำสั่งของเซซิเรียได้ขมวดคิ้วมองผ่านร่างของคอนแนลกับมิคาเอลตรงไปยังโจน่าที่หลบอยู่ด้านหลังสุดด้วยสีหน้าจริงจังอยู่สักครู่ราวกับว่าเขากำลังชั่งใจอยู่ว่าจะขัดคำสั่งของเซซิเรียดีหรือไม่

แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งเขาก็ได้หลุบตาลงก่อนที่ทันใดนั้นเองจะพาร์ทสำหรับการบินรุ่นทดลองของเอริกะที่เขายึดไปใช้งานจะถูกกางออกมาให้ทุกคนเห็นก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นจนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นร้องตะโกนออกมาพร้อมกับยิงใบมีดติดโซ่ของถุงมือลาส เซอร์ไวเวอร์ของเขาเข้าใส่เวก้าในทันที

“คิดว่าฉันจะยอมปล่อยให้นายหนีไปได้หรอหะ!!”

“—!?”

ฟุ๊บ— เคร๊ง!! ปึ๊ก!!

ถึงแม้ว่านากาจะมั่นใจว่าตนเองสามารถโจมตีได้อย่างรวดเร็วแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าเซซิเรียผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าจะยังคงมองตามการเคลื่อนไหวของเขาได้ทันและสามารถส่งหอกคริสตัลเล่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่ปลายมีดติดโซ่ของนากาได้อย่างแม่นยำจนทำให้ตัวใบมีดกระเด็นออกจากวิถีเดิมและพุ่งปักเข้าไปใส่กำแพงแทนเป็นโอกาสให้เวก้าสามารถใช้ยูนิตบินหนีขึ้นไปด้านบนหลังคาได้เป็นผลสำเร็จ

ส่วนทางด้านเซซิเรียที่เพิ่งจะลงมือขัดขวางการโจมตีของนากาเมื่อสักครู่นี้ก็ได้มองตามสายโซ่ที่เชื่อมอยู่กับใบมีดจนไปถึงปลอกแขนติดกล่องกลไกบนแขนของเด็กหนุ่มก่อนที่เธอจะพูดพึมพำออกมาเบาๆ

“นั่นมัน… ถุงมือแบบเดียวกับแม็กซ์ซิสงั้นหรอ…”

“ขอบคุณมากครับคุณเซซิเรีย”

“ถ้ามีเวลาว่างมาขอบคุณนายรีบกลับไปคิดแผนมาใหม่ดีกว่านะ ฉันมั่นใจว่าพวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว”

เซซิเรียพูดตอบเวก้ากลับไปพลางเหลือบตาไปมองทางด้านโจน่าเล็กน้อยบ่งบอกว่าต่อให้เธอจะตัดการติดต่อกับเอริกะไปและดูเหมือนว่าจะต้องร่วมมือกับเวก้าอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนักแต่ทว่าตัวเธอเองก็มีเป้าหมายอยู่ที่โจน่าเช่นเดียวกัน ในขณะที่ทางด้านเวก้าก็ได้หันไปมองทางด้านคอนแนลและนากาก่อนที่เขาจะพูดถามเซซิเรียขึ้นมาบ้าง

“แล้วพวกเด็กๆ ที่คุณเอริกะส่งมาล่ะครับ…? ถ้าเกิดมีพวกเขาอยู่ที่นี่ด้วยผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับว่าแผนที่คิดมาใหม่มันจะได้ผลหรือเปล่าน่ะ…”

“…ถ้าพวกเขาเป็นปัญหาเดี๋ยวฉันจะจัดการให้เอง”

ฟุ๊บ—

หลังจากที่สิ้นเสียงของเซซิเรียแล้วหญิงสาวผมสีเขียวก็ได้พุ่งตัวกระโดดไปตามหลังคาตึกก่อนจะหายไปในเวลาไม่นานในขณะที่ทางด้านเวก้าเองก็ได้ใช้ยูนิตสำหรับการบินรุ่นทดลองบินแยกหายไปอีกทางหนึ่งเช่นเดียวกัน

