บทที่ 147 เสี่ยวเถียนคิดถึงทุกคน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 147 เสี่ยวเถียนคิดถึงทุกคน
บทที่ 147 เสี่ยวเถียนคิดถึงทุกคน

เช้าวันที่สอง เฉินจื่ออันวานให้เสี่ยวจูขับรถพาครอบครัวซูกลับไปส่งที่หงซิน

ก่อนกลับไป เฉินจื่ออันและซูหม่านซิ่วสองสามีภรรยายังเอาของดี ๆ มาให้ก่อนกลับไม่น้อยเลยด้วย

หากแต่คุณปู่คุณย่าซูไม่ต้องการ แต่ก็หยุดลูกสาวที่คะยั้นคะยอไม่ได้ และยืนกรานให้พวกเขารับมาด้วย สุดท้ายก็ต้องรับเอามา

เสี่ยวจูขับรถด้วยความเร็วหากแต่ก็มั่นคง ยังไม่ทันเที่ยงวันก็พาพวกเสี่ยวเถียนกลับมาถึงหงซินอย่างปลอดภัย

ลงจากรถได้ หลานสาวคนเดียวของบ้านไม่รอใคร พุ่งเข้าไปในลานบ้านอย่างกระวนกระวาย

“แม่จ๋า”

เสียงนุ่มนวลของเสี่ยวเถียนทำให้เหลียงซิ่วที่กำลังทำอาหารออยู่ในครัวทิ้งมีดทันที แล้ววิ่งออกมา

เหลียงซิ่วอุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขน ตื่นเต้นมากจนแทบหลั่งน้ำตาออกมา

“เด็กคนนี้ ไม่อยู่บ้านตั้งนานแม่คิดถึงหนูแทบแย่เลย!”

“แม่จ๋า หนูก็คิดถึงแม่เหมือนกัน!” ซูเสี่ยวเถียนเหยียดแขนสั้น ๆ ออกไปกอดคอมารดาอย่างอออดอ้อน

หัวใจของเหลียงซิ่วหลอมละลายเมื่อลูกสาวทำตัวเหมือนเด็ก ๆ จึงลูบหลังเด็กหญิงแผ่วเบา

“ยังรู้จักคิดถึงแม่นะ ไปตั้งนานคิดว่าจะลืมแม่ไปซะแล้ว!”

“จะเป็นไปได้อย่างไรคะ? แม่ไม่รู้หรอกว่าหนูฝันถึงแม่ตั้งหลายครั้ง!” ซูเสี่ยวเถียนพูดอย่างอ่อนหวาน

ฉีเหลียงอิงออกมาจากห้องครัวแล้วเอ่ยทักทายพ่อแม่ จากนั้นก็ยิ้มเมื่อเห็นหลานสาวทำตัวเป็นเด็กในอ้อมแขนของเหลียงซิ่ว ในใจนึกอิจฉามาก!

ส่วนคุณย่าซูกลับรู้สึกผิดเมื่อเห็นสองแม่ลูกคู่นี้

เธอรู้สึกว่าไม่ควรพาเสี่ยวเถียนออกไปนานขนาดนี้เลย

ถึงจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด แต่ตัวเธอกับลูกชายก็ไม่เคยแยกจากกันเป็นเวลานานแบบนี้ด้วย

หลังจากนั้นไม่นาน ซูเสี่ยวเถียนก็ปล่อยคอของมารดา และกอดทุกคนในครอบครัวอย่างอบอุ่น

ก่อนบอกพวกเขาอย่างเคร่งขรึมว่า “เสี่ยวเถียนคิดถึงทุกคนมาก!”

เหล่าพี่ชายถูกน้องสาวออดอ้อนจนใบหน้าแดงก่ำ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหัวใจพวกเขาผ่อนคลายแล้ว

ถึงน้องสาวจะออกไปนาน แต่ยังคงคิดถึงพวกเขาเสมอ

น่ายินดี น่ายินดี!

“แม่ใหญ่ล่ะคะ? ไม่อยู่หรือ?”