ซึ่งภาพของคนทั้งสองคนที่แยกย้ายกันหนีไปกันคนละทางนั้นก็ได้ทำให้นากาต้องยกมือขึ้นมาเกาหัวเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเก็บอาวุธของตนลงไปเมื่อเห็นว่าหอกคริสตัลที่เซซิเรียปักทิ้งเอาไว้ได้แตกสลายเป็นละอองระยิบระยับหายไปในอากาศก่อนที่เขาจะหันไปพูดบอกคอนแนลขึ้นมา

“ถ้าจากที่ยัยหัวเขียวนั่นพูดเอาไว้เวก้าน่าจะไม่กลับมาก่อเรื่องอีกสักพักนึงล่ะมั้ง”

“นั่นสินะครับ…”

คอนแนลที่เห็นว่าสถานการณ์เหมือนจะคลี่คลายแล้วได้พูดตอบนากากลับไปเบาๆ และเก็บโล่ของเขาไปด้วยเช่นเดียวกัน และนั่นก็ทำให้โจน่าที่เห็นแบบนั้นตัดสินใจที่จะเดินออกมาค้อมหัวพูดขอบคุณเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่เข้ามาช่วยเธอเอาไว้ขึ้นมา

“ขอบคุณทั้งสองคนมากนะจ๊ะที่เข้ามาช่วยฉันเอาไว้น่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกผมก็แค่…. เอ๋—”

“มีอะไรหรอคอนแนล? อ่ะ— เอ๋….?”

ในขณะที่คอนแนลกำลังจะพูดตอบซิสเตอร์สาวผมสีทองกลับไปอยู่นั้นเองอยู่ๆ เขาก็ชะงักไปด้วยความแปลกใจจนทำให้นากาต้องเข้ามาพูดสอบถามก่อนที่เขาจะชะงักไปอีกคน

ซึ่งภาพของเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่อยู่ดีๆ ก็นิ่งไปเหมือนกับตกใจอะไรบางอย่างนั้นก็ได้ทำให้มิคาเอลที่ยืนอยู่ด้านหลังของโจน่าต้องพูดสอบถามขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน

“เป็นอะไรไปกันน่ะทั้งสองคน คนคนนี้ก็คือซิสเตอร์โจน่าที่ฉันพูดถึงไง”

“คุณเจน…”

สิ่งที่ทำให้คอนแนลตกใจจนชะงักไปนั้นก็คือการที่ซิสเตอร์สาวผมสีทองเบื้องหน้าของเขานั้นมีหน้าตาและน้ำเสียงรวมไปถึงท่าทางการแสดงออกที่ดูเป็นคนอ่อนโยนใจดีเหมือนกับหัวหน้าสาวใช้ในคฤหาสน์ของเวก้าที่ชื่อว่า เจน ผู้เป็นแม่เลี้ยงของแมรี่ที่เขาเคยไปทำงานรับใช้มาก่อนอย่างไม่มีผิดเพี้ยนนั่นเอง

“ด–เดี๋ยวสิ— ไม่ใช่ว่าตอนนั้นเธอน่าจะ—”

ในขณะที่ทางด้านคอนแนลกำลังดีใจที่ยังมีคนรู้จักของเขาในคฤหาสน์ของเวก้ารอดชีวิตมาได้อยู่นั้นเอง ทางด้านนากาที่ค่อนข้างจะมั่นใจว่าสาวใช้ที่ชื่อว่าเจนผู้ที่มีปัญหาเรื่องการใช้วิซชนิดที่ตรงกันข้ามกับเขาได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอนนั้นก็ได้แสดงท่าทีแปลกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าเมื่อตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นเอริกะหรือว่าเอริซาเบธที่ต่างก็เป็นผู้ที่มีความรู้ทางการแพทย์อยู่พอสมควรต่างก็ยืนยันว่าอีกฝ่ายได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอน

ซึ่งท่าทางของนากานั้นก็เหมือนจะทำให้คอนแนลคิดขึ้นมาได้เขาจึงได้ชะงักไปเล็กน้อยและแสดงท่าทีเศร้าสลดออกมาอีกครั้ง

ซึ่งถึงแม้ว่าทางด้านโจน่าที่เห็นท่าทางของเด็กหนุ่มทั้งสองคนจะแสดงท่าทางแปลกใจออกมาเล็กน้อยแต่ทว่าเธอก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาแล้วจึงพูดแนะนำตัวเองขึ้นมา

“ฉันชื่อว่าโจน่าจ้ะ เป็นซิสเตอร์อยู่ที่โบสถ์ทางฝั่งด้านนู้นของเมืองน่ะ”

“อ่า… นั่นสินะครับ… ก็คุณเจนเขาไม่อยู่แล้วนี่นา…”

คอนแนลที่ได้ยินคำพูดแนะนำตัวของโจน่าได้เอ่ยปากพูดพึมพำออกมาเบาๆ และนั่นก็ทำให้นากาต้องยื่นมือออกไปตบไหล่ของเขาเล็กน้อยพร้อมกับพยายามที่จะพูดปลอบใจเขาขึ้นมา

“เอาน่าคอนแนล ถือซะว่าโชคดีแล้วที่ได้มีโอกาสเจอคนที่หน้าตาคล้ายกับเจนเขาอีกรอบนึงก็แล้วกัน”

“พอไม่มีบทพูดของคนอื่นให้ยืมแล้วนี่นากาก็ปลอบใจใครไม่เป็นเลยนะครับเนี่ย…”

“เอ้า ก็นายจะให้ฉันทำยังไงเล่า ก็ตอนยัยพรีมูล่างอแงฉันแค่ลูบหัวให้แล้วก็ให้ขนมยัยนั่นก็อารมณ์ดีขึ้นมาแล้วนี่นา… หรือนายจะให้ฉันพูดว่า คนที่ตายไปแล้วไม่มีวันจะฟื้นกลับขึ้นมาได้อยู่แล้ว เพราะงั้นนายทำใจเถอะ อะไรแบบนั้นหรอ?”

“ฮะฮะ… ฟังดูไม่เป็นคำปลอบสักเท่าไหร่เลยนะครับนั่น…”

“………”

ในขณะที่ทางด้านสองหนุ่มจากเมืองรีมินัสกำลังพูดคุยกันเองอยู่นั้น ทางด้านโจน่าที่ได้ยินบทสนทนาของเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็พอจะตีความได้ว่าใบหน้าของเธอคงจะไปคล้ายกับคนรู้จักของทั้งสองคนที่ได้จากไปแล้วหรืออะไรแบบนั้น เธอจึงได้เผยรอยยิ้มออกมาให้กับพวกเขาแล้วจึงค่อยเอ่ยปากพูดขึ้นมา

“ต้องขอโทษที่ฉันอาจจะทำให้พวกเธอไม่สบายใจด้วยนะจ๊ะ เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรที่ฉันหรือมิคาเอลพอจะช่วยพวกเธอได้ก็บอกมาได้เลยนะ ถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่พวกเธอเข้ามาช่วยฉันเอาไว้น่ะ”

“ว่ามาได้ตามสะดวกเลย เพราะถ้าไม่ได้พวกเธอช่วยเอาไว้ล่ะก็ฉันเองก็คงจะรับมือนายเวก้าอะไรนั่นได้ลำบากเหมือนกันน่ะ”

มิคาเอลที่ได้ยินว่าซิสเตอร์ของเขาเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือเด็กหนุ่มทั้งสองได้เอ่ยปากพูดสนับสนุนขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่ง ซึ่งคำพูดของโจน่าและมิคาเอลก็ได้ทำให้นากาต้องเกาหัวเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันไปดูคอนแนลที่ยังคงมีท่าทีซึมๆ อยู่แล้วจึงพูดบอกผลัดอีกฝ่ายไปก่อน

“ผมก็อยากจะถามถึงสาเหตุที่คุณโดนคนพวกนั้นจ้องจะทำร้ายอยู่นะครับ แต่ว่าวันนี้คงจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่… เอาเป็นว่าเดี๋ยวเอาไว้วันพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันอีกทีนึงจะได้หรือเปล่าน่ะครับ?”