ซูเสี่ยวเถียนทักทายทุกคนในบ้านแล้ว ก่อนจะพบว่าหวังเซียงฮวาไม่อยู่

“ตอนนี้แม่ใหญ่หนูกินนอนที่ฟาร์มไก่นู่น” ฉีเหลียงอิงยิ้ม “แม่เขาสนใจลูกไก่มากกว่าพี่ชายหนูอีก”

พวกพี่ชายโดนทำร้ายเสียแล้ว…

เถียงไม่ได้ เพราะแม่พวกเขาสนิทกับพวกลูกไก่มากกว่าจริง ๆ!

ถึงจะพูดแกล้ง แต่มันเรื่องจริงเนี่ยสิ

ตั้งแต่ลูกไก่มาส่ง หวังเซียงฮวาก็อุทิศตนไปกับลูกไก่

ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้รับผลตอบแทน ภายใต้การดูแลเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกไก่พวกนั้นเติบโตมาได้อย่างดี และเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แม้แต่หัวหน้าชุมชนยังบอกว่า เหมาะมากที่ให้หวังเซี่ยวฮวารับหน้าที่เป็นคนดูแลสัตว์ของฟาร์มไก่! ถ้าเป็นคนอื่นคงเลี้ยงได้ไม่ดีขนาดนี้

“แม่ใหญ่ทำกับข้าวที่ฟาร์มไก่หรือคะ?” ซูเสี่ยวเถียนถามด้วยความสงสัย

“ถ้าพวกเราทำเสร็จแล้วก็จะส่งไปให้น่ะ!” เหลียงซิ่วเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “รอให้หนูเอาไปส่งให้แม่ใหญ่นะ แม่ใหญ่จะต้องดีใจแน่!”

ซูเสี่ยวเถียนพยักหน้าทันทีและตอบตกลง “หนูจะเอาไปให้ค่ะ ไม่ได้เจอแม่ใหญ่ตั้งเกือบเดือน หนูคิดถึงแม่ใหญ่เหมือนกัน!”

หลังจากวุ่นวายอยู่ครู่ใหญ่ ข้าวกลางวันของบ้านซูช้ากว่าปกติเล็กน้อย

กินเสร็จ เสี่ยวเถียนก็นำอาหารที่มารดาเตรียมไว้ให้ไปส่งหวังเซียงฮวา ทว่าก็ได้ยินคุณปู่พูดเสียก่อน

“ตอนเย็นเชิญพวกอาจารย์ฉือมากินข้าวด้วยสิ! ยายเฒ่า คิดหน่อยว่าจะกินอะไรดี”

กลับมาคราวนี้เอาเนื้อมาไม่น้อยเลย ตอนเย็นจะทำชดเชยทุกคนเอง

“งั้นเรากินเกี๊ยวกันเถอะ กลิ่นจะได้ไม่แรงด้วย” คุณย่าซูชั่งน้ำหนักครู่หนึ่งก่อนจะว่า

หากกลิ่นของหมูตุ๋นน้ำแดงกับผัดเนื้อเปื่อยส่งกลิ่นแรงเกินไป จะไปกระตุ้นความอิจฉาของคนอื่นได้ เพราะสถานะบ้านคนอื่นไม่ดี แต่บ้านตัวเองกินอยู่บ้านเดียวนั่นเอง

เรื่องนี้คุณย่าซูระมัดระวังอยู่เสมอ

“ได้!” คุณปู่ซูพยักหน้า

“งั้นตอนบ่ายหนูไปหาคุณปู่ฉือกับคุณปู่ตู้เองค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนพูดทันทีว่าจะเชิญพวกเขาด้วยตัวเอง

“เพิ่งจะกลับมาก็จะไปคอกวัวแล้วหรือ?”