“ได้อยู่แล้วสิจ๊ะ โบถส์ของพวกฉันอยู่แถวๆ ทางด้านนู้นของตัวเมืองน่ะ ถ้ายังไงพอไปถึงแถวนั้นแล้วก็ลองถามชาวบ้านแถวนั้นดูก็ได้นะว่าโบสถ์ของซิสเตอร์โจน่าอยู่แถวไหนน่ะ”

“หมายถึงฝั่งนู้นน่ะหรอครับ? ถ้าเป็นฝั่งนู้นล่ะก็ผมเองก็พอจะมีเพื่อนที่พักอยู่ที่โบสถ์แถวๆ นั้นเหมือนกัน เดี๋ยวน่าจะถามทางจากเขาได้น่ะครับ”

นากาที่เห็นว่าโจน่าชี้นิ้วไปทางแถวๆ อีกฟากหนึ่งของเมืองที่เป็นทิศเดียวกับโบสถ์ที่พวกโมโกะต้องไปตามหาคนหายได้เอ่ยปากพูดตอบกลับไป ในขณะที่ทางด้านมิคาเอลที่เห็นว่าพวกเด็กๆ และซิสเตอร์โจน่าตกลงกันได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเองก็ได้พูดบอกลาพวกเด็กๆ ขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน

“วันนี้พวกเธอวิ่งมาตั้งไกลคงจะเหนื่อยกันแล้วสินะ ถ้ายังไงก็กลับไปพักผ่อนกันก่อนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปเจอกันที่โบสถ์ของฉันก็แล้วกัน”

“อ่ะ–ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับคุณมิคาเอล คุณโจน่า”

คอนแนลที่ดูเหมือนจะยังคงซึมอยู่เล็กน้อยได้พูดตอบทั้งสองคนกลับไป และนั่นก็ทำให้มิคาเอลพยักหน้ากลับมาให้เขาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินนำโจน่าหายออกไปจากตรอกร้างแห่งนี้

และเมื่อเหลือเพียงแค่นากากับคอนแนลเพียงแค่สองคนแล้วนากาก็ได้ตัดสินใจที่จะพูดถามคอนแนลขึ้นมาตรงๆ

“ซิสเตอร์โจน่าเขาเหมือนเจนขนาดนั้นเลยหรอ? ฉันเคยเห็นเขาแค่ครั้งเดียวตอนที่เข้าไปข้างในคฤหาสน์กับเอริกะก็เลยดูไม่ค่อยจะออกสักเท่าไหร่น่ะ”

“ครับ… จะบอกว่าหน้าตาเหมือนกันอย่างกับฝาแฝดเลยก็ได้ แถมท่าทางก็ยังดูใจดีๆ คล้ายกันอีก… ถ้าคุณเอริกะมาเฉลยทีหลังว่าคุณโจน่าเขาเป็นพี่น้องกันกับคุณเจนผมก็คงจะไม่แปลกใจสักเท่าไหร่หรอกครับ แต่เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเราก็กลับกันบ้างเถอะครับ”

“อื้ม… ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันไปรายงานให้ทีเอร่าฟังเองก็แล้วกัน นายกลับไปถึงก็พักผ่อนก่อนเถอะ”

นากาพยักหน้ารับคำของคอนแนลพลางเดินเข้าไปตบไหล่เพื่อนของเขาเบาๆ ด้วยความเข้าใจก่อนจะเดินนำออกจากตรอกร้างแห่งนี้ไป เพราะเขาเองก็รู้ดีว่าที่ผ่านมาคอนแนลค่อนข้างจะโทษตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่เขาเอาแต่ใจเพื่อขอเฝ้าบ้านให้เอริกะจนเป็นเหตุให้เขาไม่ได้อยู่ช่วยพวกอัศวินรุ่นพี่ของเขาในการป้องกันเหตุสลดในคฤหาสน์ของเวก้าจนทำให้ทุกคนที่นั่นเสียชีวิตไปกันหมด แล้วยิ่งมาเจอกับคนที่หน้าตาเหมือนกับเจนที่เคยทำงานเป็นหัวหน้าสาวใช้ให้กับเวก้าเข้ามันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดที่ไม่ได้ปกป้องอีกฝ่ายตามหน้าที่มากขึ้นไปอีก

“เอ… ถ้าเป็นโบสถ์ที่มีซิสเตอร์ผมสีทองที่ชื่อว่าโจน่าอยู่ล่ะก็นั่นน่าจะเป็นโบสถ์ที่หนูใช้เป็นที่พักเองแหล่ะค่ะ”

หลังจากที่ทุกๆ คนที่แยกย้ายกันออกไปทำภารกิจกลับมารวมกลุ่มกันที่บ้านพักตากอากาศของไดเอน่าเป็นที่เรียบร้อยแล้วและนากาเองก็ได้รายงานผลการทำภารกิจให้ทีเอร่าฟังเป็นที่เรียบร้อย เด็กสาวหูแมวผมสีดำก็ได้เลิกคิ้วพูดตอบนากากลับไปด้วยความแปลกใจที่พี่โจน่าของเธอเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องแบบนี้ด้วย ซึ่งคำพูดของทีเอร่านั้นก็ได้ทำให้นากาต้องพูดถามกลับไปด้วยความแปลกใจไม่แพ้กัน

“เอ…? มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยสิ…?”

“พวกพี่หมายถึงซิสเตอร์โจน่าคนที่ผมสีทองแล้วก็ตาสีแดงใช่มั้ยล่ะคะ? พี่เขารับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงซิสเตอร์ฝึกหัดที่หนูเข้าไปเนียนทำอยู่นั่นแหล่ะค่ะ ถ้าพี่นากาไม่เชื่อก็ลองถามพี่โมโกะเขาดูก็ได้ ตอนที่พวกหนูกำลังเข้าไปถามพี่เคนอยู่ก็ได้เจอกับพี่โจน่าเขาเหมือนกัน”

“อื้ม ตอนที่พวกฉันเพิ่งจะไปถึงก็ได้คุยกับเขานิดหน่อยน่ะ เห็นเขาบอกว่าจะต้องออกไปทำธุระแถวชานเมืองหรืออะไรสักอย่างเนี่ยแหล่ะ…”

โมโกะที่ได้ยินชื่อของตัวเองดังขึ้นมาได้พูดบอกนากาขึ้นมาโดยไม่ต้องรอให้เขาพูดถามก่อน ในขณะที่ทางด้านอีฟที่ไปด้วยกันกับทางโมโกะเองก็ได้พยักหน้าถี่ๆ มาให้เขาด้วยอีกคนราวกับว่าเธอกำลังจะยืนยันคำพูดของโมโกะจนทำให้คอนแนลที่เห็นแบบนั้นต้องเอ่ยปากพูดขึ้นมาบ้าง

“ถ้าแบบนั้นก็คงจะไม่ผิดแน่ๆ แล้วแหล่ะครับ…”

“แล้วเป้าหมายของเวก้าเขาก็ดันไปอยู่ที่โจน่าที่หน้าตาเหมือนกับเจนด้วยน่ะนะ? เรื่องมันจะบังเอิญอะไรขนาดนั้นล่ะนั่น… เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ หรอทีเอร่า?”