เดิมทีซูซื่อเลี่ยงคิดจะเอาหนังสือไปนั่งอ่านใต้ต้นไม้ในลานบ้าน แต่พอได้ยินเสี่ยวเถียนพูดเช่นนี้ก็บ่นงึมงำ

ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะ? ตั้งแต่ที่เสี่ยวเถียนไปอำเภอได้สามวัน ไอ้หนุ่มฉืออี้หย่วนก็มาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวทางสี่แยก

แค่มองอีกฝ่ายก็รู้สึกยากแก่การหยั่งถึง เลยเริ่มไม่พอใจขึ้นเรื่อย ๆ

แต่เพราะมีคำถามที่ไม่เข้าใจอยู่เยอะที่ต้องไปถาม เลยบ่นมากไม่ได้

ซูเสี่ยวเถียนได้ยินแล้ว แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

พวกพี่ชายดีทุกอย่างเลยนะ แต่ที่แย่อย่างเดียวคือขี้อิจฉา จะต้องทำอย่างไรเนี่ย?

“เสี่ยวเถียน แล้วบ่ายนี้ลูกไม่ต้องไปบ้านหัวหน้าซูหรือ?” ซูเหล่าซานเอ่ยถาม

ซูเสี่ยวเถียนตบหน้าผาก “ใช่เลย หนูลืมเรื่องสำคัญไปได้อย่างไรเนี่ย!”

พอซูซื่อเลี่ยงได้ยินว่าน้องมีเรื่องต้องไปทำตอนบ่าย ก็รีบพูดทันที “งั้นผมไปเชิญพวกคุณปู่ที่คอกวัวเองครับ!”

เห็นน้องรองเป็นแบบนั้น ซูโส่วเวินก็อดมองอย่างเหยียดหยามไม่ได้

ไม่รู้จริง ๆ ว่าในหัวน้องรองกำลังคิดอะไรอยู่

ต่อให้เสี่ยวเถียนไม่ไป ไอ้หนุ่มฉืออี้หย่วนก็จะต้องเดินมาทุกเย็นอยู่ดี

“พ่อสาม เสี่ยวเถียน พวกพ่อจะไปทำอะไรที่บ้านหัวหน้าหรือครับ?”

ในฐานะนักบัญชีของชุมชน ซูโส่วเวินมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนี้

“พี่ใหญ่ มีข่าวดีค่ะ อีกไม่นานฟาร์มไก่ของเราจะเลี้ยงลูกไก่ได้อีกเพียบเลย!” ซูเสี่ยวเถียนกล่าวอย่างร่าเริง

ว่าจบก็จำได้ว่าต้องเอาอาหารไปให้แม่รองจึงรีบพูดทันที “เดี๋ยวหนูเอาข้าวไปให้แม่ใหญ่ก่อน ค่อยว่ากันนะคะ รอกลับมาก่อน”

ซูโส่วเวินรีบตอบทันที “งั้นไปด้วยกันเถอะ”

ขณะพูดก็หยิบตะกร้าจากมือน้องสาวมาอย่าระมัดระวัง แล้วจับมือเสี่ยวเถียนเดินออกไป

ตอนที่เดินบนถนนของชนบท เสี่ยวเถียนกระโดดโลดเต้นไปตลอด เธอมีความสุขมาก

ถึงเมืองจะสวย แต่เธอก็ยังชอบดินแดนสีเหลืองผืนนี้ที่เกิดและเติบโตขึ้นมา

ชาติที่แล้ว ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ความฝันของเธอคือการได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง!

ทว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเลยจวบกระทั่งเธอตายไป

ซูโส่วเวินถามไปด้วยเดินไปด้วย “เสี่ยวเถียน น้องได้ลูกไก่มาจริง ๆ หรือ? แม่พี่ต้องมีความสุขแน่!”

“ใช่แล้วค่ะ ชุมชนใหญ่ให้มาแค่สองร้อยตัวเอง แต่ครั้งนี้หนูไปปรึกษามาได้มาพันตัวค่ะ อาเขยสัญญาว่าจะช่วยหามาให้” ซูเสี่ยวเถียนผงกหัวอย่างภาคภูมิใจ

ซูโส่วเวินเกือบทำตะกร้าในมือหล่น

เจ้าข้าเอ้ย เยอะขนาดนั้นเลยหรือ?