คำพูดของคอนแนลได้ทำให้นากาที่ไม่ค่อยจะเชื่อในเรื่องบังเอิญอะไรแบบนั้นสักเท่าไหร่นักอดไม่ได้ที่จะพูดถามทีเอร่าซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ทีเอร่าต้องรีบพูดตอบเขากลับไป

“หนูเพิ่งจะรู้ว่าพี่เดดารัสเขาชื่อว่าเวก้าก็เมื่อกี้นี้เองเนี่ยแหล่ะค่ะ อ่ะ– แต่จะว่าไปเมื่อตอนนั้นที่หนูไปเจอพี่เขาบาดเจ็บอยู่ในโบสถ์ร้างแถวๆ รีมินัสพี่เขาก็พูดอะไรเพี้ยนๆ อย่าง ‘ผมทิ้งชื่อเก่าของผมไปแล้วล่ะครับ’ อะไรประมาณนั้นอยู่เหมือนกันอ่ะ”

ทีเอร่าที่กำลังพูดอธิบายออกมานั้นได้ทำเป็นตีหน้าเข้มและทำเสียงทุ้มๆ เลียนแบบท่าทางของเวก้าในขณะที่เธอเล่าให้ทุกๆ คนฟังไปด้วยก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายหันไปพูดถามนากาขึ้นมาบ้าง

“ว่าแต่พี่นากาแน่ใจแล้วหรอคะว่าพี่เดดารัสเขาพยายามจะทำร้ายพี่โจน่าน่ะ? พวกเขาอาจจะแค่บังเอิญไปเจอกันแล้วพวกพี่นากาที่เป็นศัตรูเก่าโผล่มาพอดีพี่เขาก็เลยหยิบอาวุธออกมาเผื่อป้องกันตัวไว้ก่อนเฉยๆ ก็ได้นะ”

“คุณเวก้าเขาหยิบอาวุธออกมาตั้งแต่ก่อนที่พวกผมจะไปถึงอีกน่ะครับ… แล้วเมื่อตอนที่พวกผมไปขวางเอาไว้คุณเวก้าเขาก็หันมีดไปทางคุณโจน่าแล้วบอกว่าพวกผมไม่เกี่ยวให้หลีกทางให้เขาด้วย เพราะงั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมหรือว่านากาแน่ๆ ล่ะครับ…”

คอนแนลที่ได้ยินคำถามของทีเอร่าได้พูดตอบเธอกลับไปอย่างใจเย็น เพราะเขาก็เข้าใจดีว่าเด็กสาวเคยทำงานคู่กับเดดารัสมานานเพราะงั้นการที่เธอจะยังไม่ไว้ใจพวกเขาที่เพิ่งจะถูกส่งมาใหม่เต็มที่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากนัก

“~~~♫”

แต่แล้วในขณะที่ทุกคนกำลังใช้ความคิดกันอยู่นั้นเอง อยู่ๆ อีฟก็ได้หันไปหาโมโกะก่อนที่เธอจะชูแขนทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงบอกว่าให้โมโกะอุ้มเธอขึ้นไปสูงๆ แบบที่โมโกะมักจะเล่นกับเธอเป็นประจำ และนั่นก็ทำให้ทีเอร่าที่เห็นว่าอีฟเหมือนจะไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะอยู่เฉยๆ ฟังการประชุมแล้วตัดสินใจที่จะบอกเลิกการประชุมครั้งนี้ไปก่อน

“ถ้างั้นเดี๋ยววันนี้พักเอาไว้เท่านี้ก่อนละกันนะคะ ละเดี๋ยวพรุ่งนี้พอได้ข้อมูลว่าทำไมพี่โจนเขาถึงโดนพี่เดดารัสจ้องจะทำร้ายเอาแบบนั้นแล้วค่อยมาประชุมกันอีกทีก็แล้วกันค่ะ… ว่าแต่พี่โมโกะจำทางไปที่โบสถ์ของหนูได้หรือเปล่าอ่ะ?”

“ก็ต้องจำได้อยู่แล้วสิ พรุ่งนี้เธอไม่ต้องมารับหรอก เดี๋ยวฉันพาคนอื่นไปเอง”

“ถ้างั้นหนูขอตัวก่อนก็แล้วกันนะคะ เฮ้อ…”

ทีเอร่าที่เริ่มต้นเก็บข้าวของของเธอได้พูดบอกลาพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความกลุ้มใจที่พี่ๆ คนสนิทของเธอทั้งสองคนดันมามีเรื่องกันเองเสียเฉยๆ โดยที่เธอคิดไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่

แต่ทว่าในทันทีที่เธอก้าวเท้าออกจากห้องนั่งเล่นนั้นเอง เธอก็ได้พบเข้ากับไดเอน่าผู้เป็นเจ้าของบ้านที่กำลังยืนคุยอยู่กับกลุ่มคนที่ดูเหมือนกับแพทย์พยาบาลอีกสองสามคนอยู่ที่หน้าประตูของคฤหาสน์เข้าเสียก่อน

“ถ้ายังไงก็อย่าลืมบอกให้เขาทานยาเป็นประจำจนกว่าจะหมดถุงด้วยนะครับคุณหนู เพราะถ้าเกิดว่าแผลอักเสบหรือว่ามีอาการอะไรแทรกซ้อนขึ้นมาล่ะก็คงจะทำการรักษาที่นี่ไม่ได้เหมือนในคราวนี้แล้วนะครับ”

“เข้าใจแล้วค่ะ ต้องขอบคุณคุณหมอที่อุตส่าห์มาช่วยรักษาเขาให้ถึงที่นี่ด้วยนะคะ”

“มันเป็นหน้าที่ของพวกผมอยู่แล้วล่ะครับ ถ้าเกิดว่าอาการของเขาทรุดลงก็พาตัวเขาไปที่โรงพยาบาลได้เลยนะครับ หรือจะส่งคนไปแจ้งที่โรงพยาบาลก็ได้เดี๋ยวทางโรงพยาบาลจะส่งทีมขนย้ายผู้ป่วยมารับตัวให้เอง”

นายแพทย์หนุ่มที่ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าทีมแพทย์นอกสถานที่ได้ค้อมหัวให้กับไดเอน่าเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินนำพยาบาลหนุ่มสาวทั้งสองคนออกไป ในขณะที่ทางด้านไดเอน่าก็ได้หันไปหาพวกนากาที่ยืนรอยู่ที่หน้าประตูห้องนั่งเล่นและเอ่ยปากทักทายขึ้นมา

“ว่าไง กลับมากันแล้วหรอทั้งสี่คน”

“อ่า ก็กลับมาได้สักพักนึงแล้วล่ะ… อ้อ แล้วก็เด็กคนนี้ชื่อว่าทีเอ— อ้าว หายไปไหนซะแล้วล่ะ…”

ในขณะที่นากากำลังจะพูดแนะนำตัวให้ทีเอร่าขึ้นมาอยู่นั้นเองเขาก็ต้องชะงักไปเล็กน้อยเพราะว่าในบัดนี้ข้างกายของพวกเขาไม่มีวี่แววของทีเอร่าอยู่เลยแม้แต่น้อย และเมื่อนากาได้ลองหันไปมาเพื่อมองดูแล้วเขาก็ได้พบว่าในบัดนี้ทีเอร่าได้เดินปะปนตามหลังกลุ่มแพทย์พยาบาลออกไปจากคฤหาสน์เป็นที่เรียบร้อยไปเสียแล้วและนั่นก็ทำให้นากาอดไม่ได้ที่จะพูดบ่นออกมาเบาๆ

“อ้าว ออกไปถึงนู่นแล้วแฮะ จะรีบอะไรแบบนั้นเนี่ย… เอาเถอะ ว่าแต่พวกคนเมื่อกี้นี้เป็นพวกหมอไม่ใช่หรอ? เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่พวกฉันออกไปข้างนอกหรือเปล่าน่ะ?”

“มันก็อะไรประมาณนั้นแหล่ะจ้ะ แต่ว่าคนเจ็บไม่ใช่พวกฉันหรอกนะ… เอาเป็นว่าตามฉันมาสิ”

ไดเอน่าพูดตอบนากากลับไปก่อนที่เธอจะเดินนำพวกเขาเข้าไปลึกด้านในตัวคฤหาสน์ ซึ่งคำพูดว่ามีคนเจ็บของไดเอน่านั้นก็ได้ทำให้นากาต้องยกมือขึ้นมาเกาศีรษะของตนเล็กน้อยก่อนที่เขาจะรีบส่งตัวอีฟไปให้คอนแนลดูแลก่อนแทน

“ฝากอีฟเอาไว้กับนายหน่อยสิคอนแนล ฉันไม่อยากให้อีฟเขาเห็นอะไรแบบนั้นน่ะ”

“ได้อยู่แล้วสิครับ ถ้างั้นเดี๋ยวผมพาอีฟเขาเข้าไปในเล่นห้องนั่งเล่นก็แล้วกันนะครับ ผมจะได้ใช้เวลาคิดอะไรไปด้วยเลย…”

“…….?”