สองร้อยตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ แล้วเสี่ยวเถียนทำได้ถึงพันตัวเนี่ยนะ?

“จริงหรือหลอกเนี่ย?”

ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม “จริงสิคะ หนูไม่ได้โกหกนะ แต่ว่าผู้อำนวยการหลี่บอกว่าลูกไก่หนึ่งพันตัวเนี่ยจะส่งครั้งเดียวไม่ได้ ต้องแบ่งเป็นสามครั้ง!”

“อย่าว่าแต่สามครั้งเลย แค่ให้เรามาสิบครั้งก็เอา!” ซูโส่วเวินมีความสุขมาก

ในชุมชนเราเพิ่งมีสองร้อยตัว แม่เลยวางแผนจะหาไข่มาฟักเอง

“เสี่ยวเถียน ถ้าลูกไก่พันตัวโตขึ้น จะผลิตไข่ได้วันละกี่ฟองเนี่ย”

“ต้องมีหกหรือเจ็ดร้อยฟองเลยค่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนประเมินคร่าว ๆ

ไม่รู้ว่าพวกกระดูกป่นกับกากถั่วเหลืองที่เธอต้องการ อาเขยจะเอามาให้ได้ไหม ถ้าเอามาไม่ได้ อย่างมากที่สุดผลผลิตก็น่าจะประมาณนี้

หลังจากได้ยินตัวเลขที่น้องสาวว่า ก็คิดคำนวณทันที แต่หลังจากนั้นกลับรู้สึกเศร้าใจ

“ไข่เยอะมากเลย ขายไม่ได้ขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ?”

วันนึงได้หกเจ็ดร้อยฟอง เดือนนึงก็สองหมื่น อิงจากไข่แปดฟองเท่ากับหนึ่งจิน ไข่สองหมื่นฟองก็ประมาณสองพันจิน

จะมากเกินไปแล้ว!

“มีคนมารับซื้อค่ะ ไม่ต้องห่วงนะ หนูกลัวไม่พอมากกว่า!”

ซูเสี่ยวเถียนยังคงกระโดดโลดเต้นอย่างหมั่นใจ โดยไม่ลืมทักทายต้นใม้ใบหญ้าข้างทางด้วย

เธอได้ปรึกษากับเฉินจื่ออันแล้ว เดือนนึงโรงงานขนมไข่จะใช้ไข่ไก่อย่างน้อยที่สุดสองพันจิน

หลังจากสร้างฟาร์มไก่แล้ว ไข่ส่วนใหญ่จะต้องพิจารณาให้กับทางสหกรณ์จำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ามีอุปทานพอสำหรับประชาชน

เหลือให้โรงงานขนมไข่ก็ไม่เยอะแล้ว

เดิมทีฟาร์มไก่ของชุมชนการผลิตหงซินมันไม่พอหรอก

แต่ว่าหลังจากขยับขยายเพิ่มก็อาจจะพอก็ได้นะ

ซูโส่วเวินไม่กล้าคิดเลยว่าจะมีใครถ่อมายังสถานที่อันห่างไกลเพื่อซื้อไข่ด้วยหรือ

แต่ซูเสี่ยวเถียนกลับมั่นใจมาก ตอนนี้พวกเขาเป็นตลาดของผู้ขาย (ตลาดที่ราคาและเงื่อนไขการซื้อขายถูกกำหนดโดยผู้ขายเป็นหลัก เพราะขาดแคลนความต้องการขายในตลาดและการแข่งขันระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย) อุปทานมากกว่าอุปสงค์เสียอีก (ความต้องการขายมากกว่าความต้องการซื้อ) กลัวก็แต่ไม่มีคนมาซื้อน่ะสิ

อย่างน้อยผู้อำนวยการหลี่จะต้องมาหาถึงบ้านแน่นอน

สองพี่น้องคุยกันกระทั่งมาถึงฟาร์มไก่

เสี่ยวเถียนจากไปเกือบเดือน พอมาถึงฟาร์มก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นพวกไก่โตขึ้นจากก้อนขนขนาดเท่าถ้วย