ท่าทางที่ดูกลัดกลุ้มเล็กน้อยของคอนแนลได้ทำให้อีฟต้องเอียงคอเงยหน้ามองพี่ชายอัศวินของเธอด้วยท่าทีสงสัยก่อนที่เด็กสาวจะพยายามยกมือขึ้นไปลูบศีรษะของอีกฝ่ายเพื่อปลอบใจ ซึ่งท่าทางอันแสนใสซื่อของอีฟก็ได้ทำให้คอนแนลผุดรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจูงมือเด็กสาวกลับเข้าไปด้านในห้องนั่งเล่น

ส่วนทางด้านนากากับโมโกะก็ได้เดินตามหลังไดเอน่าเข้าไปลึกด้านในตัวบ้านพักตากอากาศหลังน้อยของไดเอน่าจนกระทั่งประธานนักเรียนสาวเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูบานหนึ่งและผลักมันให้เปิดออก เผยให้เห็นเคนซากิที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ เตียงหลังหนึ่ง

ซึ่งในทันทีที่เคนซากิหันมาเห็นนากากับโมโกะนั้นเขาก็ได้เผยรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรพร้อมกับพูดทักทายเพื่อนร่วมชั้นของตนขึ้นมา

“อ้าว กลับมากันแล้วหรอครับนากา ออกไปกันนานเหมือนกันนะครับนั่น”

“ก็เรื่องมันวุ่นซะจนลืมเวลาไปเลยน่ะ ว่าแต่เห็นไดเอน่าบอกว่ามีคนบาดเจ็บงั้นหรอ อย่าบอกนะว่าเป็นคุณไซร่าน่ะ?”

“ไม่ใช่หรอกจ้ะ คุณไซร่าเขากำลังไปเตรียมอาหารเย็นน่ะ ส่วนคนเจ็บที่ว่านั่นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นใครมาจากไหนน่ะ พวกฉันไปเจอเขาสลบอยู่ที่ห้องใต้ดินก็เลยพาตัวมารักษากันก่อนน่ะ”

ไดเอน่าที่ได้ยินคำพูดด้วยความเป็นห่วงของนากาได้พูดอธิบายขึ้นมาให้เขาฟัง และนั่นก็ทำให้นากาต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนเพื่อดูว่าใครคือคนเจ็บที่ไดเอน่าพูดถึงกันแน่

และนั่นก็ทำให้เขาได้พบเข้ากับกองชุดเกราะของนักผจญภัยกับเสื้อคลุมสีแดงคุ้นตาที่เต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหายอีกทั้งยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดที่ถูกวางกองทิ้งเอาไว้ที่พื้น ในขณะที่ด้านบนเตียงนั้นก็ได้มีร่างของชายหนุ่มผมสั้นทรงบ๊อบสีดำกำลังนอนหลับอยู่

ซึ่งภาพของชายหนุ่มผมบ๊อบสีดำและชุดเกราะรวมถึงผ้าคลุมสีแดงที่ดูคุ้นตาก็ได้ทำให้นากานึกขึ้นมาได้ว่าเขาเคยเจออีกฝ่ายมาแล้วถึงสองสามครั้งด้วยกันไม่ว่าจะเป็นตอนก่อนจะเดินทางออกจากหมู่บ้านโมริโกะและในตอนที่เขาเข้าไปช่วยเซซิลเอาไว้จากการโจมตีของอิซานางินั่นเอง

“เดี๋ยวนะ— นี่มันรัซเซลไม่ใช่หรอ!?”